หอพักขอนแก่น,หอพัก ขจรศักดิ์ ขอนแก่น, หอพัก ศศิธร ขอนแก่น, หอพัก ถูก ขอนแก่น, หอพัก อยู่สบาย ขอนแก่น หน้าค่าย ร.8 ใกล้สนามบินขอนแก่น,

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - neungreungtaicpe

หน้า: [1]
1
COTTON 100% ถือว่าได้รับความนิยมนำมาใช้ผลิตเสื้อโปโล ด้วยราคาที่ค่อนข้างถูก ใครก็สามารถจับต้องได้ อีกทั้งยังสวมใส่ได้สบาย มันจึงใช้งานมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะเสื้อของสุภาพบุรุษ เพราะเสื้อมีทรงกำลังดี ไม่ได้เข้ารูปเกินไป

เส้นใยดังต่อไปนี้ ก็เหมาะกับใช้ผลิตเสื้อโปโลไม่แพ้ COTTON 100%

กระบวนการผลิตเส้นใยของโรงงานเสื้อโปโล https://www.sbgarment.com/ เป็นสิ่งสำคัญที่บ่งบอกคุณภาพและช่วยการันตีในเรื่องความเบาสบายขณะสวมใส่ ซึ่งการผลิตเสื้อที่ดีนั้นเกิดจากการเรียงตัวของเส้นด้ายที่มีความหนาแน่น สม่ำเสมอ รวมถึงต้องขจัดสิ่งสกปรกออกได้ดีด้วย ในส่วนของกระบวนการผลิตเส้นด้ายจากโรงงาน จะแบ่งออกเป็น 3 เกรดด้วยกันดังนี้

ประเภทที่ 1 COTTON OE - หมายถึงเสื้อที่ไม่ผ่านกระบวนการคัดคุณภาพเส้นใยฝ้าย ส่งผลให้เนื้อผ้าเสื้อประเภทนี้จะมีความแข็ง กระด้าง ไม่ทนทานต่อการใช้งานมากนัก ขาดได้ง่าย ซึ่งเสื้อที่ทำจากกระบวนการผลิตแบบนี้จะใช้ต้นทุนต่ำ ราคาถูก และเป็นเสื้อคุณภาพเกรดต่ำที่สุด นิยมนำมาใช้ผลิตเป็นประเภทเสื้อยืดราคาถูก

ประเภทที่ 2 COTTON SEMI – สำหรับกระบวนการผลิตแบบนี้ ก็จะดีกว่าข้างต้นแรก เพราะถือเป็นกระบวนการผลิตที่โรงงานนิยมใช้กันมาก โดยจะมีการผลิตเส้นด้ายด้วยใช้วิธีสางเส้นใยฝ้ายด้วยเครื่องจักร มีข้อดีคือเส้นด้ายใยสั้น ที่มีขนาดเบอร์ 20 - 32 ที่นิยมนำไปใช้ผลิตเสื้อสวมใส่ ซึ่งกระบวนการผลิตแบบนี้จะช่วยให้ได้เนื้อผ้านุ่มกว่ากระบวนการแรก มีความกระด้างปานกลาง คุณภาพและราคาก็ปานกลางเช่นกัน

ประเภทที่สาม COTTON COMP – จัดเป็นกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพสูงสุด เนื่องจากผลิตด้ายด้วยวิธีหวีเส้นใยจากเครื่องจักร จึงทำให้ขั้นตอนมีความยุ่งยากและซับซ้อนกว่ากระบวนการข้างต้น แต่ด้วยความซับซ้อนนี้เอง จึงทำให้ได้มาซึ่งเนื้อผ้าที่นุ่มละเอียด เพราะผลิคขึ้นจากเส้นด้ายขนาดเล็กเบอร์ 32 ขึ้นไป ที่เส้นด้ายยาวกว่า ขจัดสิ่งสกปรกได้ดีกว่า เนื้อผ่านุ่มไม่กระด้าง มีความทนทานสูง แต่ก็มีราคาแพงขึ้นด้วย.

2
สถิติการนำเข้า-ส่งออกระหว่างประเทศ แสดงให้เห็นว่าไทยยังคงนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนเป็นอันดับ 1 อย่างต่อเนื่อง” ซึ่งสถิติการนำเข้าสินค้าของไทยครั้งนี้ มีมูลค่าสูงการนำเข้าสินค้าจากอเมริกา ที่อยู่อันดับ 3 ถึง 3-4 เท่า ตามมาด้วยที่อันดับ 2 ได้แก่ประเทศญี่ปุ่น อันดับ 4 ประเทศมาเลเซีย และอันดับ 5 คือเกาหลีใต้

จากข้อมูลนำเข้าสินค้าจากประเทศจีน ที่จัดทำโดยศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร ยังพบข้อมูลอีกว่า การนำเข้าสินค้าของคนไทยส่วนใหญ่ยังคงเป็นสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้านในแถบภูมิภาคเอเชีย

คนไทยนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนหลายประเภท

สำหรับการนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนมายังประเทศไทย https://www.importchinathai.com/ ค่อนข้างครอบคลุมในตลาดธุรกิจ ทว่าสินค้าประเภทหลักก็ไม่พ้นวัตถุดิบนอุตสาหกรรม เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ, เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ, เคมีภัณฑ์, เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์, ไปจนถึงส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ต่าง ๆ

สำหรับคนไทยที่นิยมนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนตามที่ได้กล่าวไป ทั้งจากในเว็บ หรือช่องทางออนไลน์อื่น ๆ ถูกจัดอยู่ในหมวดสินค้าที่คนไทยนิยมนำเข้าจากต่างประเทศ ในอันดับที่ 2 - 5 และ 7 ตามลำดับ จึงเรียกได้ว่าเป็นเม็ดเงินที่สูงมากในหนึ่งปี

แนวโน้มนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนในอนาคต เป็นอย่างไร

เมื่อมองถึงแนวโน้มการนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนในอนาคต ก็มีข้อมูลที่น่าสนใจ ซึ่งแต่เดิมสินค้าจีนล้วนขึ้นชื่อเรื่อง Copy Grade A ทว่าปัจจุบันได้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะรัฐบาลจีนเพิ่มความเข้มงวดเรื่องลิขสิทธิ์ พร้อมกับประชาชนจีนที่เริ่มตื่นตัวคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ แทนที่จะลอกของคนอื่นมาเหมือนสมัยก่อน

รวมถึงการจดสิทธิบัตรด้านนวัตกรรมของสินค้า ก็ช่วยให้การนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ซึ่งจากเดิมในปี 2010 สถิติการจดสิทธิบัตรด้านทรัพย์สินทางปัญญาในจำนวนประชากร 10000 คน จะอยู่ที่ 1.7 รายการ แต่ทว่าในปี 2017 ที่ผ่านมา พบว่าสถิติเพิ่มขึ้นเป็น 9.8 รายการ หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 6 เท่า

หน้า: [1]