หอพักขอนแก่น,หอพัก ขจรศักดิ์ ขอนแก่น, หอพัก ศศิธร ขอนแก่น, หอพัก ถูก ขอนแก่น, หอพัก อยู่สบาย ขอนแก่น หน้าค่าย ร.8 ใกล้สนามบินขอนแก่น,

ผู้เขียน หัวข้อ: บริหารจัดการอาคาร: การตรวจเช็คสภาพแอร์ เพื่อที่จะได้ใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ  (อ่าน 4 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2682
    • ดูรายละเอียด

บริหารจัดการอาคาร: การตรวจเช็คสภาพแอร์ เพื่อที่จะได้ใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ

การตรวจเช็กสภาพแอร์เป็นประจำเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้เครื่องปรับอากาศทำงานได้อย่าง เต็มประสิทธิภาพ เย็นฉ่ำ ประหยัดพลังงาน และยืดอายุการใช้งานค่ะ การละเลยการบำรุงรักษาอาจนำไปสู่ปัญหาต่างๆ เช่น แอร์ไม่เย็น เปลืองไฟ มีกลิ่นอับ และอาจเสียค่าซ่อมแพงในระยะยาว ลองมาดูขั้นตอนและจุดที่ควรตรวจเช็กกันนะคะ

ทำไมต้องตรวจเช็กสภาพแอร์เป็นประจำ?

ประหยัดพลังงาน: แอร์ที่สะอาดและทำงานปกติจะใช้ไฟน้อยกว่าแอร์ที่สกปรกหรือมีปัญหา

เพิ่มประสิทธิภาพการทำความเย็น: ลมเย็นออกมาเต็มที่ ไม่ต้องเปิดอุณหภูมิต่ำเกินไป

ยืดอายุการใช้งาน: ลดภาระการทำงานของคอมเพรสเซอร์และชิ้นส่วนอื่นๆ

อากาศสะอาด: ลดการสะสมของฝุ่น เชื้อโรค เชื้อรา ที่อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ

ลดปัญหาจุกจิก: ป้องกันการเกิดปัญหาน้ำหยด เสียงดัง หรือแอร์เสียกะทันหัน

จุดที่ควรตรวจเช็กและวิธีการทำความสะอาด
การตรวจเช็กสภาพแอร์สามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ ส่วนคอยล์เย็น (Indoor Unit) ที่อยู่ในห้อง และ ส่วนคอยล์ร้อน (Outdoor Unit) ที่อยู่นอกบ้าน

1. การตรวจเช็กและดูแลส่วนคอยล์เย็น (Indoor Unit)

ส่วนนี้เป็นส่วนที่เราสามารถดูแลเองได้บ่อยที่สุด

แผ่นกรองอากาศ (Air Filter):

ความสำคัญ: เป็นด่านแรกในการดักจับฝุ่นละออง สิ่งสกปรกในอากาศ

วิธีเช็ก/ทำความสะอาด:

ควรทำ: ทุก 1-2 เดือน (หรือบ่อยกว่านั้นหากใช้งานหนักหรือในบริเวณที่มีฝุ่นมาก)

วิธี: เปิดหน้ากากแอร์ ดึงแผ่นกรองอากาศออกมา ปัดฝุ่นออก หรือใช้น้ำเปล่าฉีดล้าง (ห้ามใช้น้ำยาเคมีรุนแรง) ผึ่งให้แห้งสนิทก่อนนำกลับไปใส่

สังเกต: หากแผ่นกรองสกปรกมาก จะเห็นฝุ่นจับหนาแน่น ลมแอร์ที่ออกมาจะเบาลง


คอยล์เย็น (Evaporator Coil):

ความสำคัญ: เป็นส่วนที่แลกเปลี่ยนความร้อน ทำให้ลมเย็นออกมา

วิธีเช็ก/ทำความสะอาด:

ควรทำ: ควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญทำปีละ 1-2 ครั้ง (ล้างใหญ่) แต่หากเห็นฝุ่นเกาะหรือสิ่งสกปรก ให้ใช้แปรงสีฟันเก่า หรือแปรงขนนุ่มๆ ปัดเบาๆ ตามแนวครีบ

สังเกต: หากสกปรกมาก จะมีฝุ่นดำๆ เกาะตามครีบ หรืออาจมีเมือกเหนียวๆ ทำให้แอร์ไม่เย็น ลมออกน้อยลง และอาจมีกลิ่นอับ


ถาดรองน้ำทิ้งและท่อน้ำทิ้ง (Drain Pan & Drain Pipe):

ความสำคัญ: รวบรวมน้ำที่เกิดจากการควบแน่น และระบายออกไป

วิธีเช็ก/ทำความสะอาด:

ควรทำ: ให้ช่างผู้เชี่ยวชาญทำความสะอาดปีละ 1-2 ครั้ง แต่หากสังเกตเห็นน้ำหยดจากแอร์ แสดงว่าท่อน้ำทิ้งอาจอุดตัน ควรรีบแจ้งช่าง

สังเกต: น้ำหยดจากตัวเครื่อง มีรอยคราบน้ำตามผนัง หรือได้กลิ่นอับชื้นผิดปกติ

พัดลมโพรงกระรอก (Blower Fan/Squirrel Cage Fan):

ความสำคัญ: ทำหน้าที่เป่าลมเย็นออกมา

วิธีเช็ก/ทำความสะอาด:

ควรทำ: ควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญทำความสะอาดปีละ 1-2 ครั้ง เพราะเป็นจุดที่ทำความสะอาดยาก และมักเป็นแหล่งสะสมของเชื้อราและฝุ่นละออง

สังเกต: หากสกปรกมาก ลมแอร์จะเบาลงมาก และอาจมีเสียงดังผิดปกติ


2. การตรวจเช็กและดูแลส่วนคอยล์ร้อน (Outdoor Unit)

ส่วนนี้ควรให้ช่างผู้เชี่ยวชาญดูแลเป็นหลัก

แผงคอยล์ร้อน (Condenser Coil):

ความสำคัญ: ระบายความร้อนออกจากสารทำความเย็น

วิธีเช็ก/ทำความสะอาด:

ควรทำ: ควรให้ช่างทำความสะอาดปีละ 1-2 ครั้ง โดยช่างจะฉีดล้างฝุ่น ดิน หรือสิ่งสกปรกที่เกาะอยู่

สังเกต: หากมีฝุ่นเกาะหนาแน่น แอร์จะระบายความร้อนได้ไม่ดี ทำให้กินไฟมากขึ้น และแอร์ไม่เย็นฉ่ำเท่าที่ควร


พัดลมคอยล์ร้อน (Condenser Fan):

ความสำคัญ: ช่วยเป่าลมผ่านแผงคอยล์ร้อนเพื่อระบายความร้อน


วิธีเช็ก/ทำความสะอาด:

ควรทำ: ให้ช่างตรวจเช็กและทำความสะอาด

สังเกต: หากใบพัดมีสิ่งอุดตัน หรือเสียหาย จะทำให้ลมออกไม่เต็มที่ หรือมีเสียงดังผิดปกติ


ระดับน้ำยาแอร์ (Refrigerant Level):

ความสำคัญ: เป็นสารที่ทำหน้าที่นำพาความร้อน


วิธีเช็ก:

ควรทำ: ให้ช่างผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นที่ตรวจเช็กและเติมน้ำยาแอร์

สังเกต: หากแอร์ไม่เย็นฉ่ำเท่าปกติ แม้จะทำความสะอาดแล้ว หรือมีเสียงการทำงานของคอมเพรสเซอร์ที่ผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณว่าน้ำยาแอร์พร่อง

ข้อควรระวัง: น้ำยาแอร์ไม่ได้ลดลงเองตามการใช้งาน หากพร่องแสดงว่ามีการรั่วซึม ควรรีบให้ช่างตรวจสอบและแก้ไขจุดรั่วซึมก่อนเติมน้ำยา

การยึดตัวเครื่องคอยล์ร้อน:

ความสำคัญ: เพื่อความปลอดภัยและลดการสั่นสะเทือน


วิธีเช็ก:

ควรทำ: สังเกตว่าตัวเครื่องมีการสั่นสะเทือนมากผิดปกติหรือไม่ มีการติดตั้งที่มั่นคงหรือไม่

สังเกต: หากมีเสียงดังจากการสั่นสะเทือน หรือตัวเครื่องดูไม่มั่นคง ควรแจ้งช่าง


ข้อแนะนำเพิ่มเติม
ล้างแอร์เป็นประจำ: ควรล้างแอร์แบบล้างใหญ่ (ถอดล้าง) โดยช่างผู้เชี่ยวชาญอย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง

จดบันทึกการซ่อมบำรุง: เพื่อติดตามประวัติการดูแลรักษาและช่วยให้การแก้ไขปัญหาในอนาคตทำได้ง่ายขึ้น

ฟังเสียงผิดปกติ: หากได้ยินเสียงดัง กุกกัก, เสียงน้ำหยด, หรือเสียงผิดปกติอื่นๆ ควรรีบแจ้งช่าง

การดูแลและตรวจเช็กสภาพแอร์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณใช้งานเครื่องปรับอากาศได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เย็นสบาย และประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้อย่างแน่นอนค่ะ
บันทึกการเข้า