ขอนแก่นกูรู
ซื้อขาย ประกาศฟรี => อื่นๆทั่วไป => ข้อความที่เริ่มโดย: siritidaphon ที่ กรกฎาคม 03, 2025, 02:22:20 pm
-
ข้อมูลโรคด่างขาว (Vitiligo) (https://doctorathome.com/disease-conditions)
โรคด่างขาวเป็นภาวะที่ผิวหนังสูญเสียเม็ดสี (Melanin) ทำให้เกิดเป็นรอยด่างสีขาวบนผิวหนังหรือเยื่อบุต่างๆ ของร่างกาย จัดเป็นโรคผิวหนังเรื้อรังชนิดหนึ่งที่มักไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บปวดหรือคัน แต่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อความมั่นใจและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
สาเหตุของโรคด่างขาว
สาเหตุที่แท้จริงของโรคด่างขาวยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าเกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายที่ไปทำลายเซลล์สร้างเม็ดสี (Melanocytes) ที่มีหน้าที่ผลิตเม็ดสีเมลานิน ซึ่งเป็นเม็ดสีที่ทำให้ผิว ผม และดวงตาของเรามีสีสัน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่:
พันธุกรรม: พบว่าประมาณ 20-30% ของผู้ป่วยมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคด่างขาว บ่งชี้ว่ามีปัจจัยทางพันธุกรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง
ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน (Autoimmune Disorder): เป็นทฤษฎีที่ได้รับการยอมรับมากที่สุด โดยระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเข้าใจผิดว่าเซลล์สร้างเม็ดสีเป็นสิ่งแปลกปลอม จึงโจมตีและทำลายเซลล์เหล่านั้น ทำให้เกิดรอยด่างขาว
ปัจจัยกระตุ้นอื่น ๆ:
ความเครียด: ความเครียดทางร่างกายหรือจิตใจที่รุนแรง
การบาดเจ็บที่ผิวหนัง: เช่น การโดนแดดเผา ผิวหนังถลอก บาดแผล หรือการกดทับซ้ำๆ
สารเคมีบางชนิด: โดยเฉพาะสารเคมีที่มีส่วนประกอบของฟีนอล (Phenol) หรือแคทิคอล (Catechol)
ความผิดปกติของระบบประสาท: มีทฤษฎีที่เชื่อว่าความผิดปกติของเส้นประสาทในบางบริเวณอาจส่งผลต่อเซลล์สร้างเม็ดสี
อาการและลักษณะของโรคด่างขาว
รอยด่างสีขาว: เป็นลักษณะเด่นของโรคนี้ ผิวหนังจะเปลี่ยนเป็นสีขาวซีดอย่างชัดเจน ซึ่งมักจะมีขอบเขตที่ชัดเจนกับผิวหนังปกติ
ตำแหน่งที่พบบ่อย: มักพบบริเวณรอบดวงตา รอบปาก จมูก รักแร้ ขาหนีบ ข้อศอก หัวเข่า นิ้วมือ นิ้วเท้า หรือบริเวณที่ต้องเสียดสีหรือสัมผัสบ่อยๆ
การกระจายตัว:
ด่างขาวเฉพาะส่วน (Localized Vitiligo): พบในบริเวณเดียว หรือกระจายตัวไม่สมมาตร มักเป็นชนิด Segmental Vitiligo ซึ่งมีการกระจายตัวตามแนวเส้นประสาท และมักไม่ค่อยลุกลาม
ด่างขาวทั่วตัว (Generalized Vitiligo): เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด รอยด่างจะกระจายตัวอย่างสมมาตรทั่วร่างกาย และมีแนวโน้มที่จะลุกลามเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ขนหรือผมเปลี่ยนสี: บริเวณรอยด่างขาว ขนหรือผมอาจกลายเป็นสีขาว (Poliosis) เนื่องจากเซลล์สร้างเม็ดสีถูกทำลาย
ไม่เจ็บปวดหรือคัน: โดยทั่วไปแล้วรอยด่างขาวจะไม่ก่อให้เกิดอาการทางกายใดๆ นอกจากในบางรายที่อาจมีอาการคันเล็กน้อยก่อนที่รอยด่างจะปรากฏ
การวินิจฉัย
ทันตแพทย์ผิวหนังสามารถวินิจฉัยโรคด่างขาวได้จากการตรวจร่างกายและดูจากลักษณะของรอยโรคเป็นหลัก อาจมีการใช้ไฟ Wood's lamp (เป็นไฟอัลตราไวโอเลตชนิดหนึ่ง) ส่องดูบริเวณผิวหนังเพื่อยืนยันขอบเขตของรอยโรคที่อาจมองด้วยตาเปล่าไม่ชัดเจน หรือบางกรณีอาจมีการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ (Biopsy) เพื่อยืนยันการวินิจฉัยและแยกจากโรคอื่น
การรักษา
การรักษาโรคด่างขาวมีจุดประสงค์หลักคือการคืนเม็ดสีให้กับผิวหนัง หรือช่วยให้รอยด่างขาวกลมกลืนกับผิวหนังปกติ และป้องกันไม่ให้รอยโรคขยายวงกว้างขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่มีวิธีการรักษาใดที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ 100% และผลการรักษาก็แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล วิธีการรักษามีหลากหลาย ได้แก่:
ยาทาภายนอก:
ยาสเตียรอยด์ (Topical Corticosteroids): ใช้ในระยะเริ่มต้น หรือรอยโรคขนาดเล็ก ช่วยยับยั้งการทำลายเซลล์สร้างเม็ดสี
ยากลุ่ม Calcineurin Inhibitors (เช่น Tacrolimus, Pimecrolimus): ใช้ในบริเวณใบหน้าและลำคอ เนื่องจากมีผลข้างเคียงน้อยกว่ายาสเตียรอยด์
การรักษาด้วยแสง (Phototherapy):
PUVA (Psoralen plus UVA): ผู้ป่วยจะรับประทานยา Psoralen หรือทา Psoralen ลงบนผิวหนัง แล้วจึงฉายแสง UVA เพื่อกระตุ้นการสร้างเม็ดสี
Narrowband UVB (NB-UVB): เป็นวิธีที่นิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากสะดวกกว่าและมีผลข้างเคียงน้อยกว่า PUVA โดยใช้การฉายแสง UVB ในช่วงความยาวคลื่นจำเพาะ เพื่อกระตุ้นเซลล์สร้างเม็ดสี
Excimer Laser: เป็นเลเซอร์ที่ให้แสง UV ที่มีความเข้มข้นสูงในบริเวณที่จำเพาะ เหมาะสำหรับรอยโรคขนาดเล็กและเป็นหย่อมๆ
ยาชนิดรับประทาน:
ยาสเตียรอยด์: ใช้ในกรณีที่โรคมีการลุกลามอย่างรวดเร็ว เพื่อยับยั้งการลุกลาม
ยาภูมิคุ้มกันบำบัดชนิดใหม่ (JAK Inhibitors): เป็นยาที่เพิ่งได้รับการอนุมัติและมีแนวโน้มที่ดีในการรักษาโรคด่างขาว
การผ่าตัด (Surgical Therapies):
ใช้ในกรณีที่รอยโรคคงที่ ไม่ลุกลามอย่างน้อย 1 ปี
การปลูกถ่ายเซลล์สร้างเม็ดสี (Melanocyte Transplantation): เป็นการนำเซลล์สร้างเม็ดสีจากบริเวณผิวหนังปกติมาปลูกถ่ายยังบริเวณที่เป็นด่างขาว
การปลูกถ่ายผิวหนัง (Skin Grafting): เป็นการนำผิวหนังปกติที่มีเม็ดสีมาปลูกถ่ายยังบริเวณที่เป็นด่างขาว
การทำลายเม็ดสีผิวหนังส่วนที่เหลือ (Depigmentation):
เป็นการรักษาในกรณีที่รอยด่างขาวเป็นบริเวณกว้างมาก และไม่ตอบสนองต่อการรักษาอื่นๆ เพื่อทำให้ผิวหนังส่วนที่เหลือมีสีขาวเท่ากับรอยด่าง ทำให้ผิวมีสีสม่ำเสมอทั้งตัว เช่น การใช้ยา Monobenzone
การดูแลและปกป้องผิวหนัง:
การใช้ครีมกันแดด: ผู้ป่วยโรคด่างขาวมีแนวโน้มที่จะถูกแดดเผาได้ง่ายกว่า เนื่องจากไม่มีเม็ดสีปกป้องผิว จึงควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงๆ ทุกครั้งที่ออกแดด
การแต่งหน้าหรือใช้เครื่องสำอางปกปิด: เพื่อช่วยกลบรอยด่างขาวและเพิ่มความมั่นใจ
ผลกระทบทางจิตใจและสังคม
โรคด่างขาวแม้จะไม่อันตรายถึงชีวิต แต่เป็นโรคที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อจิตใจและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย โดยเฉพาะเด็กและวัยรุ่น ผู้ป่วยอาจรู้สึกไม่มั่นใจในรูปร่างหน้าตา มีความวิตกกังวล เครียด หรือแยกตัวจากสังคม การให้กำลังใจและความเข้าใจจากคนรอบข้าง รวมถึงการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีอาการของโรคด่างขาว ควรรีบไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อวินิจฉัยและรับคำแนะนำการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมค่ะ