หอพักขอนแก่น,หอพัก ขจรศักดิ์ ขอนแก่น, หอพัก ศศิธร ขอนแก่น, หอพัก ถูก ขอนแก่น, หอพัก อยู่สบาย ขอนแก่น หน้าค่าย ร.8 ใกล้สนามบินขอนแก่น,

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - bruary

หน้า: [1]
1
ระบบ กระดูกและข้อ คือโครงสร้างหลักที่ทำให้เราสามารถเคลื่อนไหวและใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ เมื่อโครงสร้างนี้เริ่มมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นอาการ ปวดข้อ ข้อฝืด หรือกระดูกเปราะบาง ย่อมส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตในทุกด้าน การทำความเข้าใจโรคเกี่ยวกับกระดูกและข้อที่พบบ่อย จะช่วยให้คุณสังเกตอาการได้เร็วและเริ่มต้นการดูแลรักษาได้ทันทท่วงที หมอกระดูกและข้อ

1.โรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis - OA)
ถือเป็นปัญหาหลักด้านสุขภาพของคนไทย โดยเฉพาะ โรคข้อเข่าเสื่อม ซึ่งเป็นตําแหน่งที่พบมากที่สุด
ความชุก: ปัจจุบันคาดว่ามีผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมในประเทศไทย มากกว่า 6 ล้านคน และพบสูงถึง 34−50% ในกลุ่มผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป
ลักษณะเด่น: เป็นโรคที่เกิดจากการ สึกหรอของกระดูกอ่อนผิวข้อ ตามอายุและการใช้งาน ทำให้เกิดอาการปวด ข้อฝืด และมีเสียงดังในข้อ โดยอาการจะปวดมากขึ้นเมื่อมีการเคลื่อนไหว
สาเหตุ: อายุที่มากขึ้น, น้ำหนักตัวเกิน, การใช้งานข้อหนักซ้ำ ๆ, การบาดเจ็บของข้อ
อาการ: ปวดเมื่อย หรือ ปวดตื้อ ๆ ที่ข้อ โดยเฉพาะ ข้อเข่า และ ข้อสะโพก ปวดมากเมื่อใช้งาน หรือลงน้ำหนัก และอาการดีขึ้นเมื่อพัก ข้อฝืดตึง หลังตื่นนอนหรือนั่งนาน ๆ (มักไม่นานเกิน 30 นาที) อาจมี เสียงกรอบแกรบ เมื่อขยับข้อ



2.โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis)
เป็นภัยเงียบที่คุกคามผู้สูงอายุและผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน มักไม่มีอาการแสดงในระยะแรก แต่เป็นสาเหตุสำคัญที่นำไปสู่การเกิดกระดูกหัก
ความชุก: มีผู้ป่วยโรคกระดูกพรุนในประเทศไทย มากกว่า 1 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามจำนวนประชากรสูงวัย
ลักษณะเด่น: เป็นภาวะที่ มวลกระดูกลดลง ทำให้กระดูกเปราะบางและ หักง่าย แม้จากอุบัติเหตุที่ไม่รุนแรง ตำแหน่งที่หักบ่อยคือ กระดูกสะโพก กระดูกสันหลัง และข้อมือ
สาเหตุ: อายุที่มากขึ้น (โดยเฉพาะหลังอายุ 50 ปี), วัยหมดประจำเดือนในผู้หญิง, ขาดแคลเซียมและวิตามิน D, การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
อาการ: ไม่มีอาการปวด ในระยะแรก สังเกตได้เมื่อเริ่มมี หลังค่อม หรือ ความสูงลดล อาการที่ชัดเจนที่สุดคือ กระดูกหักง่าย (เช่น กระดูกสะโพก กระดูกสันหลัง หรือข้อมือ) จากอุบัติเหตุที่ไม่รุนแรง

วิธีดูแลและป้องกันสุขภาพกระดูกและข้อ ให้แข็งแรง
การมีกระดูกและข้อที่แข็งแรงไม่เพียงแค่ช่วยให้คุณคล่องตัว แต่ยังลดความเสี่ยงการเกิดโรคในระยะยาวได้ด้วย
เสริมแคลเซียมและวิตามิน D ให้เพียงพอ: แคลเซียม (ประมาณ 800−1,000 มิลลิกรัมต่อวัน) ช่วยสร้างมวลกระดูก ส่วน วิตามิน D ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม ควรรับประทานนมและผลิตภัณฑ์จากนม ผักใบเขียว หรืออาหารเสริม
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: เลือกการออกกำลังกายที่มีการลงน้ำหนัก (Weight-Bearing Exercise) เช่น เดินเร็ว วิ่งเหยาะ ๆ หรือเต้นแอโรบิก จะช่วยกระตุ้นการสร้างกระดูกและเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อ
ควบคุมน้ำหนักตัว: น้ำหนักที่เหมาะสมช่วยลดภาระของข้อต่อ โดยเฉพาะข้อเข่าและข้อสะโพก ซึ่งช่วยป้องกัน ข้อเสื่อม ได้เป็นอย่างดี
หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง: งดสูบบุหรี่ และ ลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเป็นปัจจัยที่เร่งให้เกิดกระดูกพรุนและกระตุ้นโรคเก๊าท์
การดูแลสุขภาพกระดูกและข้อเป็นเรื่องที่คุณสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่วันนี้ หากคุณมีอาการปวดข้อที่เรื้อรัง หรือข้อฝืดตึงตอนเช้าผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกและข้อ ตรวจสุขภาพประจำปี ราคา เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่ตรงจุด

2
ในยุคที่ค่ารักษาพยาบาลพุ่งสูง โดยเฉพาะโรคร้ายแรงอย่าง มะเร็ง การวางแผนทางการเงินเพื่อรับมือจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การซื้อ ประกัน มะเร็ง ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณอุ่นใจเมื่อต้องเผชิญกับค่ารักษาที่สูงลิ่ว แต่เบี้ยประกันที่คุณจ่ายไปยังสามารถนำไปใช้เป็น ค่าลดหย่อนภาษี ได้อีกด้วย

ประกันมะเร็งลดหย่อนภาษี: เข้ากลุ่ม "ประกันสุขภาพ"
ตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร ประกันมะเร็ง และ ประกันโรคร้ายแรง จัดอยู่ในกลุ่มของ "ประกันสุขภาพ" ซึ่งเบี้ยประกันที่คุณจ่ายไปสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ โดยมีวงเงินและเงื่อนไขที่ชัดเจนดังนี้

1. วงเงินลดหย่อนภาษีสำหรับ "ประกันสุขภาพตนเอง"
เบี้ยประกันมะเร็งที่คุณทำไว้เพื่อคุ้มครองตัวเอง สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาทต่อปี

ข้อควรรู้เพิ่มเติม:
รวมกับประกันชีวิต: เมื่อรวมกับค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบทั่วไป (เช่น ประกันสะสมทรัพย์ที่มีความคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป) แล้ว ยอดรวมต้องไม่เกิน 100,000 บาท
เป็นความคุ้มครองเฉพาะตัว: ประกันมะเร็งที่นำมาลดหย่อนได้ต้องให้ความคุ้มครองเฉพาะตัวผู้เอาประกันเท่านั้น

2. วงเงินลดหย่อนภาษีสำหรับ "ประกันสุขภาพบิดา-มารดา"
หากคุณซื้อประกันสุขภาพ (ซึ่งรวมถึงประกันมะเร็งด้วย) ให้กับบิดาหรือมารดาของคุณ ก็สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน
ลดหย่อนได้สูงสุด 15,000 บาทต่อปี (สามารถแบ่งจ่ายกับพี่น้องได้ โดยเฉลี่ยตามส่วนที่จ่ายจริง)

เงื่อนไขสำคัญ:
บิดาหรือมารดาต้องมีเงินได้พึงประเมินรวมกันทั้งปี ไม่เกิน 30,000 บาท
คุณต้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย
ไม่ต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไป



ประกันมะเร็งแบบไหนที่ลดหย่อนภาษีได้
โดยทั่วไป กรมธรรม์ ประกันโรคร้ายแรง หรือ ประกันมะเร็ง ที่บริษัทประกันระบุว่าเป็นสัญญาเพิ่มเติม (Rider) ที่แนบท้ายกับกรมธรรม์หลัก (เช่น ประกันชีวิต) หรือเป็นกรมธรรม์เดี่ยวแบบที่เน้นความคุ้มครองสุขภาพ/โรคร้าย (เช่น แบบ "เจอ จ่าย จบ" หรือแบบที่จ่ายค่ารักษาตามจริง) มักจะเข้าเกณฑ์การลดหย่อนในส่วนของ "เบี้ยประกันสุขภาพ" ทั้งสิ้น

เคล็ดลับ: เพื่อให้มั่นใจ 100% ควรมองหาข้อความในโฆษณา หรือเอกสารประกอบการขายของผลิตภัณฑ์ประกันนั้น ๆ ที่ระบุชัดเจนว่า "สามารถนำเบี้ยประกันภัยไปลดหย่อนภาษีได้ตามที่กรมสรรพากรกำหนด"
ก่อนตัดสินใจทำประกันมะเร็ง: สิ่งที่คุณต้องรู้
นอกเหนือจากสิทธิลดหย่อนภาษีแล้ว การซื้อประกันมะเร็งยังมีข้อพิจารณาสำคัญที่คุณควรตรวจสอบก่อนตัดสินใจ:
ระยะเวลารอคอย (Waiting Period): ประกันมะเร็งเกือบทุกฉบับจะมีระยะเวลารอคอย (ส่วนใหญ่ 90 วัน) หมายความว่า หากตรวจพบมะเร็งภายในช่วงเวลาดังกล่าว บริษัทประกันจะไม่จ่ายผลประโยชน์
ประวัติสุขภาพเดิม (Pre-existing Condition): กรมธรรม์ส่วนใหญ่ จะไม่คุ้มครอง โรคมะเร็งที่ตรวจพบก่อนวันเริ่มมีผลคุ้มครอง ประกันลดหย่อนภาษีหรือมีสาเหตุสืบเนื่องมาจากการเจ็บป่วย/ความผิดปกติที่มีอยู่ก่อนทำประกัน


3
การเลือก อ่างล้างหน้า ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของความสวยงามเท่านั้น แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อการใช้สอยและการจัดการพื้นที่ในห้องน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างสองรูปแบบยอดนิยมอย่าง อ่างล้างหน้าแบบแขวนผนัง และ อ่างล้างหน้าแบบฝังบนเคาน์เตอร์

1. อ่างล้างหน้าแบบแขวนผนัง (Wall-Hung Basin)
เป็นอ่างล้างหน้าที่ยึดติดกับผนังโดยตรง ไม่ต้องมีขาตั้งหรือเคาน์เตอร์ด้านล่าง เหมาะกับห้องน้ำสไตล์มินิมอล หรือห้องน้ำที่มีพื้นที่จำกัด

ข้อดี:
ประหยัดพื้นที่: ไม่ต้องมีเคาน์เตอร์ ทำให้ห้องน้ำ ดูกว้างขวาง และโปร่งโล่งขึ้นทันที เหมาะสำหรับ ห้องน้ำขนาดเล็ก หรือห้องน้ำแขก
ทำความสะอาดง่าย: พื้นที่ใต้ท้องอ่างโล่ง ทำให้ทำความสะอาดพื้นห้องน้ำได้ง่ายและทั่วถึง ไม่มีการสะสมของฝุ่นและความชื้นใต้ตู้
ติดตั้งง่ายและรวดเร็ว: มีขั้นตอนการติดตั้งที่ซับซ้อนน้อยกว่าการทำเคาน์เตอร์
ปรับระดับความสูงได้: สามารถกำหนดความสูงของอ่างให้เหมาะสมกับผู้ใช้งานได้ง่าย

ข้อเสีย:
ขาดพื้นที่จัดเก็บ: ไม่มีพื้นที่สำหรับวางของใช้ส่วนตัว เช่น สบู่ แปรงสีฟัน หรือเครื่องสำอางอย่างเพียงพอ
งานระบบท่อโชว์: ท่อน้ำทิ้งและงานระบบใต้อ่างอาจจะดูไม่เรียบร้อย หากต้องการปกปิดต้องเลือกใช้รุ่นที่มีขาอ่างครึ่ง/เต็ม หรือติดตั้งร่วมกับตู้เก็บของแบบแขวน
ผนังต้องแข็งแรง: ต้องมั่นใจว่าผนังมีความแข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนักตัวอ่างและแรงกดจากการใช้งานได้



2. อ่างล้างหน้าแบบฝังบนเคาน์เตอร์ (Drop-in / Self-Rimming Basin)
อ่างล้างหน้าแบบฝัง เป็นอ่างที่ถูกฝังลงในเคาน์เตอร์หรือท็อปอ่าง โดยมีขอบอ่างยื่นพ้นเคาน์เตอร์ขึ้นมาเล็กน้อย เป็นรูปแบบที่ได้รับความนิยมสูงเพราะตอบโจทย์ทั้งฟังก์ชันและความสวยงาม

ข้อดี:
เพิ่มพื้นที่ใช้สอยและการจัดเก็บ: มี เคาน์เตอร์ ขนาดใหญ่สำหรับวางของใช้ ทำให้ห้องน้ำเป็นระเบียบเรียบร้อย
ความสวยงามหรูหรา: ดีไซน์ดูกลมกลืนและเป็นส่วนหนึ่งของเฟอร์นิเจอร์ ทำให้ห้องน้ำดู หรูหรา ทันสมัย
ปกปิดงานระบบ: โครงสร้างเคาน์เตอร์ช่วย ปกปิดท่อน้ำทิ้ง และงานระบบทั้งหมดได้อย่างมิดชิด
แข็งแรงทนทาน: มีฐานรองรับน้ำหนักที่ดีเยี่ยม

ข้อเสีย:
เปลืองพื้นที่: ต้องใช้พื้นที่มากในการติดตั้งเคาน์เตอร์ จึงไม่เหมาะกับห้องน้ำที่มีพื้นที่จำกัด
ทำความสะอาดยากกว่า: รอยต่อระหว่างขอบอ่างกับเคาน์เตอร์มีโอกาสเกิดคราบสกปรก หรือเชื้อราสะสมได้ง่าย ต้องหมั่นเช็ดทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
ราคาสูงกว่า: มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับเคาน์เตอร์และท็อปอ่าง


4
ตาแห้ง ถือเป็น ปัจจัยเสี่ยง ที่ส่งเสริมให้เกิด ต้อเนื้อ ได้ง่ายขึ้น เพราะเมื่อดวงตาขาดน้ำตามาหล่อเลี้ยงอย่างเพียงพอ พื้นผิวตาจะเกิดการอักเสบและระคายเคืองอย่างต่อเนื่อง ความไม่สมบูรณ์ของชั้นน้ำตาทำให้ดวงตาอ่อนแอต่อปัจจัยภายนอก เช่น ลมและแสงแดด ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เยื่อบุตาเสื่อมสภาพและเกิดการงอกของต้อเนื้อในที่สุด

ตาแห้ง (Dry Eye Syndrome) คือภาวะที่ปริมาณหรือคุณภาพของน้ำตาที่หล่อเลี้ยงดวงตามีไม่เพียงพอ ทำให้ผิวดวงตาขาดความชุ่มชื้นและเกิดการอักเสบ
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของตาแห้ง
การจ้องหน้าจอเป็นเวลานาน: เมื่อคุณจ้องคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์ จะ กะพริบตาน้อยลง (จากปกติ 20-22 ครั้ง/นาที เหลือเพียง 8-10 ครั้ง/นาที) ทำให้น้ำตาระเหยเร็ว
สิ่งแวดล้อม: ลมแรง ฝุ่นควัน มลภาวะ และความแห้งจากเครื่องปรับอากาศ
อายุที่มากขึ้น: โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน การผลิตน้ำตาจะลดลง
การใช้ยาบางชนิด: เช่น ยาแก้แพ้ หรือยาต้านซึมเศร้า



ต้อเนื้อ (Pterygium) คือเนื้อเยื่อที่งอกมาจากเยื่อบุตาขาว และลุกลามเข้าไปในบริเวณกระจกตา (ตาดำ) โดยมักมีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมสีแดงอมชมพู หากปล่อยทิ้งไว้ ต้อเนื้อจะขยายใหญ่ขึ้นจนอาจบดบังการมองเห็นได้
สาเหตุหลักของต้อเนื้อ
สาเหตุที่ชัดเจนที่สุดของต้อเนื้อคือ การระคายเคืองเรื้อรังที่เยื่อบุตาขาว โดยมีปัจจัยกระตุ้นหลักคือ:
รังสีอัลตราไวโอเลต (UV): การสัมผัสแสงแดดโดยตรงและสะสมเป็นเวลานานโดยไม่มีการป้องกัน
ลม ฝุ่น และควัน: การทำงานหรือทำกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องเผชิญกับสิ่งระคายเคืองเหล่านี้
ภาวะตาแห้งเรื้อรัง: เมื่อตาขาดความชุ่มชื้น เยื่อบุตาจะถูกกระตุ้นและอักเสบง่ายขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การหนาตัวของเนื้อเยื่อจนกลายเป็นต้อเนื้อได้


วิธีป้องกันและชะลอการลุกลาม
การป้องกันที่ดีที่สุดคือการลดพฤติกรรมเสี่ยงและดูแลดวงตาให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ
สวมแว่นกันแดด (UV Protection) เสมอ: นี่คือการป้องกัน ต้อเนื้อ ที่ดีที่สุด โดยเฉพาะเมื่อต้องอยู่กลางแจ้ง เพื่อลดการสัมผัสรังสี UV โดยตรง
ใช้น้ำตาเทียมเป็นประจำ: หากมีอาการ ตาแห้ง ควรใช้น้ำตาเทียมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการระคายเคือง และชะลอการลุกลามของต้อเนื้อ
พักสายตาและเพิ่มการกะพริบตา: ใช้กฎ 20-20-20 (พักสายตาทุก 20 นาที มองไกล 20 ฟุต นาน 20 วินาที) เมื่อต้องจ้องจอเป็นเวลานาน
หลีกเลี่ยงสิ่งระคายเคือง: ใส่แว่นป้องกันตาเมื่อต้องเผชิญกับฝุ่น ควัน หรือลมแรง
ข้อควรจำ: ต้อเนื้อ ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาหยอดตา การใช้ยาทำได้เพียงลดอาการอักเสบเท่านั้น หากต้อเนื้อลุกลามเข้าตาดำจนส่งผลต่อการมองเห็น จักษุแพทย์จะแนะนำให้ทำการ ผ่าตัดลอกต้อเนื้อ ออก
หากมีอาการระคายเคืองตาเรื้อรัง หรือสังเกตเห็นเนื้อเยื่อสีชมพูยื่นเข้าไปในตาดำ ควรรีบไปพบจักษุแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม ก่อนที่ต้อเนื้อจะลุกลามจนส่งผลกระทบต่อสายตาอย่างถาวร


5
clothing store ช่วงปลายปี 2025 เตรียมตัวเปลี่ยนผ่านสู่ปี 2026 เป็นช่วงเวลาแห่งความสนุกสนานและสไตล์ที่กล้าแสดงออก แฟชั่นไม่ได้จำกัดอยู่แค่ความเรียบง่ายอีกต่อไป แต่เป็นการผสมผสานระหว่างความหรูหราที่สวมใส่สบาย ลายพิมพ์ที่โดดเด่น และสีสันที่อบอุ่น เทรนด์เหล่านี้สะท้อนถึงความต้องการที่จะสนุกกับการแต่งตัว และสร้างลุคที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

1. ลวดลายจัดจ้าน: Animal Print และ Polka Dot กลับมาทวงบัลลังก์
ลวดลายคือสิ่งที่สร้างความโดดเด่นในซีซั่นนี้ โดยเฉพาะสองลายคลาสสิกที่กลับมาแบบเต็มตัว Animal Print (ลายพิมพ์สัตว์): ลายเสือดาว (Leopard Print) และลายม้าลาย (Zebra Print) ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เครื่องประดับอีกต่อไป แต่จะปรากฏบนเสื้อผ้าหลัก เช่น โค้ท, กางเกง, หรือกระโปรง การใส่ลายพิมพ์สัตว์แบบเต็มตัวจะให้ลุคที่ดูมั่นใจและร้อนแรง แต่หากยังไม่กล้า อาจเริ่มต้นจากกระเป๋าหรือรองเท้าก่อน

Polka Dot Revival (ลายจุด) ลายจุดกลับมาในรูปแบบที่สดใสและน่ารัก โดยเฉพาะลายจุดแบบใหญ่ ๆ (Oversized) หรือสีสันที่ไม่คาดคิด เป็นการเพิ่มความสนุกและเติมเต็มความขี้เล่นให้กับลุคที่เรียบง่าย shopping



2. สีสันแห่งความอบอุ่น: Brown (สีน้ำตาล) คือ The New Neutral
หากปีที่แล้วเป็นสีดำหรือสีขาว ปีนี้คือสีน้ำตาลที่กำลังมาแรงที่สุด สีน้ำตาล (Brown) ในเฉดต่างๆ ตั้งแต่สีมอคค่ามูส (Mocha Mousse) ไปจนถึงสีน้ำตาลเข้มช็อกโกแลต ถือเป็นสีกลาง (Neutral) ที่ให้ความรู้สึก มินิมอล, เรียบหรู, และเหนือกาลเวลา (Timeless)
ลุค Old Money: การแต่งกายด้วยโทนสีน้ำตาลทั้งชุด (Tone-on-Tone) หรือการจับคู่กับสีเบจและสีครีม จะช่วยเสริมให้ลุคของคุณดูแพงและสง่างามแบบ Quiet Luxury
การจับคู่สี: ลองจับคู่สีน้ำตาลกับ สีฟ้าอ่อน (Clearwater) หรือ สีเหลืองอ่อน (Butter Yellow) เพื่อสร้างความคอนทราสต์ที่ดูละมุนและมีสไตล์

3. เนื้อผ้าและสไตล์ที่เน้นความนุ่มนวลและเท็กซ์เจอร์
เทรนด์นี้เน้นที่ความรู้สึกสบายเมื่อสวมใส่ และการเพิ่มมิติให้กับชุดด้วยเนื้อผ้าที่น่าสนใจ
Faux Fur (ขนเฟอร์เทียม): ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เสื้อโค้ทอีกแล้ว แต่จะเห็นในรูปแบบของ ผ้าพันคอ (Stoles), กระเป๋าถือ หรือแม้กระทั่งเสื้อตัวสั้น (Bra Tops) เป็นการเพิ่มความหรูหราและผิวสัมผัสที่ดูอบอุ่น
Suede (ผ้าหนังกลับ): ผ้าหนังกลับกลับมาเป็นพระเอก โดยเฉพาะในกลุ่ม แจ็กเก็ตสั้น หรือกระโปรงทรงดินสอ ให้ลุคแบบโบฮีเมียนที่ดูผ่อนคลายแต่ยังคงความประณีต

4. ชิ้นส่วนเด่นที่ต้องมี: กระโปรงทรงดินสอ และกางเกงหลวม
รูปทรงของเสื้อผ้าในครึ่งปีหลังเน้นที่ความสบายแต่ยังคงความเนี้ยบ
The Pencil Skirt (กระโปรงทรงดินสอ): กระโปรงทรงสอบยาวกลับมาฮิตอีกครั้ง ให้ลุคที่ดู สุภาพและเป็นผู้หญิง (Ladylike) สามารถใส่ทำงานหรือใส่ไปงานสำคัญได้
Loose Trousers/Denim (กางเกงและยีนส์ทรงหลวม): กางเกงขากว้างหรือยีนส์ทรงหลวมยังคงครองใจผู้คน เพราะให้ความสบายในการเคลื่อนไหว การจับคู่กางเกงทรงหลวมกับเสื้อตัวสั้นหรือเสื้อยืดเรียบๆ จะช่วยให้ได้ลุคที่สมดุลและทันสมัย

การผสมผสานระหว่าง ความโดดเด่นของลวดลาย และ ความหรูหราที่เรียบง่ายของโทนสีน้ำตาล หากต้องการอัปเดตตู้เสื้อผ้าให้เริ่มต้นจากการลงทุนในเสื้อผ้าโทนสีน้ำตาลคุณภาพดี และเพิ่มความสนุกด้วยเครื่องประดับลายพิมพ์สัตว์หรือลายจุด เพียงเท่านี้ก็พร้อมเฉิดฉายตามเทรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นได้อย่างมั่นใจแล้ว


6
ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในทุกพื้นที่ของบ้าน สุขภัณฑ์อัตโนมัติ (Smart Toilet) หรือที่รู้จักกันในชื่อ "ฝารองนั่งอัตโนมัติ" มาตรฐานใหม่ ที่ช่วยยกระดับสุขอนามัย ความสะดวกสบาย และประสบการณ์ในการใช้ห้องน้ำให้เหนือกว่าสุขภัณฑ์แบบเดิม สุขภัณฑ์อัจฉริยะเหล่านี้จึงได้รับความนิยมและเป็นสิ่งที่ควรมีในห้องน้ำยุคใหม่

5 คุณสมบัติเด่นของสุขภัณฑ์อัตโนมัติ
สุขภัณฑ์อัตโนมัติมาพร้อมฟังก์ชันที่หลากหลาย ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ด้านความสะอาดและความสบายสูงสุด

1. ระบบชำระล้างอัตโนมัติ (Bidet Function)
นี่คือหัวใจสำคัญของสุขภัณฑ์อัตโนมัติ หัวฉีดสามารถปรับตำแหน่ง แรงดันน้ำ และอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำเพื่อการชำระล้างที่ถูกสุขอนามัยที่สุด แทนการใช้กระดาษชำระ ซึ่งช่วยลดการสัมผัสและทำความสะอาดได้อย่างหมดจดกว่ามาก

2. ที่นั่งอุ่นสบาย (Heated Seat)
ฟังก์ชันนี้มอบความสะดวกสบายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในห้องน้ำที่มีอากาศเย็น ที่นั่งสามารถปรับอุณหภูมิให้อุ่นพอดีกับร่างกาย ทำให้ประสบการณ์การเข้าห้องน้ำในตอนเช้าหรือช่วงฤดูหนาวไม่เป็นเรื่องทรมานอีกต่อไป

3. ระบบเป่าลมอุ่น (Warm Air Dryer)
หลังจากชำระล้างแล้ว ระบบเป่าลมอุ่นจะทำงานแทนการใช้กระดาษชำระ เป็นการช่วยให้ผิวแห้งอย่างอ่อนโยนและรวดเร็ว ลดการใช้กระดาษ ทำให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและลดภาระในการกำจัดของเสีย



4. ระบบเปิด-ปิดฝาอัตโนมัติ (Auto Open/Close Lid)
เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวช่วยให้ฝาชักโครกเปิดขึ้นเองเมื่อเดินเข้าไปใกล้ และปิดลงอัตโนมัติเมื่อใช้งานเสร็จสิ้น ลดการสัมผัสโดยตรง ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการรักษาสุขอนามัยในห้องน้ำสาธารณะหรือในบ้านที่มีผู้สูงอายุ ฝารองนั่งชักโครก ผู้สูงอายุ

5. ระบบกำจัดกลิ่นและฆ่าเชื้อ (Deodorizer & Sterilization)
สุขภัณฑ์บางรุ่นมาพร้อมระบบกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์อัตโนมัติ และมีการใช้เทคโนโลยีแสง UV หรือน้ำอิเล็กโทรไลซ์เพื่อฆ่าเชื้อที่หัวฉีดและภายในโถสุขภัณฑ์ ช่วยให้ห้องน้ำสะอาดและสดชื่นอยู่เสมอ

สุขภัณฑ์อัตโนมัติ: มากกว่าความสบายคือสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
การลงทุนในสุขภัณฑ์อัตโนมัติไม่เพียงแต่ให้ความสะดวกสบาย แต่ยังส่งผลดีต่อสุขภาพและโลกของเรา

ดีต่อสุขอนามัย: การชำระล้างด้วยน้ำอุ่นช่วยทำความสะอาดได้ล้ำลึกกว่าการเช็ดด้วยกระดาษ ลดการระคายเคือง และเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น ริดสีดวงทวาร
ดีต่อสิ่งแวดล้อม: การลดการใช้กระดาษชำระลงอย่างมาก หมายถึงการลดปริมาณขยะและลดการตัดต้นไม้ ซึ่งเป็นการช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในระยะยาว
เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย: ทั้งเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหว สามารถใช้งานสุขภัณฑ์อัตโนมัติได้อย่างง่ายดายและปลอดภัย

สุขภัณฑ์อัตโนมัติ คือนวัตกรรมที่เปลี่ยนประสบการณ์ในห้องน้ำสวยๆอย่างแท้จริง ด้วยฟังก์ชันที่ผสานความสะดวกสบาย สุขอนามัย และการรักษาสิ่งแวดล้อมเข้าไว้ด้วยกัน หากกำลังมองหาวิธีอัปเกรดห้องน้ำให้ทันสมัย สะอาด และน่าใช้งาน การติดตั้งสุขภัณฑ์อัจฉริยะนี้คือการลงทุนที่คุ้มค่าและสมเหตุสมผลที่สุดในปัจจุบัน


7
ประสบการณ์ผ่าตัดหัวใจ บายพาสหัวใจ (CABG) ถือเป็นการผ่าตัดใหญ่ที่ช่วยชีวิตผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจตีบให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีอีกครั้ง แม้จะเป็นเรื่องที่น่ากังวล
แต่การทำความเข้าใจในแต่ละขั้นตอนจะช่วยให้ผู้ป่วยและครอบครัวมีความพร้อมลดความกังวลได้มาก

1. ช่วงก่อนการผ่าตัด: การตัดสินใจที่ยากลำบาก
ก่อนการผ่าตัด ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีอาการเจ็บหน้าอก เหนื่อยง่าย หรือมีอาการหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน หลังจากแพทย์วินิจฉัยและพบว่าหลอดเลือดหัวใจตีบหลายเส้น
จนไม่สามารถรักษาด้วยการทำบอลลูนหรือใส่ขดลวดได้ การผ่าตัดบายพาสจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ช่วงนี้คือช่วงที่ผู้ป่วยต้องเผชิญหน้ากับความกังวล ความกลัว และความไม่แน่ใจ
การพูดคุยกับแพทย์อย่างละเอียดเพื่อทำความเข้าใจถึงความเสี่ยงและผลลัพธ์ที่คาดหวังได้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง รวมถึงการได้รับการสนับสนุนทางจิตใจจากครอบครัวและคนรอบข้าง

2. วันผ่าตัด: การเตรียมตัวและความเชื่อมั่น
เมื่อถึงวันผ่าตัด ผู้ป่วยจะถูกเตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ แพทย์จะงดน้ำและอาหาร มีการโกนขนบริเวณที่ต้องผ่าตัด และเตรียมสายต่างๆ ก่อนนำเข้าห้องผ่าตัด
ผู้ป่วยหลายคนเล่าว่าความรู้สึกในช่วงนี้คือความสงบและวางใจในทีมแพทย์และพยาบาล การผ่าตัดบายพาสมักใช้เวลาประมาณ 3-6 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับจำนวนเส้นเลือดที่ต้องทำทางเบี่ยง
หลังจากนั้นผู้ป่วยจะถูกย้ายไปที่หอผู้ป่วยวิกฤต (CCU หรือ ICU) เพื่อเฝ้าระวังอาการอย่างใกล้ชิด



3. ช่วงหลังผ่าตัดในห้อง ICU: การฟื้นตัวในระยะวิกฤต
หลังจากผ่าตัด ผู้ป่วยจะถูกย้ายมาที่ห้อง ICU เพื่อให้แพทย์และพยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิด ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บปวดบริเวณแผลผ่าตัด และมีสายระโยงระยางเต็มไปหมด เช่น สายระบายเลือด ท่อช่วยหายใจ หรือสายน้ำเกลือ
อาการเจ็บแผลจะดีขึ้นเมื่อได้รับยาแก้ปวดอย่างสม่ำเสมอ โดยทั่วไปผู้ป่วยจะอยู่ในห้อง ICU ประมาณ 1-2 วัน เมื่ออาการคงที่และสามารถหายใจเองได้ดีแล้วจึงจะย้ายไปที่ห้องพักปกติ

4. การพักฟื้นที่ห้องพักปกติ: เริ่มต้นชีวิตใหม่
เมื่อย้ายมาห้องพักปกติ ผู้ป่วยจะได้รับการทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาแข็งแรงโดยเร็วที่สุด การฝึกเดินเป็นก้าวแรกที่สำคัญ การเดินช้าๆ ในระยะสั้นๆ
จะช่วยให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดีขึ้น ผู้ป่วยต้องดูแลแผลผ่าตัดที่หน้าอกและบริเวณที่นำเส้นเลือดมาทำบายพาส (เช่น ขาหรือแขน) ให้สะอาดและแห้งอยู่เสมอ

5. กลับบ้านและการดูแลตัวเองในระยะยาว: ชีวิตหลังการผ่าตัด
การฟื้นตัวเต็มที่หลังการผ่าตัดใช้เวลาประมาณ 6-8 สัปดาห์ ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ แต่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างอย่างเคร่งครัด

อาหาร: ลดอาหารรสจัด อาหารเค็ม อาหารมัน และอาหารแปรรูป เน้นผัก ผลไม้ และอาหารที่มีกากใยสูง
การออกกำลังกาย: เริ่มต้นจากการเดิน และค่อยๆ เพิ่มความเข้มข้นขึ้นตามคำแนะนำของแพทย์
การพักผ่อน: นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ควรนอนดึก
งดบุหรี่และแอลกอฮอล์: สิ่งเหล่านี้จะทำให้หลอดเลือดกลับมาตีบได้อีกครั้ง
พบแพทย์ตามนัด: การตรวจสุขภาพตามนัดหมายเป็นสิ่งสำคัญในการติดตามผลการรักษาและควบคุมปัจจัยเสี่ยง

ประสบการณ์ผ่าตัดบายพาสหัวใจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เมื่อผ่านพ้นไปแล้ว ผู้ป่วยหลายคนรู้สึกเหมือนได้รับชีวิตใหม่ พวกเขาสามารถกลับมาทำกิจกรรมที่เคยทำได้อีกครั้ง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
การมองโลกในแง่ดี ความมีวินัย และการได้รับการสนับสนุนจากคนรอบข้างหมอหัวใจ คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ


8
ในยุคที่การวางแผนทางการเงินเป็นเรื่องสำคัญ ประกันสะสมทรัพย์ กลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการออมเงินและสร้างวินัยทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ โดยผลิตภัณฑ์นี้ไม่ได้เป็นแค่การประกันชีวิตธรรมดา แต่ยังให้ผลตอบแทนจากการออมที่มั่นคงและช่วยให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินในอนาคต

ประกันสะสมทรัพย์คืออะไร
ประกันสะสมทรัพย์ คือผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ผสมผสานระหว่าง ความคุ้มครองชีวิต และ การออมเงิน เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว โดยจะจ่ายเบี้ยประกันอย่างสม่ำเสมอตามระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งเงินที่จ่ายไปจะถูกแบ่งเป็นสองส่วน คือส่วนที่นำไปคุ้มครองชีวิต และส่วนที่นำไปลงทุนเพื่อให้งอกเงยในระยะยาวเมื่อครบกำหนดสัญญา จะได้รับเงินก้อนพร้อมผลตอบแทนตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ไม่ว่าจะเป็นเงินคืนระหว่างสัญญา หรือเงินครบกำหนดสัญญาที่มากกว่าเบี้ยประกันที่จ่ายไปทั้งหมด



ทำไมควรเลือกออมเงินด้วยประกันสะสมทรัพย์
การเลือกใช้ประกันสะสมทรัพย์เป็นเครื่องมือในการออมเงินมีข้อดีหลายประการที่ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการความมั่นคงและผลตอบแทนที่แน่นอน

สร้างวินัยทางการออม: การจ่ายเบี้ยประกันเป็นประจำทุกปีจะช่วยสร้างนิสัยการออมเงินอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีเงินเก็บตามเป้าหมายที่วางไว้
ได้รับผลตอบแทนที่แน่นอน: ประกันสะสมทรัพย์มักจะมีผลตอบแทนขั้นต่ำที่การันตี ทำให้สามารถวางแผนการเงินได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องความผันผวนของตลาด
คุ้มครองชีวิตไปพร้อมกับการออม: นอกจากจะได้เงินออมคืนแล้ว หากเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นระหว่างสัญญาก็ยังมีเงินสินไหมทดแทนให้แก่ครอบครัว
ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี: เบี้ยประกันชีวิตสามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตามที่กฎหมายกำหนด ถือเป็นการออมที่คุ้มค่าและได้ประโยชน์สองต่อ
บริหารจัดการง่าย: ไม่ต้องมีความรู้ด้านการลงทุนที่ซับซ้อน เพราะบริษัทประกันจะทำหน้าที่บริหารจัดการเงินให้เอง

ประกันสะสมทรัพย์เหมาะกับใคร
ผู้ที่ต้องการออมเงินระยะยาว: เพื่อเป้าหมายในอนาคต เช่น การศึกษาบุตร, การซื้อบ้าน, หรือการเกษียณอายุ
ผู้ที่ต้องการความมั่นคงและความเสี่ยงต่ำ: เนื่องจากเน้นการให้ผลตอบแทนที่แน่นอนและไม่ผันผวนเหมือนการลงทุนในกองทุน
ผู้ที่ต้องการสร้างวินัยทางการเงิน: เป็นเครื่องมือที่ช่วยบังคับให้ออมเงินอย่างสม่ำเสมอ
ผู้ที่ต้องการสิทธิประโยชน์ทางภาษี: เป็นการออมที่คุ้มค่าเพราะได้ประโยชน์จากการลดหย่อนภาษีควบคู่ไปด้วย

ประกันสะสมทรัพย์ เป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีประสิทธิภาพในการช่วยให้บรรลุเป้าหมายการออมเงินในระยะยาวได้อย่างมั่นคงและปลอดภัย หากกำลังมองหาวิธีออมเงินที่ไม่เพียงแค่ช่วยให้เงินเติบโต แต่ยังให้ความคุ้มครองชีวิตและสิทธิประโยชน์ทางภาษี อย่าลืมพิจารณาผลิตภัณฑ์นี้เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ ประกันควบการลงทุน


9
ในขณะที่ลูกน้อยกำลังเติบโตและเรียนรู้ที่จะเดินผู้ปกครองหลายท่านอาจสังเกตเห็นว่าเท้าของลูกดูแบนราบกว่าปกติ ซึ่งอาจสร้างความกังวลได้แต่แท้จริงแล้วอาการ เท้าแบน ในเด็กส่วนใหญ่มักเป็นภาวะที่เกิดขึ้นชั่วคราวและหายได้เองตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตามยังมีบางกรณีที่อาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาที่ต้องเฝ้าระวัง

เท้าแบนแบบไหนที่ถือว่าเป็นเรื่องปกติ (เท้าแบนแบบนิ่ม - Flexible Flatfoot)
เท้าแบน แบบนิ่ม เป็นภาวะที่พบได้บ่อยที่สุดในเด็กเล็ก โดยเฉพาะในวัยหัดเดิน (ประมาณ 1-3 ปี) เท้าของเด็กในวัยนี้มักจะดูแบนราบเพราะมีไขมันสะสมอยู่ที่อุ้งเท้าและกล้ามเนื้อยังไม่แข็งแรงพอที่จะสร้างส่วนโค้งขึ้นมาได้

ลักษณะสำคัญของเท้าแบนแบบนิ่ม: เมื่อยืนลงน้ำหนัก เท้าจะดูแบนราบเมื่ออยู่ในท่าพัก (เช่น นั่งห้อยขา) หรือเมื่อลูกเขย่งปลายเท้า ส่วนโค้งของฝ่าเท้าจะปรากฏขึ้นมาให้เห็นโดยทั่วไปแล้ว เด็กจะไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆ ภาวะนี้มักจะหายไปได้เองเมื่อเด็กโตขึ้น และกล้ามเนื้อรวมถึงเอ็นที่เท้าแข็งแรงพอที่จะสร้างส่วนโค้งของฝ่าเท้าได้เต็มที่ ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในช่วงอายุ 6-8 ปี



เท้าแบนแบบไหนที่ต้องเฝ้าระวัง(เท้าแบนแบบแข็ง - Rigid Flatfoot)
เท้าแบน แบบแข็ง คือภาวะที่ส่วนโค้งของฝ่าเท้าไม่ปรากฏขึ้นเลยในทุกอิริยาบถ ไม่ว่าจะเป็นตอนยืน, นั่ง หรือตอนเขย่งปลายเท้า ภาวะนี้อาจเป็นสัญญาณของปัญหาโครงสร้างกระดูกที่ซับซ้อน เช่น กระดูกเท้าเชื่อมติดกันตั้งแต่กำเนิด ซึ่งเป็น ภัยเงียบ ที่พ่อแม่ต้องใส่ใจ

อาการที่บ่งชี้ว่าควรปรึกษาแพทย์: ลูกบ่นว่ามีอาการปวดหรือตึงที่เท้าและข้อเท้าสังเกตเห็นว่าลูกเดินผิดปกติ หรือเดินลำบากไม่สามารถยืนเขย่งปลายเท้าได้ เท้าดูแบนและแข็ง ไม่มีความยืดหยุ่นในทุกท่าทาง

สรุปและคำแนะนำสำหรับผู้ปกครอง
โรคเท้าแบน ในเด็กส่วนใหญ่ไม่เป็นอันตรายและสามารถหายได้เอง แต่การเฝ้าสังเกตอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

เท้าแบน แบบนิ่ม: ให้สังเกตพัฒนาการตามช่วงวัย หากไม่มีอาการเจ็บปวดก็ไม่ต้องกังวลมากเกินไป
เท้าแบน แบบแข็ง: หากพบอาการตามที่กล่าวมาข้างต้น หรือหากลูกโตเกิน 8 ปีแล้วส่วนโค้งของเท้ายังไม่ปรากฏควรพาไปพบแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกและข้อโดยเร็วที่สุดเพื่อวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม หมอกระดูกและข้อ

การดูแลสุขภาพเท้าของลูกน้อยตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยป้องกันปัญหาในระยะยาวและช่วยให้ลูกมีพัฒนาการในการเดินและทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างเต็มที่


10
การอาบน้ำในแต่ละวันจะเป็นมากกว่าแค่การชำระล้างร่างกาย หากได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่เหนือระดับจากฝักบัวอาบน้ำแบบ Rain Shower ที่จำลองความรู้สึกเหมือนยืนอยู่ท่ามกลางสายฝนธรรมชาติ ฝักบัวประเภทนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยยกระดับห้องน้ำให้ดูหรูหราและผ่อนคลาย แต่การเลือกซื้อฝักบัว Rain Shower ที่เหมาะสมอาจต้องพิจารณาปัจจัยหลายอย่าง นี่คือเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

ทำความเข้าใจคุณสมบัติที่แตกต่างของ ฝักบัว Rain Shower
การเลือก ฝักบัว Rain Shower ที่ดีไม่ใช่แค่การเลือกขนาดใหญ่ที่สุด แต่ควรพิจารณาถึงคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์การใช้งาน



1. คุณสมบัติพิเศษเพื่อประสบการณ์ที่เหนือกว่า:
เทคโนโลยีประหยัดน้ำ: แม้จะเป็นฝักบัวขนาดใหญ่ แต่หลายรุ่นในปัจจุบันมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ช่วยลดปริมาณการใช้น้ำโดยไม่ลดทอนความรู้สึก เช่น เทคโนโลยีที่ผสมอากาศเข้าไปในสายน้ำ ทำให้หยดน้ำมีขนาดใหญ่ขึ้นแต่ใช้น้ำน้อยลง ซึ่งช่วยประหยัดค่าน้ำได้ในระยะยาว
โหมดการใช้งานที่หลากหลาย: ชุดฝักบัวบางรุ่นมีฟังก์ชันที่สามารถปรับรูปแบบของน้ำได้ เช่น โหมดนวดผ่อนคลาย โหมดน้ำพุ่งแรง หรือโหมดสปานุ่มนวล เพื่อให้คุณสามารถเลือกได้ตามความต้องการในแต่ละวัน

2. การกระจายของน้ำและแรงดัน:
ฝักบัว Rain Shower ที่ดีควรให้การกระจายของน้ำที่สม่ำเสมอและครอบคลุมทั่วร่างกาย ซึ่งจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและสดชื่นได้อย่างเต็มที่ หากคุณกังวลเรื่องแรงดันน้ำที่บ้าน ควรเลือกฝักบัวที่ออกแบบมาเพื่อทำงานได้ดีกับแรงดันน้ำที่หลากหลาย

ปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาก่อนการตัดสินใจ
1. ขนาดและรูปร่าง:
เลือกขนาดของ หัวฝักบัวอาบน้ำ ให้เหมาะสมกับขนาดของพื้นที่อาบน้ำ ไม่ควรเลือกหัวที่ใหญ่เกินไปจนทำให้ไม่สามารถติดตั้งได้ หรือทำให้น้ำกระเซ็นออกนอกพื้นที่
รูปทรงที่นิยมมีทั้งแบบกลมและสี่เหลี่ยม ซึ่งควรเลือกให้เข้ากับสไตล์โดยรวมของห้องน้ำของคุณ

2. การติดตั้ง (ติดตั้งบนผนัง หรือติดตั้งบนเพดาน):
แบบติดตั้งบนเพดาน: ให้ความรู้สึกที่เหมือนอาบน้ำท่ามกลางสายฝนอย่างแท้จริง แต่การติดตั้งอาจซับซ้อนและต้องมีการเดินท่อบนเพดาน
แบบติดตั้งบนผนัง: มีความสะดวกในการติดตั้งมากกว่า เพราะสามารถต่อจากท่อประปาเดิมบนผนังได้เลย และยังให้ประสบการณ์ใกล้เคียงกับการอาบน้ำฝน

3. วัสดุและพื้นผิว:
ควรเลือกหัวฝักบัวที่ทำจากวัสดุคุณภาพดี เช่น ทองเหลือง หรือสแตนเลส เพื่อความทนทานและป้องกันการกัดกร่อน
พื้นผิวที่เคลือบ เช่น โครเมียม หรือสีด้าน ควรเลือกให้เข้ากับอุปกรณ์อื่นๆ ในห้องน้ำ เพื่อสร้างความกลมกลืนทางด้านดีไซน์

การเลือกฝักบัวอาบน้ำ Rain Shower ที่เหมาะสมคือการลงทุนเพื่อความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในทุกๆวัน

11
เสื้อผ้าแฟชั่น (Fashion Clothes) ล่าสุดที่ต้องมีติดตู้ไว้ในโลกของการแต่งตัวที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แฟชั่นเสื้อผ้า ไม่ได้เป็นเพียงแค่การแต่งกายตามกระแสแต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยแสดงออกถึงตัวตน และไลฟ์สไตล์ได้อย่างชัดเจน การตามติดเทรนด์ใหม่ๆ และการเลือกซื้อ clothes ที่เหมาะกับเราจึงเป็นเรื่องที่น่าสนุก และสำคัญไม่แพ้กัน

นิยามใหม่ของ แฟชั่นเสื้อผ้า (Fashion Clothes)
แฟชั่นเสื้อผ้า ในยุคนี้ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่บนรันเวย์ แต่หมายถึงสไตล์ที่เข้าถึงได้และสะท้อนถึงความเป็นตัวเอง เสื้อผ้าที่ดีคือเสื้อผ้าที่ทำให้รู้สึกมั่นใจและสบายใจในทุกการเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัวในวันสบายๆ หรือลุคสำหรับโอกาสพิเศษ



เทรนด์แฟชั่นเสื้อผ้าที่ต้องมีติดตู้
การทำความเข้าใจเทรนด์หลักๆ จะช่วยให้เลือกซื้อเสื้อผ้าได้อย่างคุ้มค่าและสร้างสรรค์ นี่คือเทรนด์ยอดนิยมที่ไม่ควรมองข้าม

Minimalist & Functional: เทรนด์นี้เน้นความเรียบง่ายแต่มีคุณภาพดีด้วยการใช้สีโทนกลาง เช่น ขาว, ดำ, เบจ, หรือเทา ทำให้สามารถนำไปมิกซ์แอนด์แมทช์ได้ง่ายและใส่ได้ในทุกโอกาส

Bold & Expressive: สำหรับคนที่ต้องการสร้างความโดดเด่น เทรนด์การใช้สีสันที่สดใสและจัดจ้านกำลังมาแรง เช่น สีชมพูฟูเชีย, สีเขียวมรกต หรือสีส้มอิฐ การเลือก clothes ที่มีสีสันจะช่วยเพิ่มความสนุกและความมั่นใจให้กับลุคของเรา

Y2K & Retro Vibes: แฟชั่นจากยุค 90s และ 2000s ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อครอป, กางเกงทรงหลวม หรือลวดลายกราฟิก การนำไอเท็มวินเทจมาผสมผสานกับเสื้อผ้าสไตล์โมเดิร์นจะช่วยสร้างลุคที่ดูน่าสนใจและไม่ซ้ำใคร

การเลือก ร้านเสื้อผ้า ที่เหมาะสมจะช่วยให้ประหยัดเวลาและมั่นใจว่าจะได้สินค้าที่ตรงใจ แฟชั่นเสื้อผ้า คุณภาพดีที่หลากหลาย เพื่อให้ได้สนุกกับการแต่งตัวและค้นพบสไตล์ที่ใช่สำหรับตัวเอง เรามีทั้ง clothes สไตล์มินิมอล, เสื้อผ้าสีสันสดใส และไอเท็มที่กำลังเป็นที่นิยมในโลกแฟชั่น


12
การมีห้องน้ำที่สวยงามเปรียบเสมือนการสร้างพื้นที่ส่วนตัวสำหรับการพักผ่อนอย่างแท้จริง และหนึ่งในองค์ประกอบที่สามารถยกระดับห้องน้ำธรรมดาให้กลายเป็นมุมโปรดได้ก็คือ อ่างอาบน้ำลอยตัว
ด้วยดีไซน์ที่เป็นอิสระและโดดเด่น ทำให้ อ่างอาบน้ำลอยตัว กลายเป็นศูนย์กลางความสนใจที่สะท้อนรสนิยมได้อย่างชัดเจน

อ่างอาบน้ำลอยตัว แตกต่างจากแบบทั่วไปอย่างไร
อ่างอาบน้ำลอยตัว หรือ Freestanding Bathtub คืออ่างที่ถูกออกแบบมาให้ตั้งอยู่ได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งพาโครงสร้างหรือผนังในการรองรับ ซึ่งแตกต่างจากอ่างอาบน้ำแบบบิวท์อิน
ที่ต้องมีการก่อเคาน์เตอร์และติดตั้งชิดผนัง ทำให้ อ่างอาบน้ำลอยตัว มีความยืดหยุ่นในการจัดวางและสามารถทำความสะอาดได้รอบด้าน



ดีไซน์ที่โดดเด่น: เป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นสำคัญที่ช่วยสร้างบรรยากาศที่หรูหราและน่าสนใจให้กับห้องน้ำ
ความยืดหยุ่นในการจัดวาง: สามารถวางได้ทุกตำแหน่งในห้องตามที่ต้องการ ไม่จำกัดแค่บริเวณมุมห้อง
ติดตั้งง่ายกว่า: โดยตัวอ่างเองใช้เวลาในการติดตั้งน้อยกว่าอ่างแบบบิวท์อินที่ต้องก่อสร้าง อุปกรณ์ห้องน้ำ
ทำความสะอาดง่าย: สามารถเข้าถึงและทำความสะอาดได้ทุกซอกทุกมุมรอบตัวอ่าง

ประเภท วัสดุ และสไตล์ที่หลากหลาย
1. ประเภทและรูปทรง
อ่างทรงวงรี: รูปทรงโค้งมนที่นิยมที่สุด เพราะช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายและเข้ากับดีไซน์ห้องน้ำได้หลากหลาย
อ่างทรงสี่เหลี่ยม: ให้ความรู้สึกที่เรียบง่ายและทันสมัย เหมาะสำหรับห้องน้ำสไตล์โมเดิร์น
อ่างทรงคลาสสิก: เช่น อ่างขาตั้งแบบมีขารองรับสี่ขา (Clawfoot Bathtub) ที่ให้ความรู้สึกย้อนยุคแต่หรูหรา

2. วัสดุยอดนิยม
อะคริลิก (Acrylic): วัสดุที่นิยมที่สุด เนื่องจากมีน้ำหนักเบา, รักษาความร้อนได้ดี และมีราคาเข้าถึงง่าย
หินสังเคราะห์ (Solid Surface/Resin): มีน้ำหนักมาก, ให้ความรู้สึกมั่นคง และรักษาอุณหภูมิน้ำได้ดีเยี่ยม มักมีราคาสูงแต่ให้ดีไซน์ที่หรูหราไร้รอยต่อ
เหล็กหล่อ (Cast Iron): วัสดุที่ทนทานและรักษาความร้อนได้ดีเยี่ยม แต่มีน้ำหนักมากที่สุด ทำให้ต้องวางแผนโครงสร้างพื้นให้รองรับได้อย่างเหมาะสม

ข้อควรพิจารณาก่อนการติดตั้ง
แม้ว่าตัวอ่างจะติดตั้งง่าย แต่การวางแผนเรื่องระบบน้ำถือเป็นสิ่งสำคัญ
ระบบประปา: ต้องมีการเตรียมท่อน้ำดีและท่อน้ำทิ้งให้พร้อมที่พื้นบริเวณที่จะวางอ่าง ซึ่งอาจต้องมีการปรับปรุงโครงสร้างห้องน้ำ
น้ำหนัก: ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบว่าพื้นห้องน้ำว่าสามารถรองรับน้ำหนักของ อ่างอาบน้ำ และน้ำเต็มอ่างได้อย่างปลอดภัยหรือไม่

การเลือกอ่างอาบน้ำลอยตัว เป็นการลงทุนเพื่อความสุขและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วยการวางแผนที่เหมาะสม ก็จะได้มุมพักผ่อนที่สวยงามและตอบโจทย์ทุกความต้องการได้อย่างแน่นอน

13
เมื่อมีอาการผิดปกติในระบบทางเดินอาหารอย่างต่อเนื่อง เช่น ปวดท้องเรื้อรัง หรืออาเจียน แพทย์มักจะแนะนำให้ทำการ ส่องกล้องทางเดินอาหาร เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด การส่องกล้องเป็นขั้นตอนที่สำคัญและแม่นยำที่สุดในการค้นหา สาเหตุ ของอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้น บทความนี้จะสรุปให้เข้าใจง่ายๆ ว่า อาการ แบบไหนที่ควรปรึกษาแพทย์ และ สาเหตุ ใดที่ทำให้ต้องพิจารณาการส่องกล้อง ส่องกล้องทางเดินอาหารราคาเท่าไหร่

อาการผิดปกติในระบบทางเดินอาหารที่ไม่ควรมองข้าม
การ ส่องกล้องทางเดินอาหาร มักจะถูกแนะนำเมื่อผู้ป่วยมี อาการ ที่บ่งชี้ถึงความผิดปกติที่ไม่สามารถวินิจฉัยได้จากการตรวจปกติ เช่น:

ปวดท้องเรื้อรัง: มีอาการปวดท้องส่วนบนหรือไม่สบายท้องอย่างต่อเนื่อง
กลืนลำบาก: รู้สึกเจ็บหรือมีอาการติดขัดขณะกลืนอาหาร
อาเจียนบ่อย: มีอาการคลื่นไส้อาเจียนโดยไม่ทราบสาเหตุ
อาเจียนเป็นเลือดหรือถ่ายอุจจาระเป็นเลือด: สัญญาณเตือนที่ต้องรีบพบแพทย์ทันที
น้ำหนักลดลงผิดปกติ: น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ
อาการแสบร้อนกลางอก (กรดไหลย้อน) ที่ไม่ดีขึ้น: หากรักษาด้วยยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น อาจจำเป็นต้องส่องกล้องเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง



สาเหตุและโรคที่จำเป็นต้องส่องกล้องทางเดินอาหาร
การส่องกล้องไม่ได้มีจุดประสงค์เพียงแค่การวินิจฉัย แต่ยังสามารถรักษาได้ในคราวเดียวกัน สาเหตุ ที่ต้องทำการส่องกล้องเพื่อยืนยันโรค ได้แก่:

ภาวะกรดไหลย้อนรุนแรง: เพื่อตรวจดูว่ามีภาวะหลอดอาหารอักเสบ หรือมีการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ในระยะเริ่มต้นหรือไม่
โรคกระเพาะอาหารอักเสบและแผลในกระเพาะ: เพื่อตรวจดูสภาพผนังกระเพาะและหาเชื้อ H. pylori ที่เป็นสาเหตุ
ติ่งเนื้อ (Polyp) หรือเนื้องอก: การส่องกล้องสามารถตรวจพบและตัดติ่งเนื้อออกได้ทันที เพื่อป้องกันการพัฒนาไปเป็นมะเร็ง
มะเร็งกระเพาะอาหารและลำไส้ใหญ่: เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการวินิจฉัยและตรวจคัดกรองมะเร็งในระยะเริ่มต้น ซึ่งทำให้มีโอกาสรักษาให้หายขาดสูง
การหาสาเหตุของการตกเลือดในทางเดินอาหาร: เพื่อหาตำแหน่งและหยุดการตกเลือดที่เกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำ

การส่องกล้องทางเดินอาหาร จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้แพทย์สามารถมองเห็นความผิดปกติภายในได้อย่างชัดเจนเพื่อนำไปสู่การรักษาที่ถูกต้อง
และรวดเร็วหากมีอาการที่กล่าวมาข้างต้น อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อการวินิจฉัยที่แม่นยำ โปรแกรมตรวจสุขภาพ


14
ในโลกของประกันสุขภาพ คำว่า "OPD" อาจเป็นคำที่หลายคนเคยได้ยิน แต่ไม่แน่ใจว่าหมายถึงอะไร OPD ย่อมาจาก Outpatient Department หรือแผนกผู้ป่วยนอก
ซึ่งหมายถึงการไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาอาการเจ็บป่วยโดยไม่จำเป็นต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลประกัน opd

ประกันสุขภาพ ทั่วไปมักจะคุ้มครองเฉพาะผู้ป่วยใน (IPD) ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายในการหาหมอทั่วไปเป็นภาระที่หลายคนต้องแบกรับเอง นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมประกัน OPD
จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ และแนะนำว่าใครที่เหมาะกับการทำประกันประเภทนี้



ประกัน OPD มีความคุ้มครองกี่แบบ
ความคุ้มครองของประกัน OPD หลักๆ แบ่งออกได้เป็น 3 รูปแบบ ดังนี้

1. แบบจำกัดวงเงินและจำนวนครั้ง (Limit Coverage)
เป็นรูปแบบที่นิยมและมีเบี้ยประกันที่ไม่สูงมากนัก โดยบริษัทประกันจะกำหนดวงเงินและจำนวนครั้งในการเข้ารักษาในแต่ละปี
ตัวอย่าง: คุ้มครอง 1,000 บาท/ครั้ง ไม่เกิน 30 ครั้ง/ปี
ข้อดี: เบี้ยประกันถูก เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ได้เจ็บป่วยบ่อย
ข้อเสีย: หากอาการเจ็บป่วยแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายสูง อาจต้องจ่ายส่วนต่างเอง

2. แบบเหมาจ่ายต่อปี (Annual Lump-Sum Coverage)
เป็นรูปแบบที่ให้ความคุ้มครองที่ยืดหยุ่นกว่า โดยบริษัทประกันจะให้วงเงินรวมต่อปี
ตัวอย่าง: คุ้มครอง 20,000 บาท/ปี
ข้อดี: ไม่จำกัดจำนวนครั้งในการเข้ารักษา ทำให้สามารถไปหาหมอได้บ่อยเท่าที่ต้องการ (ภายในวงเงินที่กำหนด) เหมาะสำหรับผู้ที่เจ็บป่วยบ่อย
ข้อเสีย: มีเบี้ยประกันที่สูงกว่าแบบจำกัดครั้ง

3. แบบมีความรับผิดชอบส่วนแรก (Deductible/Co-Payment)
เป็นรูปแบบที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนแรกเองตามที่ตกลงไว้ในกรมธรรม์ก่อนที่บริษัทประกันจะจ่ายส่วนที่เหลือ
ตัวอย่าง: ผู้เอาประกันจ่ายเอง 1,000 บาท/ครั้ง ส่วนที่เหลือบริษัทรับผิดชอบ
ข้อดี: เบี้ยประกันถูกลงอย่างเห็นได้ชัด
ข้อเสีย: ผู้เอาประกันต้องมีเงินสำรองเพื่อจ่ายค่ารักษาพยาบาลส่วนแรกเอง

ใครที่เหมาะกับการทำประกัน OPD บ้าง
การทำประกัน OPD ไม่ได้จำเป็นสำหรับทุกคนแต่เหมาะสำหรับกลุ่มคนดังต่อไปนี้
ผู้ที่ไม่มีสวัสดิการรักษาพยาบาลจากบริษัท: เช่น กลุ่มฟรีแลนซ์, เจ้าของกิจการ หรือผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลด้วยตนเอง
ผู้ที่มีความเสี่ยงในการเจ็บป่วยบ่อย: เช่น ผู้ที่มีอาการภูมิแพ้ตามฤดูกาล, ไมเกรน หรือโรคเรื้อรังที่ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลซึ่งการหาหมอบ่อยครั้งอาจทำให้ค่าใช้จ่ายรวมสูงกว่าที่คาดไว้
ผู้ที่ต้องการความอุ่นใจ: สำหรับผู้ที่ต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายในการไปหาหมอเล็กๆ น้อยๆ และไม่ต้องการควักเงินเก็บมาใช้ในส่วนนี้

การเลือกทำประกัน OPD ควรพิจารณาจากความจำเป็น, ลักษณะการใช้ชีวิต, และงบประมาณเพื่อให้ได้ความคุ้มครองที่ตอบโจทย์และคุ้มค่าที่สุดซื้อประกันออนไลน์


15
การเข้า-ออกห้องน้ำอาจเป็นเรื่องยากสำหรับ ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีปัญหาเรื่องข้อเข่าและข้อสะโพก การนั่งลงและลุกขึ้นจากชักโครกที่ต่ำอาจทำให้เกิดอาการปวดและเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ หนึ่งใน อุปกรณ์ห้องน้ำ
ที่เรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพอย่างมากคือ ฝารองนั่งชักโครก ผู้สูงอายุ ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อช่วยแก้ปัญหานี้โดยเฉพาะ

ทำไมฝารองนั่งชักโครกสำหรับผู้สูงอายุจึงสำคัญ
ฝารองนั่งชักโครก ไม่ได้เป็นเพียงแค่ อุปกรณ์ห้องน้ำ ธรรมดา แต่เป็นตัวช่วยสำคัญที่มอบความปลอดภัยและอิสระในการใช้ชีวิตประจำวัน

ลดแรงกดบนข้อเข่าและข้อสะโพก: การเสริมความสูงของชักโครกจะช่วยให้ผู้สูงอายุไม่ต้องงอเข่ามากเกินไป ทำให้สามารถนั่งและลุกได้อย่างง่ายดายและปลอดภัยขึ้น
ป้องกันอุบัติเหตุ: ห้องน้ำเป็นพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการลื่นล้มมากที่สุด การมีอุปกรณ์เสริมที่มั่นคงจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้
เพิ่มความมั่นใจและอิสระ: การใช้งานชักโครกได้เองโดยไม่ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากผู้อื่น จะช่วยเพิ่มความมั่นใจและรักษาศักดิ์ศรีของผู้สูงอายุไว้ได้
ติดตั้งและดูแลรักษาง่าย: ส่วนใหญ่แล้ว ฝารองนั่งชักโครก สามารถติดตั้งได้ง่ายกับชักโครกทั่วไปและทำความสะอาดได้ไม่ยุ่งยาก



วิธีเลือกฝารองนั่งชักโครกสำหรับผู้สูงอายุ
การเลือกซื้อ ฝารองนั่งชักโครก ที่เหมาะสมจะช่วยให้ใช้งานได้ดีและปลอดภัยที่สุด ควรพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้:
ความสูง: มีหลายระดับให้เลือก ตั้งแต่ 2 นิ้ว ไปจนถึง 6 นิ้ว ควรเลือกความสูงที่เหมาะสมกับผู้ใช้งาน โดยวัดจากความสูงที่ทำให้เข่างอไม่เกิน 90 องศาเมื่อนั่ง
วัสดุ: ควรเลือกวัสดุที่แข็งแรง ทนทาน และทำความสะอาดง่าย เช่น พลาสติกเกรดคุณภาพสูง
ระบบยึดเกาะ: ควรมีระบบล็อกหรือตัวยึดที่มั่นคง เพื่อป้องกันไม่ให้ฝารองนั่งขยับหรือเลื่อนหลุดขณะใช้งาน
มีที่จับ (Handrails): ที่จับด้านข้างเป็นอุปกรณ์เสริมที่สำคัญมาก ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถพยุงตัวเพื่อลุกขึ้นหรือนั่งลงได้อย่างปลอดภัย
มากกว่าฝารองนั่ง: อุปกรณ์ห้องน้ำอื่นๆ เพื่อความปลอดภัย

นอกจาก ฝารองนั่งชักโครก แล้ว การเพิ่มความปลอดภัยในห้องน้ำยังสามารถทำได้ด้วย อุปกรณ์ห้องน้ำ อื่นๆ เช่น:
ราวจับในห้องน้ำ: ติดตั้งตามจุดต่างๆ ทั้งบริเวณใกล้ชักโครกและในโซนอาบน้ำ เพื่อเป็นจุดยึดเกาะที่มั่นคง
แผ่นกันลื่น: วางในส่วนของพื้นห้องน้ำที่เปียก เพื่อป้องกันการลื่นล้ม
เก้าอี้นั่งอาบน้ำ: ช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถนั่งอาบน้ำได้อย่างสบายและปลอดภัยมากขึ้น

การลงทุนกับ อุปกรณ์ห้องน้ำ ที่เหมาะสมไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันอุบัติเหตุ แต่ยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและมอบความสุขให้แก่ ผู้สูงอายุในครอบครัวได้อีกด้วย


16
ปัญหา นอนกรน ไม่ได้เป็นเพียงแค่เสียงรบกวน แต่ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว ทั้งทำให้นอนหลับไม่สนิทตื่นบ่อย และรู้สึกไม่สดชื่นเมื่อตื่นนอน หากกำลังประสบปัญหานี้ และเข้าใจถึงสาเหตุวิธีแก้ ที่ได้ผลจริง

ทำความเข้าใจสาเหตุของการนอนกรน
การ นอนกรน เกิดขึ้นเมื่อทางเดินหายใจส่วนบนแคบลงขณะหลับ ทำให้ลมหายใจผ่านได้ยากขึ้นและเกิดการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อภายในลำคอ ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหานี้ ได้แก่

น้ำหนักตัวเกิน: ไขมันที่สะสมรอบลำคอจะไปกดเบียดทางเดินหายใจ
โครงสร้างทางเดินหายใจ: ผู้ที่มีต่อมทอนซิลโต, เพดานอ่อนยาว หรือลิ้นไก่ยาว อาจมีทางเดินหายใจที่แคบกว่าปกติ
การดื่มแอลกอฮอล์หรือใช้ยาบางชนิด: ทำให้กล้ามเนื้อลำคอคลายตัวมากเกินไป
การนอนหงาย: ตำแหน่งการนอนทำให้ลิ้นตกลงไปอุดทางเดินหายใจได้ง่ายขึ้น



ผลกระทบของการนอนกรนต่อสุขภาพ
การ นอนหลับไม่สนิท เพราะ ตื่นบ่อย จากการหายใจติดขัด ไม่เพียงแต่ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย แต่ยังอาจนำไปสู่ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงของโรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง และโรคหัวใจได้

วิธีแก้ปัญหานอนกรนที่ทำได้จริง
การแก้ปัญหา นอนกรน มีหลายวิธี ตั้งแต่การปรับพฤติกรรมไปจนถึงการรักษาทางการแพทย์

1. ปรับพฤติกรรมและวิถีชีวิต
เปลี่ยนท่านอน: ลองนอนตะแคงแทนการนอนหงาย จะช่วยลดการอุดกั้นของลิ้นและเนื้อเยื่อในลำคอได้
ควบคุมน้ำหนัก: การลดน้ำหนักเพียงเล็กน้อยก็สามารถช่วยให้ทางเดินหายใจกว้างขึ้นได้
หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และยา: ควรงดดื่มแอลกอฮอล์และหลีกเลี่ยงยานอนหลับก่อนเข้านอน
ทำความสะอาดจมูก: หากมีการคัดจมูก ควรใช้สเปรย์น้ำเกลือล้างจมูกก่อนนอน เพื่อให้หายใจสะดวกขึ้น

2. ใช้เครื่องมือทางการแพทย์
เครื่อง CPAP (Continuous Positive Airway Pressure): เป็นเครื่องอัดอากาศแรงดันบวกผ่านหน้ากาก ช่วยให้ทางเดินหายใจเปิดอยู่ตลอดเวลาขณะหลับ
อุปกรณ์ในช่องปาก (Oral Appliance): เป็นอุปกรณ์คล้ายรีเทนเนอร์ที่ช่วยเลื่อนขากรรไกรล่างหรือลิ้นมาด้านหน้า เพื่อเปิดทางเดินหายใจ

หากลองปรับพฤติกรรมแล้วอาการ นอนกรน ยังไม่ดีขึ้น หรือรู้สึกว่าตนเอง นอนหลับไม่สนิท ตื่นบ่อย วิธีแก้ ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านหู คอ จมูก หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับ เพื่อตรวจวินิจฉัยและวางแผน วิธีแก้ ที่เหมาะสมที่สุด


17
ในโลกของ เสื้อผ้าแฟชั่น ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การตามติดเทรนด์ล่าสุดเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและท้าทายสำหรับปี 2025
วงการแฟชั่นได้นำเสนอสไตล์ที่น่าสนใจและเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ร้านเสื้อผ้า หรือเป็นคนที่รักการแต่งตัวเทรนด์แฟชั่น
ที่กำลังมาแรงที่สุด เพื่อให้พร้อมสำหรับซีซั่นใหม่ ปี 2025 เป็นปีที่แฟชั่นมีความหลากหลายมากขึ้น ทั้งเรื่องของสไตล์ การเลือกใช้วัสดุ
และแนวคิดด้านความยั่งยืน นี่คือเทรนด์แฟชั่นที่น่าจับตามอง

1.Sustainable & Eco-Friendly Fashion
เสื้อผ้าที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลและออร์แกนิกยังคงเป็นกระแสใหญ่ เช่น
เสื้อผ้าจากเส้นใยธรรมชาติ (ลินิน, ฝ้ายออร์แกนิก, ไม้ไผ่)
แฟชั่น Second-Hand หรือการนำเสื้อผ้าเก่ามาอัปไซเคิล



2.Futuristic Metallic & Techwear
ลุคที่ดูทันสมัยและล้ำยุคกำลังมาแรง เช่น
เสื้อผ้าสีเงิน-เมทัลลิก ผ้าเลื่อม และวัสดุสะท้อนแสง
แฟชั่นแนว Cyberpunk และ Techwear เช่น แจ็คเก็ตสไตล์ยุคอนาคต

3.Soft Femininity & Balletcore
แฟชั่นที่เน้นความอ่อนหวานและโรแมนติก เช่น
เดรสชีฟองพลิ้ว ๆ โทนสีพาสเทล
เสื้อผ้าแนว Balletcore เช่น กระโปรง Tutu และผ้าซาติน

4.Bold Colors & Dopamine Dressing
ปีนี้เสื้อผ้าสีสดใสที่ช่วยเพิ่มพลังบวกจะได้รับความนิยม เช่น
โทนสีส้ม แดง ชมพูบานเย็น และสีเขียวนีออน
การมิกซ์แอนด์แมทช์สีที่ตัดกันแบบสุดโต่ง

5.Grunge Revival & Dark Aesthetic
สไตล์ยุค 90s กำลังกลับมา โดยเฉพาะลุคดิบ ๆ เท่ ๆ เช่น
เสื้อเชิ้ตลายสก็อต + เสื้อยืดวงดนตรี
กางเกงคาร์โก้ + Combat Boots

6.Oversized Everything
เสื้อผ้าทรงหลวมยังคงเป็นที่นิยม เช่น
*เบลเซอร์โอเวอร์ไซส์ กางเกงทรงหลวม
*เสื้อฮู้ดดี้ขนาดใหญ่ ใส่สบายและดูคูล

ปี 2025 เป็นปีที่ร้านเสื้อผ้าในประเทศไทยต้องปรับตัวตามเทรนด์แฟชั่นที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ทั้งในด้านความยั่งยืน การผสมผสานวัฒนธรรม และความทันสมัย ร้านเสื้อผ้าควรเน้นความสร้างสรรค์และความเป็นเอกลักษณ์
เพื่อสร้างความแตกต่างและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัลนี้ อย่าลืมปรับตัวให้ทันเทรนด์และนำเสนอคอลเลคชั่นที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย
เพื่อความสำเร็จในตลาดแฟชั่นปี 2025 นี้


18
ปัญหาข้อเข่าเสื่อม รักษา เป็นภาวะที่หลายคนกำลังเผชิญ โดยเฉพาะเมื่ออายุมากขึ้น หรือจากการใช้งานเข่าอย่างหนักในชีวิตประจำวัน ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การขึ้นลงบันได หรือแม้แต่การทำกิจกรรมง่ายๆ

การปล่อยให้ ปัญหาข้อเข่าเสื่อม ลุกลามโดยไม่ได้รับการ รักษา ที่ถูกต้อง อาจนำไปสู่ภาวะที่รุนแรงขึ้น บทความนี้จะสรุปอาการ สาเหตุ และแนวทางการรักษา พร้อมแนะนำว่าทำไมการปรึกษา หมอกระดูกและข้อ จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด

อาการและสาเหตุของ "ข้อเข่าเสื่อม"อาการที่สังเกตได้
-มีอาการปวดเข่า โดยเฉพาะเมื่อมีการเคลื่อนไหว เช่น เดิน, วิ่ง, หรือขึ้นลงบันได
-มีเสียงดังในข้อเข่า เช่น เสียงกรอบแกรบ หรือเสียงเสียดสี
-ข้อเข่าบวม, ร้อน, หรือมีอาการฝืดตึง โดยเฉพาะในช่วงเช้า
-ไม่สามารถเหยียดหรืองอเข่าได้สุดเหมือนปกติ



สาเหตุหลัก
ข้อเข่าเสื่อม เกิดจากการที่กระดูกอ่อนที่ทำหน้าที่รองรับแรงกระแทกบริเวณข้อต่อเกิดการสึกหรอ ทำให้กระดูกเสียดสีกันโดยตรงจนเกิดอาการปวดและอักเสบ
สาเหตุหลักมักมาจากอายุที่มากขึ้น, น้ำหนักตัวที่มากเกินไป, การใช้งานหนัก หรือการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาในอดีต

แนวทางการรักษาปัญหาข้อเข่าเสื่อม: ไม่ต้องผ่าตัดเสมอไป
การ รักษา ข้อเข่าเสื่อมมีหลายวิธี ซึ่ง หมอกระดูกและข้อ จะเป็นผู้พิจารณาจากระดับความรุนแรงของอาการ

1. การรักษาแบบไม่ผ่าตัด
การลดน้ำหนัก: ช่วยลดแรงกดบนข้อเข่าได้โดยตรง
กายภาพบำบัด: เสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อเข่า
การใช้ยา: ยาแก้ปวด, ยาต้านการอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs)
การฉีดยา: การฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าเทียม (Hyaluronic Acid) หรือการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น (PRP) เพื่อลดการอักเสบและช่วยฟื้นฟูข้อต่อ

2. การรักษาด้วยการผ่าตัด
เป็นทางเลือกสุดท้ายสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงและไม่ตอบสนองต่อการรักษาแบบอื่นๆ เช่น การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม

หมอกระดูกและข้อ หรือที่เรียกว่า แพทย์ออร์โธปิดิกส์ คือผู้เชี่ยวชาญโดยตรงด้านกระดูก, ข้อต่อ, และกล้ามเนื้อของร่างกาย การปรึกษาแพทย์เฉพาะทางตั้งแต่เนิ่นๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

วินิจฉัยแม่นยำ: แพทย์สามารถวินิจฉัยสาเหตุของอาการปวดได้อย่างถูกต้องด้วยการตรวจร่างกายและภาพถ่ายทางรังสี (X-ray)
วางแผนการรักษาที่เหมาะสม: แพทย์จะช่วยออกแบบแผนการ รักษา ที่เหมาะสมกับอาการและไลฟ์สไตล์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มต้นจากวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัด ไปจนถึงการตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัด
ลดความเสี่ยง: การดูแลตัวเองโดยไม่มีความรู้ที่ถูกต้องอาจทำให้อาการแย่ลงได้ การปรึกษาแพทย์จึงเป็นการป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น


19
กองทุนประกันชีวิต คือหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย เพื่อทำหน้าที่คุ้มครองผู้เอาประกันภัยในกรณีที่บริษัทประกันชีวิตที่ทำอยู่ถูกเพิกถอนใบอนุญาตหรือต้องปิดกิจการลง
กองทุนนี้ทำหน้าที่คล้ายกับกองทุนคุ้มครองเงินฝากของธนาคาร เพื่อให้ประชาชนที่ทำประกันชีวิตมั่นใจได้ว่าความคุ้มครองและเงินที่จ่ายไปจะไม่สูญหาย



บทบาทสำคัญของกองทุนประกันชีวิต
กองทุนประกันชีวิตมีหน้าที่หลักในการคุ้มครองผลประโยชน์ของผู้เอาประกันภัย โดยมีขอบเขตการทำงานดังนี้

จ่ายเงินตามกรมธรรม์: กองทุนจะจ่ายเงินผลประโยชน์ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ให้แก่ผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์ตามที่ระบุไว้ซื้อประกันออนไลน์

จ่ายเบี้ยประกันคืน: สำหรับกรณีที่ยังไม่ถึงกำหนดจ่ายผลประโยชน์ กองทุนจะจ่ายเบี้ยประกันคืนให้แก่ผู้เอาประกันภัยตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด

โอนย้ายกรมธรรม์: กองทุนอาจพิจารณาโอนย้ายกรมธรรม์ที่เหลืออยู่ไปยังบริษัทประกันชีวิตที่ยังดำเนินกิจการอยู่ เพื่อให้ผู้เอาประกันภัยยังคงได้รับความคุ้มครองอย่างต่อเนื่อง

บริหารเงินกองทุน: กองทุนจะบริหารจัดการเงินที่ได้จากการเก็บเงินสมทบจากบริษัทประกันชีวิต เพื่อใช้ในการดูแลผู้เอาประกันภัยในกรณีที่จำเป็น

ใครคือผู้ดูแลกองทุนนี้
ในประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เป็นหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแลและบริหารงานของกองทุนประกันชีวิตครับ
ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าการดำเนินงานเป็นไปตามกฎหมายและเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้เอาประกันภัย

ทำไมถึงต้องมีกองทุนประกันชีวิต
การมีกองทุนประกันชีวิตช่วยสร้างความมั่นใจและเสถียรภาพให้กับอุตสาหกรรมประกันภัยโดยรวม เพราะช่วยลดความเสี่ยงของผู้เอาประกันภัย ทำให้ประชาชนกล้าที่จะวางแผนการเงินและชีวิตผ่านผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตมากขึ้น วางแผนเกษียณ

กองทุนประกันชีวิตเป็นเหมือนตาข่ายนิรภัยที่คอยรองรับและคุ้มครองผลประโยชน์ของคุณ หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันกับบริษัทประกันชีวิตที่คุณเลือก ทำให้คุณสามารถทำประกันชีวิตได้อย่างสบายใจและอุ่นใจได้มากขึ้น

20
เมื่อพูดถึง อุปกรณ์ห้องน้ำ ที่สำคัญ หลายคนอาจนึกถึงก๊อกน้ำหรือฝักบัวเป็นอันดับแรก แต่แท้จริงแล้ว ฟลัชวาล์ว (Flush Valve) ก็เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้ โดยเฉพาะสำหรับห้องน้ำสาธารณะหรือห้องน้ำที่มีการใช้งานอย่างหนัก มาทำความรู้จักฟลัชวาล์วให้มากขึ้น เพื่อให้เข้าใจว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้ทำงานอย่างไร และทำไมถึงสำคัญต่อระบบสุขาภิบาล



ฟลัชวาล์วคืออะไร
ฟลัชวาล์ว คืออุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ควบคุมปริมาณและแรงดันของน้ำสำหรับชำระล้างสิ่งปฏิกูลในโถสุขภัณฑ์หรือโถปัสสาวะชาย โดยจะปล่อยน้ำในปริมาณที่เหมาะสมในเวลาอันสั้น ทำให้การชำระล้างมีประสิทธิภาพและช่วยประหยัดน้ำได้ดีกว่าระบบถังพักน้ำแบบทั่วไป

ฟลัชวาล์วมีหลายประเภทให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมของการใช้งาน
ฟลัชวาล์วแบบก้านกด: เป็นประเภทที่พบเห็นได้บ่อยที่สุด ใช้งานง่าย เพียงแค่กดก้าน ฟลัชวาล์วก็จะปล่อยน้ำออกมา
ฟลัชวาล์วแบบเซนเซอร์ (อัตโนมัติ): เป็นระบบที่ใช้เทคโนโลยีตรวจจับความเคลื่อนไหว เมื่อผู้ใช้งานลุกขึ้นจากโถสุขภัณฑ์หรือเดินออกจากบริเวณนั้น ระบบจะปล่อยน้ำอัตโนมัติ ทำให้สะดวกสบายและถูกสุขอนามัยมากกว่า
ฟลัชวาล์วแบบเท้าเหยียบ: เหมาะสำหรับโถปัสสาวะชาย โดยจะใช้เท้าเหยียบเพื่อสั่งงาน ทำให้ไม่ต้องใช้มือสัมผัสตัวอุปกรณ์โดยตรง

การเลือกฟลัชวาล์วให้เหมาะสม
การเลือกฟลัชวาล์วควรพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้
แรงดันน้ำ: ตรวจสอบแรงดันน้ำในพื้นที่ติดตั้งว่าเพียงพอหรือไม่ เพราะฟลัชวาล์วต้องการแรงดันน้ำที่สูงพอสมควรจึงจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ประเภทของโถสุขภัณฑ์: เลือกฟลัชวาล์วที่เข้ากันได้กับประเภทของโถสุขภัณฑ์หรือโถปัสสาวะ
ดีไซน์: เลือกดีไซน์ที่เข้ากับภาพรวมของห้องน้ำ หากต้องการความเรียบง่ายและทันสมัย ควรเลือกแบบซ่อนผนัง
คุณสมบัติเสริม: เช่น มีระบบประหยัดน้ำ หรือระบบเซนเซอร์ที่ช่วยให้ใช้งานได้สะดวกและถูกสุขอนามัยมากขึ้น

การเลือก ฟลัชวาล์ว ที่เหมาะสมจะช่วยให้ห้องน้ำมีประสิทธิภาพ สะอาด และถูกสุขอนามัยในระยะยาว หากกำลังมองหา อุปกรณ์ห้องน้ำ คุณภาพดี อย่าลืมพิจารณาฟลัชวาล์วให้เหมาะสมกับการใช้งาน

21
ในยุคดิจิทัลที่เราต้องใช้สายตาจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนเป็นเวลานาน ปัญหาเกี่ยวกับดวงตาจึงกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวที่หลายคนมองข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จอประสาทตาเสื่อม และ ตาแห้ง ซึ่งเป็นสองภาวะที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและการมองเห็น บทความนี้จะชวนคุณมาทำความเข้าใจสาเหตุ อาการ และวิธีดูแลดวงตาให้ห่างไกลจากปัญหาเหล่านี้

จอประสาทตาเสื่อม โรคที่มองข้ามไม่ได้
จอประสาทตาเสื่อม (Macular Degeneration) คือภาวะที่เซลล์บริเวณจอประสาทตา ซึ่งมีหน้าที่ในการรับภาพและส่งสัญญาณไปยังสมอง เกิดการเสื่อมสภาพลง ทำให้การมองเห็นภาพตรงกลางบิดเบี้ยวหรือพร่ามัว แม้ว่าจอประสาทตาเสื่อมจะมักเกิดกับผู้สูงอายุ แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้กับคนวัยหนุ่มสาวที่มีพฤติกรรมเสี่ยง

อาการของจอประสาทตาเสื่อม
- มองเห็นภาพบิดเบี้ยว โดยเฉพาะเส้นตรง
- มีจุดดำหรือเงาบังภาพตรงกลาง
- มองเห็นภาพไม่ชัดเจน โดยเฉพาะในเวลากลางคืน
- ต้องใช้แสงสว่างมากกว่าปกติในการอ่านหนังสือหรือทำกิจกรรม



วิธีป้องกัน
หลีกเลี่ยงแสงแดดจ้า: สวมแว่นกันแดดที่มีเลนส์ป้องกันรังสี UVA และ UVB
ทานอาหารบำรุงสายตา: เน้นอาหารที่มีวิตามิน A, C, E, สังกะสี และสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น ผักใบเขียวเข้ม ผลไม้ตระกูลเบอร์รี และปลาทะเล
ตรวจสุขภาพตาประจำปี: หากมีประวัติครอบครัวหรือมีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ควรเข้ารับการตรวจตาอย่างสม่ำเสมอ

ตาแห้ง ภัยเงียบจากพฤติกรรม
ตาแห้ง (Dry Eye Syndrome) เกิดจากภาวะที่ดวงตาผลิตน้ำตาได้ไม่เพียงพอ หรือน้ำตาไม่มีคุณภาพ ส่งผลให้ดวงตาขาดความชุ่มชื้นและระคายเคือง ภาวะนี้มักเกี่ยวข้องกับการจ้องหน้าจอเป็นเวลานาน การอยู่ในห้องแอร์ และการใส่คอนแทคเลนส์

อาการของตาแห้ง
- แสบตา เคืองตา คันตา
- รู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมในดวงตา
- ตาแดง และมีน้ำตาไหลมากกว่าปกติ (เมื่อดวงตาพยายามสร้างน้ำตามาทดแทน)
- มองเห็นภาพไม่ชัดเจนในบางช่วงเวลา

วิธีป้องกันและบรรเทาอาการ
พักสายตาตามกฎ 20-20-20: ทุก 20 นาทีที่จ้องหน้าจอ ให้พักสายตา 20 วินาที โดยมองไปที่วัตถุที่อยู่ห่างออกไป 20 ฟุต (ประมาณ 6 เมตร)
กระพริบตาบ่อยๆ: การกระพริบตาช่วยให้น้ำตากระจายทั่วดวงตา
ใช้ผลิตภัณฑ์น้ำตาเทียม: เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและลดอาการระคายเคือง
ลดการใช้คอนแทคเลนส์: หากใส่เป็นประจำ ควรพักการใช้งานบ้าง

จอประสาทตาเสื่อม และ ตาแห้ง เป็นปัญหาที่ป้องกันได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการดูแลสุขภาพตาอย่างสม่ำเสมอ หากคุณมีอาการน่าสงสัย ควรรีบปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้อง เพราะการดูแลดวงตาตั้งแต่วันนี้ จะช่วยให้คุณมีสายตาที่ดีไปอีกนาน


22
ก๊อกอ่างล้างหน้า เป็นมากกว่าอุปกรณ์สำหรับเปิด-ปิดน้ำ แต่ยังเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเสริมให้ห้องน้ำของคุณดูสวยงามและใช้งานได้สะดวกสบาย ในตลาดปัจจุบันมีก๊อกให้เลือกหลายประเภท หลายดีไซน์ และหลายวัสดุ ซึ่งแต่ละแบบก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป การเลือกก๊อกน้ำที่เหมาะสมจึงต้องพิจารณาหลายปัจจัย เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานและสไตล์การตกแต่ง

ประเภทของก๊อกอ่างล้างหน้า
การทำความเข้าใจประเภทของก๊อกน้ำจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าแบบไหนที่เหมาะกับห้องน้ำของคุณ
ก๊อกเดี่ยว (Single-Hole Faucet): เป็นก๊อกน้ำที่มีก้านโยกหรือที่จับเพียงอันเดียวสำหรับควบคุมทั้งน้ำร้อนและน้ำเย็นในตัว เป็นที่นิยมเนื่องจากติดตั้งง่ายและมีดีไซน์ที่ทันสมัย
ก๊อกแบบมีมือจับสองข้าง (Centerset Faucet): ก๊อกประเภทนี้จะมีมือจับสองข้างสำหรับน้ำร้อนและน้ำเย็นแยกกัน โดยมีระยะห่างระหว่างมือจับที่พอดีกับรูมาตรฐานของอ่างล้างหน้า
ก๊อกแบบติดผนัง (Wall-Mounted Faucet): เหมาะสำหรับห้องน้ำสไตล์โมเดิร์นที่ต้องการความเรียบง่ายและดูโล่งตา ติดตั้งบนผนังเหนืออ่างล้างหน้า ทำให้ทำความสะอาดง่ายและช่วยประหยัดพื้นที่บนเคาน์เตอร์
ก๊อกแบบท่อสปา (Spout Faucet): ก๊อกประเภทนี้จะเน้นดีไซน์ที่สวยงามและแปลกตา มักจะปล่อยน้ำออกมาในรูปแบบที่แตกต่างกัน เช่น น้ำตก หรือสายน้ำที่โค้งมน เพื่อสร้างความรู้สึกผ่อนคลาย



วัสดุยอดนิยมสำหรับก๊อกอ่างล้างหน้า
นอกจากดีไซน์แล้ว ยังเป็นอุปกรณ์ห้องน้ำสำคัญที่ต้องมีความทนทานและความสวยงาม
ทองเหลือง: เป็นวัสดุยอดนิยมที่สุด มีความแข็งแรงทนทานสูง ทนต่อการกัดกร่อนได้ดี และสามารถเคลือบผิวได้หลากหลายสี เช่น โครเมียม, นิกเกิล หรือสีดำด้าน
สเตนเลสสตีล: มีความทนทานสูง ไม่เป็นสนิม ทำความสะอาดง่าย และให้ความรู้สึกทันสมัย
ซิงค์อัลลอย: เป็นวัสดุที่น้ำหนักเบาและราคาไม่แพง แต่ความทนทานอาจน้อยกว่าทองเหลืองและสเตนเลสสตีล

เคล็ดลับในการเลือกก๊อกอ่างล้างหน้า
ขนาดและรูของอ่าง: ตรวจสอบขนาดและจำนวนรูบนอ่างล้างหน้าของคุณก่อนซื้อ เพื่อให้แน่ใจว่าก๊อกน้ำที่คุณเลือกสามารถติดตั้งได้อย่างพอดี
สไตล์การตกแต่ง: เลือกก๊อกน้ำที่มีดีไซน์เข้ากันกับสไตล์การตกแต่งโดยรวมของห้องน้ำ เช่น หากห้องน้ำเป็นสไตล์ลอฟท์ ก๊อกน้ำสีดำด้านอาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม
คุณภาพและมาตรฐาน: เลือกซื้อก๊อกน้ำจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือและมีมาตรฐานการผลิต เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและอายุการใช้งานที่ยาวนาน
การประหยัดน้ำ: พิจารณาก๊อกน้ำที่มีเทคโนโลยีช่วยประหยัดน้ำ เพื่อลดปริมาณการใช้น้ำในแต่ละครั้ง

การเลือกก๊อกอ่างล้างหน้าไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอย่างที่คิด เพียงแค่ทำความเข้าใจคุณสมบัติของแต่ละประเภท และพิจารณาจากความต้องการใช้งานจริง ก็จะได้ก๊อกน้ำที่สวยงาม ทนทาน และใช้งานได้ยาวนานอย่างแน่นอน



23
การวินิจฉัยโรคทางระบบประสาทที่ซับซ้อนอย่างโรคลมชัก (Epilepsy) จำเป็นต้องอาศัยข้อมูลที่ละเอียดและครบถ้วน หนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญและช่วยให้แพทย์วินิจฉัยได้อย่างแม่นยำคือ การตรวจ Sleep Test หรือการตรวจการนอนหลับ ซึ่งมักจะใช้ควบคู่ไปกับการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG) บทความนี้จะอธิบายว่าทำไมการตรวจ Sleep Test ถึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการวินิจฉัยโรคลมชัก

ทำไมต้องตรวจ Sleep Test เพื่อวินิจฉัยโรคลมชัก
โดยทั่วไปแล้ว การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG) เป็นวิธีมาตรฐานที่ใช้ในการวินิจฉัยโรคลมชัก แต่บางครั้งก็อาจไม่พบความผิดปกติ เนื่องจากคลื่นไฟฟ้าสมองของคนไข้บางรายจะแสดงความผิดปกติเฉพาะในช่วงที่กำลังหลับเท่านั้น การตรวจ Sleep Test จึงเข้ามาช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปนี้ เพราะการตรวจจะมีการบันทึกคลื่นไฟฟ้าสมองอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งคืน ทำให้แพทย์สามารถสังเกตและวิเคราะห์รูปแบบคลื่นสมองที่ผิดปกติได้ชัดเจนขึ้น



ประโยชน์ของการตรวจ Sleep Test ในผู้ป่วยโรคลมชัก
เพิ่มโอกาสในการตรวจพบความผิดปกติ: คลื่นสมองที่ผิดปกติซึ่งเป็นสาเหตุของโรคลมชักมักจะเกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงที่คนไข้กำลังนอนหลับหรืออยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างการหลับ การตรวจ Sleep Test จึงช่วยเพิ่มโอกาสในการตรวจพบคลื่นสมองที่ผิดปกติเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ sleep test ราคา

แยกอาการคล้ายคลึงจากโรคอื่น: บางครั้งอาการชักอาจมีลักษณะคล้ายกับความผิดปกติอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการนอนหลับ เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) หรืออาการขาอยู่ไม่สุข (Restless Leg Syndrome) การตรวจ Sleep Test ช่วยให้แพทย์แยกแยะอาการเหล่านี้ออกจากกันได้อย่างแม่นยำ ทำให้การวินิจฉัยไม่คลาดเคลื่อน

วางแผนการรักษาที่แม่นยำ: เมื่อแพทย์สามารถระบุตำแหน่งและชนิดของความผิดปกติในสมองได้อย่างชัดเจน จะช่วยให้แพทย์สามารถเลือกใช้ยาที่เหมาะสมและวางแผนการรักษาได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

ใครควรพิจารณาตรวจ Sleep Test เพื่อวินิจฉัยโรคลมชัก
ผู้ป่วยที่สงสัยว่าเป็นโรคลมชักแต่ตรวจ EEG แบบปกติแล้วไม่พบความผิดปกติ
ผู้ป่วยที่อาการชักเกิดขึ้นบ่อยครั้งในขณะนอนหลับ
ผู้ป่วยที่ต้องการวินิจฉัยเพื่อแยกอาการชักออกจากโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับความผิดปกติของการนอนหลับ

การตรวจ Sleep Test จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคลมชักได้อย่างแม่นยำ และนำไปสู่การรักษาที่เหมาะสม เพื่อให้ผู้ป่วยกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น หากคุณหรือคนในครอบครัวมีอาการที่น่าสงสัย ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้อง โปรแกรมตรวจสุขภาพ
[/size]

24
หลายคนอาจมองว่าเรื่อง “วางแผนเกษียณ” เป็นเรื่องไกลตัว และมักจะผลัดวันประกันพรุ่งอยู่เสมอ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การเริ่มต้นวางแผนตั้งแต่วันนี้ ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ จะช่วยให้คุณมีชีวิตบั้นปลายที่มั่นคงและมีความสุขได้อย่างแท้จริง บทความนี้จะชวนคุณมาทำความเข้าใจว่าทำไมการวางแผนเกษียณถึงสำคัญ และมีขั้นตอนอย่างไรบ้างที่คุณสามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที

การวางแผนเกษียณไม่ใช่แค่เรื่องการเก็บเงิน แต่เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับช่วงชีวิตที่รายได้หลักจากการทำงานจะลดลงหรือหายไปเลย
สร้างความมั่นคงทางการเงิน: เพื่อให้คุณมีเงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวันอย่างไม่ติดขัด โดยไม่ต้องพึ่งพาลูกหลาน
ใช้ชีวิตตามที่ฝันไว้: ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวรอบโลก การทำกิจกรรมที่ชอบ หรือใช้เวลาอยู่กับครอบครัวอย่างเต็มที่
รับมือกับค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด: เช่น ค่ารักษาพยาบาลที่อาจสูงขึ้นตามอายุ



การวางแผนเกษียณมีหลายวิธี ไม่มีสูตรตายตัว แต่คุณสามารถเริ่มต้นได้จาก 4 ขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้
1. ตั้งเป้าหมาย: อยากมีเงินใช้จ่ายเท่าไหร่ตอนเกษียณ
ขั้นแรกคือการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน ลองคำนวณดูว่าหลังเกษียณคุณอยากใช้เงินเดือนละเท่าไหร่ หากต้องการใช้ชีวิตแบบเดิม อาจลองประเมินจากค่าใช้จ่ายปัจจุบัน แล้วบวกเพิ่มด้วยอัตราเงินเฟ้อที่คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า เช่น หากปัจจุบันมีค่าใช้จ่ายเดือนละ 20,000 บาท และวางแผนเกษียณในอีก 30 ปีข้างหน้า เงินจำนวนนี้อาจมีมูลค่าเทียบเท่ากับ 50,000 บาทต่อเดือนในอนาคต

2. คำนวณเงินออมที่ต้องมี
เมื่อรู้เป้าหมายแล้ว ก็ถึงเวลาคำนวณว่าคุณต้องมีเงินเก็บก้อนใหญ่เท่าไหร่จึงจะเพียงพอ โดยทั่วไปจะใช้หลักการคำนวณแบบย้อนกลับ เช่น ถ้าอยากมีเงินใช้เดือนละ 50,000 บาท และคาดว่าจะใช้ชีวิตหลังเกษียณไปอีก 20 ปี คุณอาจต้องมีเงินเก็บอย่างน้อย 12 ล้านบาท (50,000 บาท x 12 เดือน x 20 ปี) ซึ่งตัวเลขนี้จะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมและคำนวณได้ว่าในแต่ละเดือนคุณควรจะออมเงินเท่าไหร่

3. วางแผนการออมและการลงทุน
การออมเงินอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอที่จะสู้กับเงินเฟ้อได้ การลงทุนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เงินของคุณงอกเงย ลองพิจารณาทางเลือกเหล่านี้:
กองทุนรวม: มีให้เลือกหลากหลายประเภท ตั้งแต่ความเสี่ยงต่ำไปจนถึงความเสี่ยงสูง
หุ้น: เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน
อสังหาริมทรัพย์: หากมีเงินทุนมากพอ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อปล่อยเช่าก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ
ประกันชีวิตและบำนาญ: เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณมีเงินใช้จ่ายหลังเกษียณอย่างสม่ำเสมอ

4. ทบทวนแผนอย่างสม่ำเสมอ
สถานการณ์การเงินและเป้าหมายในชีวิตของคุณอาจเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ดังนั้นควรทบทวนแผนเกษียณของคุณอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อปรับปรุงและปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันอยู่เสมอ

เริ่มต้นวางแผนเกษียณตั้งแต่วันนี้
ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ การเริ่มต้นวางแผนเกษียณตั้งแต่วันนี้คือสิ่งที่ดีที่สุด หากคุณอายุยังน้อย มีเวลาให้เงินของคุณงอกเงยอย่างเต็มที่ และหากเริ่มช้าไปบ้าง ก็ไม่ได้หมายความว่าสายเกินไปยังสามารถเริ่มวางแผนได้เลย เพียงแค่ต้องเพิ่มจำนวนเงินออมหรือลงทุนให้มากขึ้น

การวางแผนเกษียณอาจดูเป็นเรื่องซับซ้อน แต่หากเริ่มต้นจากขั้นตอนง่ายๆ ทีละน้อยจะสามารถสร้างความมั่นคงทางการเงินและใช้ชีวิตหลังเกษียณได้อย่างไร้กังวลประกันชีวิตผู้สูงอายุ 80 ปีขึ้นไป



25
ยุค 1970s คือยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงที่เต็มไปด้วยสีสัน ความสนุกสนาน และการทดลองทางแฟชั่น เรียกได้ว่าเป็นยุคที่มีการผสมผสานระหว่างสไตล์ต่างๆ ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าแบบโบฮีเมียน กางเกงขาม้าทรงพริ้ว หรือชุดเดรสสุดเก๋ที่ยังคงฮิตจนถึงวันนี้ มาดูกันว่าเสื้อผ้าแฟชั่น Rewind to the 70s จะมาแรงแค่ไหน และจะเอามาแมตช์ให้เป็นสไตล์วินเทจสุดชิคได้ยังไงบ้าง

เสื้อผ้าผ้ายีนส์ คอมโบที่ไม่เคยตกยุค
ไม่มีอะไรจะเท่ไปกว่า ยีนส์สกินนี่ หรือ กางเกงยีนส์ทรงขากระดิ่ง ที่มาพร้อมกับเสื้อยืดลายกราฟิกหรือแจ็คเก็ตยีนส์! สไตล์นี้จะทำให้รู้สึกทั้งสบายและเท่ไม่เหมือนใคร ไม่ว่าจะใส่กับรองเท้าผ้าใบหรือส้นสูงก็เอาอยู่ สร้างลุคนี้ให้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยเครื่องประดับทองหรือเงินสะดุดตา เพิ่มความมีเสน่ห์ให้กับลุคสุดวินเทจ



เสื้อเบลเซอร์และกางเกงขาม้า
เสื้อเบลเซอร์ทรงหลวมๆ หรือกางเกงขาม้า สามารถเพิ่มความหรูหราแต่ยังคงความวินเทจได้ง่าย ๆ หากอยากให้ลุคดูเป็นทางการขึ้นสักหน่อย ลองแมทช์กับเสื้อเชิ้ตแขนยาวที่มีลายขวาง หรือกางเกงขาม้าสีเทาอ่อนเพื่อให้ลุคนี้ดูเป็นทางการในแบบสไตล์ยุค 70s โดยรองเท้าคัทชูก็เป็นตัวเลือกที่ลงตัวสุด ๆ clothing store

ลายดอกไม้และผ้าพิมพ์ลาย
การสวมใส่เดรสลายดอกไม้ หรือเสื้อผ้าแนวพิมพ์ลายชนเผ่า คืออีกหนึ่งสไตล์ที่โดดเด่นในยุค 70s ช่วยให้ได้ความรู้สึกอิสระ สดใส และเต็มไปด้วยพลัง ใช้รองเท้าบู๊ตส้นเตี้ยหรือหมวกปีกกว้างเพิ่มความเก๋

การกลับมาของ Rewind to the 70s ไม่ใช่แค่การแต่งตัวเท่านั้น แต่เป็นการย้อนกลับไปสู่ยุคที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ความอิสระ และสไตล์ที่ไม่เคยตกยุค ลุคนี้มีความหลากหลายทั้งในเรื่องของการผสมผสานสไตล์และการเลือกไอเทมต่างๆ ที่ไม่ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ก็ยังคงดูดี และสร้างความแตกต่างได้เสมอ สามารถนำสไตล์นี้มาปรับใช้กับลุคของคุณเองได้ทั้งในชีวิตประจำวันและในโอกาสพิเศษ อย่าลืมลองแต่งตัวให้ตรงตามสไตล์ Rewind to the 70s วันวางๆ มาหาที่ shopping เสื้อผ้า


26
ตาเหลืองเป็นอาการที่หลายคนอาจสงสัยว่าเกิดจากอะไร และเป็นสัญญาณเตือนของโรคใดบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของ ตับอักเสบ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของอาการตาเหลือง การเข้าใจสาเหตุและอาการของโรคนี้จะช่วยให้เรารับมือและป้องกันได้อย่างถูกวิธี

ตาเหลืองเกิดจากอะไร
อาการตาเหลืองหรือที่เรียกว่าภาวะดีซ่าน (Jaundice) เกิดจากการสะสมของสารบิลิรูบิน (bilirubin) ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานผิดปกติของตับ ทำให้สารนี้ไม่สามารถถูกขจัดออกจากร่างกายได้อย่างปกติ ส่งผลให้ผิวหนังและตาขาวกลายเป็นสีเหลือง



สาเหตุของตาเหลืองและโรคตับอักเสบ
    ตับอักเสบ (Hepatitis)
    เป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบของเนื้อตับ ซึ่งสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยเฉพาะไวรัสตับอักเสบชนิดต่าง ๆ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคนี้
    ไวรัสตับอักเสบ (Hepatitis Virus)
    เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของตับอักเสบและภาวะดีซ่าน โดยมีหลายชนิด เช่น
    ไวรัสตับอักเสบเอ (HAV)
    ไวรัสตับอักเสบบี (HBV)
    ไวรัสตับอักเสบซี (HCV)
    ไวรัสตับอักเสบดี (HDV)
    ไวรัสตับอักเสบเอฟ (HEV)

ไวรัสเหล่านี้สามารถแพร่กระจายผ่านทางอาหาร น้ำดื่ม การสัมผัสเลือด หรือสารคัดหลั่ง รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์ โรคตับอื่น ๆ
    - เช่น ตับแข็ง ตับวาย หรือความผิดปกติของทางเดินน้ำดี ซึ่งอาจทำให้เกิดภาวะดีซ่านเช่นกัน
    - ภาวะแทรกซ้อนจากโรคอื่น ๆ
    เช่น โรคโลหิตจาง โรคตับอ่อนอักเสบ หรือภาวะที่มีการทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงอย่างรุนแรง

อาการของตาเหลืองและตับอักเสบ
    ๐ ตาขาวและผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีเหลือง
    ๐ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้
    ๐ ปวดท้องบริเวณตับ
    ๐ มีกลิ่นตัวผิดปกติ
    ๐ ปัสสาวะสีเข้มและอุจจาระสีอ่อน

วิธีป้องกันและดูแลตัวเอง
    รักษาความสะอาดและสุขอนามัย ส่วนใหญ่ของไวรัสตับอักเสบสามารถป้องกันได้ด้วยการล้างมืออย่างถูกวิธี
    หลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน และการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
    รับวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบีและเอ (สำหรับบางชนิด)
    ตรวจสุขภาพเป็นประจำ และรีบพบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติ

ตาเหลืองเกิดจากหลายสาเหตุ แต่สาเหตุที่พบบ่อยและรุนแรงที่สุดคือ ไวรัสตับอักเสบ ซึ่งเป็นโรคที่ควรได้รับความสนใจเป็นพิเศษ หากปล่อยไว้ไม่รักษา อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ตับวายหรือมะเร็งตับได้ การรู้จักสาเหตุและอาการของตับอักเสบ รวมถึงการป้องกันอย่างถูกวิธี จะช่วยให้ดูแลสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ

27
หัวใจกระตุกเกิดจากอะไร เป็นอาการที่หลายคนอาจเคยประสบ ซึ่งทำให้รู้สึกกลัวและกังวลเกี่ยวกับสุขภาพหัวใจของตนเอง แต่จริง ๆ แล้ว หัวใจกระตุกสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ และบางกรณีก็เป็นอาการของโรคหัวใจที่รุนแรง วันนี้เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุและวิธีป้องกันอาการหัวใจกระตุก

1. ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia)
เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดของหัวใจกระตุก ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของการนำไฟฟ้าในหัวใจ ทำให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะปกติ เช่น หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ หัวใจเต้นช้าผิดปกติ หรือหัวใจเต้นแบบไม่สม่ำเสมอ ซึ่งอาการนี้อาจทำให้เกิดความรู้สึกหัวใจกระตุกหรือ "สวนหัวใจ" ขึ้นมาได้

2. ความเครียดและความวิตกกังวล
ความเครียดสะสมหรือความวิตกกังวลเป็นปัจจัยที่ทำให้ระบบประสาทอัตโนมัติทำงานผิดปกติ ส่งผลให้หัวใจเต้นเร็วหรือไม่สม่ำเสมอ จนเกิดอาการหัวใจกระตุกและรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

3. การออกกำลังกายหนักเกินไป
การออกกำลังกายที่หักโหมหรือไม่ได้วอร์มอัปก่อนออกกำลัง อาจทำให้หัวใจทำงานหนักเกินไป จนเกิดอาการหัวใจกระตุกหรือ "สวนหัวใจ" ได้ในบางกรณี

4. การบริโภคเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน แอลกอฮอล์ หรือสารกระตุ้นอื่น ๆ
เครื่องดื่มกาแฟ น้ำอัดลม ชาเขียว รวมถึงแอลกอฮอล์และสารเสริมอารมณ์บางชนิด สามารถกระตุ้นให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ เป็นเหตุให้เกิดอาการหัวใจกระตุกและ "สวนหัวใจ" ได้



5. โรคหัวใจและเส้นเลือดหัวใจตีบ
โรคหัวใจหลายชนิด เช่น หัวใจวาย หลอดเลือดหัวใจตีบ หรือกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้หัวใจทำงานผิดปกติ ส่งผลให้เกิดหัวใจกระตุกและอาการ "สวนหัวใจ" ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

6. ภาวะผิดปกติของอิเล็กโทรไลต์ในร่างกาย
สารเกลือแร่ในร่างกาย เช่น โพแทสเซียม โซเดียม แมกนีเซียม เมื่อไม่สมดุล จะส่งผลต่อการนำไฟฟ้าของหัวใจ ทำให้เกิดหัวใจกระตุกและอาการ "สวนหัวใจ" ได้เช่นกัน

การสวนหัวใจ (Coronary Angiography) คืออะไร
การสวนหัวใจ หรือที่เรียกกันว่า Coronary Angiography เป็นกระบวนการทางการแพทย์ที่ใช้ในการตรวจสอบหลอดเลือดหัวใจว่ามีการอุดตัน หรือลดการไหลเวียนของเลือดหรือไม่ โดยการฉีดสารสีเข้าไปในหลอดเลือดหัวใจผ่านทางสายสวน (catheter) เพื่อให้แพทย์สามารถมองเห็นภาพของหลอดเลือดหัวใจบนจอภาพและวินิจฉัยโรคหัวใจได้อย่างแม่นยำ

ทำไมถึงต้องทำการสวนหัวใจ
-เพื่อวินิจฉัยโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น หลอดเลือดหัวใจตีบ หลอดเลือดหัวใจอุดตัน
-เพื่อประเมินความรุนแรงของโรคหัวใจ
-สำหรับการวางแผนการรักษา เช่น การทำบอลลูน (angioplasty) หรือการใส่ขดลวด (stent)
-เพื่อประเมินผลหลังการรักษาโรคหัวใจ

การสวนหัวใจ เป็นกระบวนการวินิจฉัยและรักษาโรคหัวใจที่สำคัญ ช่วยให้แพทย์สามารถมองเห็นภาพหลอดเลือดหัวใจและวางแผนการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณมีอาการผิดปกติของหัวใจ เช่น เจ็บแน่นหน้าอก หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือเคยมีประวัติโรคหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและตรวจวินิจฉัยอย่างถูกต้อง ตรวจสุขภาพประจำปี ราคา

28
ฝักบัวน้ำไม่แรง หรือฝักบัวที่น้ำหยดเป็นปัญหาที่หลายบ้านพบเจอ ซึ่งนอกจากจะทำให้การอาบน้ำไม่สะดวกแล้ว ยังอาจเป็นสัญญาณของปัญหาภายในระบบประปาที่ต้องได้รับการดูแลก๊อกฝักบัวอย่างถูกวิธี สาเหตุและแนวทางแก้ไขปัญหา ฝักบัวน้ำไม่แรง ฝักบัวน้ำหยด ให้หายขาด

สาเหตุของฝักบัวน้ำไม่แรง หรือน้ำหยด
    สิ่งสกปรกอุดตันในหัวฝักบัว
    เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้แรงดันน้ำลดลง เนื่องจากตะกร้ากรองน้ำในหัวฝักบัวอาจมีคราบหินปูน คราบสิ่งสกปรกสะสม ทำให้น้ำไม่สามารถไหลผ่านได้ดี

    แรงดันน้ำในบ้านต่ำ
    ถ้าระบบประปาในพื้นที่มีแรงดันต่ำ อาจส่งผลให้น้ำไหลไม่แรงเท่าที่ควร โดยเฉพาะในบ้านที่มีหลายชั้น หรือบ้านที่มีการใช้น้ำพร้อมกันจำนวนมาก

    วาล์วหรือหัวฉีดแตกหัก หรือชำรุด
    บางครั้งวาล์วหรือหัวฝักบัวอาจชำรุด เสียหาย ทำให้แรงดันน้ำลดลงหรือหยุดไหล

    ท่อประปาอุดตันหรือเสียหาย
    คราบหินปูน คราบสนิม หรือเศษวัสดุอาจอุดตันในท่อ ทำให้น้ำไหลผ่านได้น้อยลง

    แรงดันน้ำลดลงในช่วงเวลานั้นๆ
    อาจเป็นเพราะการซ่อมแซม ระบบประปาในพื้นที่ หรือเหตุการณ์ฉุกเฉิน



วิธีแก้ไขปัญหาฝักบัวน้ำไม่แรง หรือน้ำหยด
    ทำความสะอาดหัวฝักบัวเป็นประจำ
    นำหัวฝักบัวออกมาแช่ในน้ำส้มสายชูประมาณ 1-2 ชั่วโมง เพื่อช่วยละลายคราบหินปูนและสิ่งสกปรก จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาดแล้วติดตั้งกลับ

    ตรวจสอบและปรับแรงดันน้ำในบ้าน
    หากแรงดันน้ำต่ำ อาจต้องติดตั้งปั๊มน้ำเสริม หรือปรับวาล์วให้เปิดเต็มที่

    เปลี่ยนหัวฝักบัวใหม่
    ถ้าหัวฝักบัวชำรุดหรือเสียหาย ควรเปลี่ยนเป็นหัวใหม่ เพื่อให้ได้แรงดันน้ำเต็มที่

    ตรวจสอบท่อและวาล์วฝักบัว
    หากพบว่ามีการอุดตันหรือรอยรั่ว ควรเรียกช่างมาทำความสะอาดหรือซ่อมแซมท่อให้เรียบร้อย

    ติดตั้งเครื่องกรองน้ำหรือแรงดันน้ำเพิ่มเติม
    สำหรับพื้นที่ที่มีปัญหาแรงดันน้ำต่ำเป็นประจำ อาจพิจารณาติดตั้งเครื่องช่วยเพิ่มแรงดันน้ำ

คำแนะนำเพิ่มเติมเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต
    ทำความสะอาดหัวฝักบัวอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง
    ตรวจสอบระบบประปาและอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอ
    ใช้หัวฝักบัวคุณภาพดีและเหมาะสมกับแรงดันน้ำในบ้าน
    ติดตั้งเครื่องกรองน้ำเพื่อป้องกันคราบหินปูนและสิ่งสกปรก

ปัญหา ฝักบัวอาบน้ำไม่แรง หรือ ฝักบัวน้ำหยด เป็นเรื่องที่สามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ หากรู้สาเหตุและดำเนินการตามคำแนะนำที่ได้เสนอไป หมั่นตรวจเช็คและบำรุงรักษาระบบประปาอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยให้อาบน้ำอย่างสะดวกสบาย พร้อมแรงดันน้ำเต็มที่ในทุกวัน
[/size]

29
ในยุคที่ภาระภาษีมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น การวางแผนภาษีอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้มีรายได้ทุกระดับ หนึ่งในทางเลือกที่ได้รับความนิยมและตอบโจทย์มากที่สุดคือ ประกันลดหย่อนภาษี และ ประกันควบการลงทุน ที่สามารถช่วยลดภาระภาษี และสร้างผลตอบแทนในระยะยาวได้อย่างมั่นคง

ทำความรู้จักกับประกันลดหย่อนภาษี
ประกันลดหย่อนภาษีเป็นผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ตามกฎหมาย โดยทั่วไปแล้ว จะเป็นประกันชีวิตแบบบำนาญหรือแบบสะสมทรัพย์ ที่ผู้ซื้อสามารถนำเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุดตามที่กำหนด เช่น ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ซึ่งเป็นหนึ่งในช่องทางลดหย่อนภาษีที่ง่ายและได้รับความนิยมอย่างมาก



ประกันควบการลงทุนคืออะไร
ประกันควบการลงทุน หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ประกันชีวิตแบบยูนิตลิงก์ (Unit-Linked Insurance) เป็นผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ผสมผสานการประกันภัยและการลงทุนไว้ในแผ่นเดียวกัน โดยผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนในกองทุนต่าง ๆ ได้ตามความเสี่ยงและเป้าหมายทางการเงินของตนเอง ซึ่งนอกจากจะได้รับความคุ้มครองชีวิตแล้ว ยังสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากการลงทุนในระยะยาวได้อีกด้วย

ข้อดีของประกันลดหย่อนภาษีและประกันควบการลงทุน
    ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด: ช่วยลดภาระภาษีในแต่ละปี ทำให้มีเงินเหลือใช้ในชีวิตประจำวันมากขึ้น
    สร้างความมั่นคงทางการเงิน: ประกันควบการลงทุนช่วยสร้างผลตอบแทนในระยะยาว เหมาะสำหรับการวางแผนเกษียณหรือการออมระยะยาว
    ความคุ้มครองชีวิต: นอกจากการลงทุนแล้ว ยังได้รับความคุ้มครองจากเหตุการณ์ไม่คาดคิด
    ความยืดหยุ่นในการลงทุน: สามารถเลือกกองทุนและปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนได้ตามความต้องการ

คำแนะนำในการเลือกซื้อประกันลดหย่อนภาษีและประกันควบการลงทุน
    ศึกษารายละเอียดผลิตภัณฑ์: ทำความเข้าใจในเงื่อนไข ข้อดี-ข้อเสีย รวมถึงค่าธรรมเนียมต่าง ๆ
    วางแผนการเงินให้สอดคล้องกัน: เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับเป้าหมายและความสามารถในการชำระเบี้ย
    เปรียบเทียบข้อเสนอจากหลายบริษัท: เพื่อให้ได้เงื่อนไขและผลตอบแทนที่ดีที่สุด
    พิจารณาระยะเวลาการลงทุน: เลือกแผนที่เหมาะสมกับเป้าหมายระยะยาวหรือระยะสั้นของคุณ


ประกันลดหย่อนภาษี และ ประกันควบการลงทุน เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการวางแผนภาษีและสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว ผลประโยชน์ทั้งด้านลดหย่อนภาษีและการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน ทำให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่คุ้มค่าที่สุดในยุคปัจจุบัน ควรศึกษาข้อมูลและวางแผนอย่างรอบคอบ เพื่อให้การลงทุนของคุณเกิดประโยชน์สูงสุด


30
อาการปวดท้องน้อยด้านขวาเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้หญิง ซึ่งอาจมีสาเหตุจากหลายโรคหรือภาวะทางสุขภาพ เช่น ปัญหาเกี่ยวกับปวดท้องน้อยด้านขวา มดลูก หรือโรคลำไส้แปรปรวน (IBS) ซึ่งทั้งสองโรคนี้อาจมีอาการคล้ายคลึงกัน ทำให้การวินิจฉัยเป็นเรื่องที่ซับซ้อน บทความนี้จะช่วยให้เข้าใจความแตกต่างและวิธีดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง

สาเหตุของอาการปวดท้องน้อยด้านขวา: มดลูก กับ ลำไส้แปรปรวน
อาการปวดท้องน้อยด้านขวาเกี่ยวกับมดลูก

    เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis)
    ทำให้เกิดอาการปวดรุนแรงบริเวณท้องน้อยโดยเฉพาะในช่วงรอบเดือน

    ถุงน้ำในรังไข่ (Ovarian cysts)
    ถุงน้ำที่เกิดขึ้นบนรังไข่สามารถทำให้เกิดอาการปวดและแน่นท้องด้านขวา

    ภาวะเยื่อบุมดลูกอักเสบ (Pelvic Inflammatory Disease - PID)
    การติดเชื้อที่อุ้งเชิงกรานอาจทำให้ปวดท้องและมีไข้ร่วมด้วย



อาการปวดท้องน้อยด้านขวาเกี่ยวกับลำไส้แปรปรวน (IBS)
    ลำไส้แปรปรวน (Irritable Bowel Syndrome - IBS)
    เป็นภาวะที่ทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องผูก ท้องเสีย หรือทั้งสองอย่างสลับกัน โดยมักจะเป็น ๆ หาย ๆ และอาจมีลักษณะเป็นๆ ไปตามอารมณ์หรืออาหารที่รับประทาน

เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์
    อาการปวดรุนแรงและต่อเนื่อง
    มีไข้ร่วมกับอาการปวด
    มีเลือดออกผิดปกติ
    อาการท้องเสียหรือต้องถ่ายอุจจาระบ่อยผิดปกติ
    ปวดร่วมกับอาการคลื่นไส้ อาเจียน

วิธีดูแลตัวเองและป้องกัน
    รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูงและสมดุล
    ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
    หลีกเลี่ยงความเครียดและพฤติกรรมที่ทำให้อาการแย่ลง
    เข้ารับตรวจสุขภาพเป็นประจำและปรึกษาแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติ

อาการปวดท้องน้อยด้านขวาอาจเกิดจากทั้งปัญหาเกี่ยวกับมดลูกและโรคลำไส้แปรปรวน ซึ่งอาการทั้งสองโรคนี้อาจมีลักษณะคล้ายคลึงกัน แต่การวินิจฉัยอย่างถูกต้องและการดูแลรักษาที่เหมาะสม (ผ่าตัดมดลูก) จะช่วยให้คุณหายจากอาการและสุขภาพดีขึ้นได้

31
ทำไมประกันชีวิตถึงเป็นทางเลือกยอดนิยมในการลดหย่อนภาษี
ประกันชีวิตไม่ใช่แค่การสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัวเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยลดหย่อนภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ในยุคที่ค่าครองชีพและภาษีเพิ่มขึ้น การวางแผนภาษีด้วยประกันลดหย่อนภาษีจึงเป็นทางเลือกที่ฉลาดและคุ้มค่ามากที่สุดสำหรับคนที่ต้องการประหยัดภาษีและสร้างความมั่นคงในอนาคต
ประกันชีวิต ลดหย่อนภาษี ได้สูงสุดเท่าไหร่?



ตามกฎหมายภาษีของประเทศไทย ผู้เสียภาษีสามารถนำเบี้ยประกันชีวิตมาใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี นอกจากนี้ ยังสามารถนำเบี้ยประกันสุขภาพและประกันสุขภาพกลุ่มมารวมลดหย่อนภาษีได้อีกเช่นกัน แต่ควรตรวจสอบเงื่อนไขและประเภทของประกันให้ละเอียดก่อนซื้อ

ประโยชน์ของการทำประกันชีวิตเพื่อการลดหย่อนภาษี

    ลดภาระภาษี: ช่วยลดจำนวนภาษีที่ต้องชำระในแต่ละปี
    สร้างความมั่นคงทางการเงิน: ให้ความคุ้มครองและสร้างเงินออมในระยะยาว
    วางแผนเกษียณ: เป็นเครื่องมือสำหรับการออมเพื่ออนาคต
    สิทธิประโยชน์ทางภาษี: สามารถนำไปใช้เป็นค่าลดหย่อนภาษีตามกฎหมาย

วิธีเลือกประกันชีวิตที่เหมาะสมเพื่อการลดหย่อนภาษี

    เลือกแผนประกันที่คุ้มค่า: คำนวณเบี้ยประกันและความคุ้มครองว่าคุ้มค่ากับงบประมาณ
    ตรวจสอบเงื่อนไขการลดหย่อนภาษี: ต้องแน่ใจว่าสามารถนำเบี้ยประกันมาหักลดหย่อนภาษีได้
    เลือกบริษัทที่เชื่อถือได้: ควรเลือกบริษัทประกันที่มีความน่าเชื่อถือและมีประวัติด้านการบริการดี
    เปรียบเทียบโปรโมชั่นและสิทธิประโยชน์: คุ้มค่าที่สุดในเรื่องของเบี้ยประกันและผลประโยชน์

การทำประกันชีวิตไม่เพียงแต่ช่วยสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัวเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ดีในการวางแผนภาษีให้คุ้มค่า ด้วยเบี้ยประกันชีวิตที่สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 100,000 บาทต่อปี จึงเป็นทางเลือกที่คนทำงานและเจ้าของธุรกิจไม่ควรมองข้าม ประกันออนไลน์

32
เมื่อเทรนด์แฟชั่นกลายเป็นการแสดงออกของความเป็นตัวเองและความหลากหลาย ทุกชุดที่คุณสวมใส่สามารถบอกเล่าเรื่องราวและอารมณ์ได้อย่างชัดเจน
ปี 2025 เป็นปีที่แฟชั่นมีความหลากหลายมากขึ้น โดยเน้นทั้งความเป็นตัวเอง ความสบาย และความยั่งยืน นี่คือสไตล์ที่มาแรงในปีนี้ เลือก shopping หามาประดับกายได้เลย

1. Coquette & Romantic Feminine
สไตล์หวานละมุนที่มีกลิ่นอายวินเทจและโรแมนติก เดรสลูกไม้ แขนพอง ลายดอกไม้ เสื้อคอระบาย กระโปรงพลีท
โทนสีพาสเทล ขาว ครีม และชมพูบับเบิลกัม

2. Grunge Revival & Dark Aesthetic
กลิ่นอายยุค 90s ที่มีความเท่และดิบเล็กๆ เสื้อเชิ้ตลายสก็อต โค้ทหนัง กางเกงคาร์โก้ เสื้อยืดวงดนตรี สเวตเตอร์โอเวอร์ไซส์
โทนสีดำ เทาเข้ม น้ำตาล และสีไวน์แดง



3. Futuristic & Cybercore
ลุคที่ดูโมเดิร์นและล้ำยุค แบบ Y2K ผสม Techwear เสื้อผ้าเมทัลลิก สีเงิน-โครมสะท้อนแสง กางเกงทรงสปอร์ต แจ็คเก็ตเทคโนโลยี
โทนสีเงิน ดำ น้ำเงินไฟฟ้า และม่วงนีออน

4. Sustainable clothes Minimalism
สไตล์มินิมอลที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสวมใส่ได้นาน เสื้อผ้าทรงเรียบง่าย ผ้าฝ้าย ลินิน หรือเส้นใยรีไซเคิล โทนสีเอิร์ธโทน เช่น ขาว ครีม น้ำตาล เขียวมะกอก
เสื้อเบลเซอร์โอเวอร์ไซส์ กางเกงขาตรง และรองเท้าหนังมินิมอล

5. Dopamine Dressing & Bold Colors
เทรนด์ที่เน้นความสนุกและสีสันสดใส เสื้อผ้าสีสดใส เช่น ส้มแมนดาริน เหลืองเลมอน ฟ้าคราม เสื้อครอป กางเกงพาราชูต เดรสสีสันสดใส
เน้นความกล้าหาญในการมิกซ์สี

6. Sporty Chic & Athleisure
สไตล์สปอร์ตผสมความแคชชวล ใส่สบายและดูดี เสื้อครอป บรา สปอร์ตเลกกิ้ง แจ็คเก็ตบอมเบอร์ รองเท้าสนีกเกอร์
โทนสีดำ เทา ขาว หรือสีพาสเทลสไตล์สปอร์ต

ปี 2025 เป็นปีที่เต็มไปด้วยแฟชั่นหลากหลายแนว ไม่ว่าจะชอบลุคหวาน เท่ ล้ำอนาคต หรือมินิมอล ก็สามารถเลือกสไตล์ที่เป็นตัวเองได้ หากกำลังมองหาสถานที่ชอปปิ้ง clothing store ที่สามารถเติมเต็มทุกความต้องการด้านแฟชั่นและราคาสุดคุ้ม



33
เมื่อสุขภัณฑ์ส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้ไม่มีความสุขในการขับถ่าย บทความนี้จึงจะมาแนะนำ วิธีแก้ ชักโครกมีกลิ่นเหม็น วิธีดับกลิ่นชักโครกฉบับง่ายๆ ทำตามได้ที่บ้าน
เมื่อ ‘สุขา’ ไม่ใช่สถานที่แห่งความสุขอีกต่อไป เนื่องมาจากสาเหตุ ‘ห้องน้ำมีกลิ่นเหม็น’ เรียกได้ว่าเข้าห้องน้ำเมื่อไร ต้องกลั้นหายใจเมื่อนั้น แม้จะเป็นปัญหาที่ดูเล็กน้อย แต่ก็สร้างความรำคาญใจได้พอสมควร ถึงอย่างไรก็ตามปัญหาห้องน้ำมีกลิ่นเหม็นสามารถแก้ไขได้ และหนึ่งในวิธีที่ได้ผลที่สุดก็คือการลดกลิ่นเหม็นที่ชักโครก ซึ่งถือเป็นจุดที่ส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์มากที่สุด ติดตามวิธีดับกลิ่นชักโครกฉบับง่าย ที่ไม่ว่าใครก็สามารถทำตามที่บ้านได้



ทำไมชักโครกจึงมีกลิ่นเหม็นมากกว่าบริเวณอื่น?
    ปัญหาแรกของการเกิดกลิ่นเหม็นบริเวณชักโครก อาจเริ่มมาจากจุดที่หลายคนมองข้ามคือเรื่องของการติดตั้ง การติดตั้งที่ไม่ถูกวิธี ไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดกลิ่นย้อนในระหว่างการใช้งานได้ หรืออาจมีการรั่วซึมในจุดที่ยาแนวเสื่อมสภาพ ดังนั้นก่อนติดตั้งสุขภัณฑ์ภายในครัวเรือน จึงควรเลือกช่างฝีมือที่ไว้ใจได้ หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนทุกครั้ง เพื่อลดปัญหาตั้งแต่แรกเริ่ม
    ชักโครกเป็นจุดที่เปียกชื้นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งสภาพแวดล้อมเช่นนี้ทำให้แบคทีเรียและจุลินทรีย์ต่าง ๆ เติบโตได้ดีเป็นพิเศษ ดังนั้น หากไม่ได้ทำความสะอาดเป็นเวลานาน ก็ย่อมส่งกลิ่นเหม็นออกมา
    เนื่องจากแบคทีเรียและเชื้อโรค มักมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ทำให้อาจไม่รู้ว่าร่างกายของมนุษย์เรามีแบคทีเรียเกาะอยู่มากมายแค่ไหน และเมื่อเราไปสัมผัสกับชักโครกบ่อยครั้ง แบคทีเรียก็ย่อมเกาะติดกับชักโครกไปด้วย
    นอกจากแบคทีเรียจากร่างกายของเราแล้ว ของเสียที่เราขับถ่ายลงไปในชักโครกก็มีแบคทีเรียและจุลินทรีย์ปนเปื้อนอยู่มากเช่นกัน จึงทำให้เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการที่ชักโครกส่งกลิ่นเหม็นออกมา ฝารองนั่งชักโครก ผู้สูงอายุ

 
วิธีดับกลิ่นชักโครกด้วยการลดการสะสมของแบคทีเรีย
เมื่อได้ทราบแล้วว่าเจ้าแบคทีเรียตัวร้ายคือสาเหตุที่ทำให้ชักโครกมีกลิ่นเหม็น ดังนั้น วิธีกำจัดกลิ่นเหม็นในห้องน้ำที่ตรงจุดก็คือ การลดการสะสมของแบคทีเรียที่ชักโครก ซึ่งอาจฟังดูยาก แต่จริง ๆ แล้วเป็นวิธีดับกลิ่นชักโครกที่เรียบง่าย และทุกคนสามารถทำตามได้ด้วยตัวเองที่บ้าน ดังต่อไปนี้

* ทุกครั้งที่เลือกซื้อน้ำยาทำความสะอาดห้องน้ำและโถสุขภัณฑ์ ควรเลือกชนิดที่มีการรับรองประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย แต่ไม่ควรใช้น้ำยาที่แรงจนเกินไป หรือมีฤทธิ์ในการกัดกร่อนเซรามิก เพราะหากใช้น้ำยาที่แรงจนเกินไป อาจทำให้โถสุขภัณฑ์ของคุณเสื่อมสภาพเร็ว พื้นผิวเซรามิกสึกกร่อน เป็นเหตุให้สิ่งสกปรกเกาะติดบนโถชักโครกได้ง่ายยิ่งขึ้น

* อีกหนึ่งวิธีดับกลิ่นชักโครกแสนง่ายที่หลายคนอาจยังไม่รู้ก็คือ ทุกครั้งที่กดน้ำเพื่อชำระล้างของเสีย ควรปิดฝาชักโครกลงเพื่อลดการฟุ้งกระจายของแบคทีเรีย

* หากต้องการแก้ปัญหาลดกลิ่นเหม็นในห้องน้ำให้มีประสิทธิภาพ ในปัจจุบันมีชักโครกที่มีเทคโนโลยีช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียจำหน่ายในท้องตลาด ดังนั้น สำหรับคนที่กำลังวางแผนซื้อชักโครกใหม่ ก็ควรเลือกชักโครกที่มีคุณสมบัติดังกล่าว เพื่อช่วยลดปัญหากลิ่นสุขภัณฑ์ในอนาคต

* และเลือกโถสุขภัณฑ์อัจฉริยะหรือฝารองนั่งอัตโนมัติ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีช่วยลดเชื้อแบคทีเรีย แบบห้องน้ำ

34
ในยุคที่การวางแผนทางการเงินเป็นสิ่งสำคัญสำหรับอนาคตที่มั่นคง การเลือกใช้ ประกันเพื่อการออมเงิน โดยเฉพาะสะสมทรัพย์จึงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะนอกจากจะช่วยสร้างวินัยในการออมแล้ว ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณสามารถ ออมอย่างมีระบบ และ สร้างอนาคตอย่างมั่นคง ได้อย่างมั่นใจ

ทำความรู้จักกับประกันเพื่อการออมเงิน สะสมทรัพย์
ประกันสะสมทรัพย์เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ผสมผสานระหว่างความคุ้มครองชีวิตและการออมเงินในรูปแบบเดียวกัน โดยคุณจะชำระเบี้ยเป็นระยะเวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เมื่อครบกำหนดสัญญา คุณจะได้รับเงินคืนพร้อมผลตอบแทนที่แน่นอน ช่วยให้การวางแผนการเงินของคุณเป็นระบบและมีเป้าหมายชัดเจน



ข้อดีของการออมด้วยประกันสะสมทรัพย์
สร้างวินัยในการออม
การชำระเบี้ยเป็นประจำทุกงวดส่งเสริมให้คุณมีวินัยในการออมเงินอย่างต่อเนื่อง

ผลตอบแทนที่แน่นอน
เมื่อครบระยะเวลาสัญญา คุณจะได้รับเงินคืนพร้อมดอกเบี้ยตามอัตราที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ทำให้วางแผนอนาคตได้ง่ายขึ้น

ความคุ้มครองชีวิต
นอกจากการออมเงินแล้ว ยังได้รับความคุ้มครองในกรณีเสียชีวิต เพิ่มความมั่นใจให้กับครอบครัว

เป็นหลักประกันทางการเงินในอนาคต
เงินสะสมจากประกันสามารถนำไปใช้เป็นทุนสำรองฉุกเฉิน หรือนำไปต่อยอดทางการเงินในอนาคต

การออมอย่างมีระบบด้วยประกันสะสมทรัพย์
เพื่อให้การออมของคุณมีประสิทธิภาพสูงสุด ควรพิจารณาเลือกแผนประกันที่ตรงกับเป้าหมาย เช่น
- ระยะเวลาการออมที่เหมาะสมกับเป้าหมายระยะสั้นและระยะยาว
- ผลตอบแทนที่คุ้มค่าและสอดคล้องกับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
- เงื่อนไขการรับเงินคืนและความคุ้มครองชีวิตที่ชัดเจน

การวางแผนการออมอย่างมีระบบด้วยประกันสะสมทรัพย์ ช่วยให้คุณสามารถสร้างความมั่นคงทางการเงินได้ในระยะยาว และเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตที่ไม่แน่นอนซื้อประกันออนไลน์


35
โรคลำไส้แปรปรวน (IBS) เป็นภาวะทางระบบทางเดินอาหารที่พบได้บ่อยในผู้คนทั่วโลก โดยมีอาการที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก กับสาเหตุ อาการ วิธีการวินิจฉัย รวมถึงแนวทางการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี

โรค ลำไส้แปรปรวน (IBS) คืออะไร?
    โรค IBS เป็นภาวะเรื้อรังที่ส่งผลต่อการทำงานของลำไส้ โดยมักมีอาการเช่น ปวดท้อง ท้องอืด ท้องเสีย หรือท้องผูก โดยไม่มีความผิดปกติของโครงสร้างลำไส้ เป็นโรคที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน

สาเหตุของโรค IBS
    ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของลำไส้ ระบบประสาทในลำไส้ การอักเสบเล็กน้อย หรือความเครียด
    ปัจจัยเสี่ยง เช่น ความเครียด พันธุกรรม การรับประทานอาหารบางชนิด การติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร



อาการของโรค IBS
    ปวดท้องและแน่นท้องเป็นหลัก
    ท้องเสียหรือท้องผูกเป็นระยะๆ
    แน่นท้อง ท้องอืด
    อาการอาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล และอาจเกิดขึ้นเป็นระยะเวลานาน

วิธีวินิจฉัยโรค IBS
    การวินิจฉัยมักใช้การถามอาการและตรวจร่างกาย
    การตรวจพิเศษ เช่น การส่องกล้อง หรือการตรวจเลือด เพื่อแยกโรคอื่นที่มีอาการคล้ายคลึงกัน
    คำแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินอาหารเพื่อการวินิจฉัยที่แม่นยำ

แนวทางการดูแลรักษาและป้องกัน
    การปรับเปลี่ยนอาหาร เช่น หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นอาการ เช่น ของมัน ของหวาน แอลกอฮอล์ คาเฟอีน
    การจัดการความเครียดด้วยเทคนิคผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ โยคะ
    การใช้ยาตามคำสั่งแพทย์ เช่น ยาแก้ปวด ยาแก้ท้องเสีย หรือท้องผูก
    การออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อเสริมสร้างระบบย่อยอาหารและสุขภาพจิต
    การเฝ้าระวังอาการและบันทึกอาหารและอาการเพื่อปรับเปลี่ยนแนวทางการดูแลอย่างเหมาะสม

เนื่องจากอาการของโรคลำไส้แปรปรวนคล้ายคลึงกับอาการของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เพราะฉะนั้นควรรีบมาปรึกษาแพทย์ถ้ามีปัญหา ปวดท้อง ท้องอืดบ่อย มีปัญหาระบบในการขับถ่ายเปลี่ยนไป โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขั้นไป หรือมีประวัติมะเร็งลำไส้ในครอบครัว เพื่อให้แพทย์ซักประวัติ ตรวจร่างกาย และตรวจสืบกันให้แน่ชัดอีกครั้ง


36
มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ2 รองจากมะเร็งเต้านมในผู้หญิงไทย การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก เป็นขั้นตอนสำคัญในการค้นหาโรคในระยะเริ่มต้นเพื่อให้สามารถรักษาและควบคุมโรคได้ในเวลาที่เหมาะสม

ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก อายุเท่าไหร่ถึงควรเริ่ม
การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก คือการตรวจหาการเปลี่ยนแปลงของเซลล์เนื้อเยื่อบริเวณปากมดลูก ก่อนที่จะเกิดความผิดปกติหรือแสดงอาการ เพื่อหารอยโรคระยะก่อนเป็นมะเร็ง หรือมะเร็งในระยะเริ่มแรก ทำให้สามารถป้องกันและรักษามะเร็งระยะเริ่มแรกอย่างได้ผล

ทั้งนี้มะเร็งปากมดลูก สามารถแบ่งได้เป็น 2 ระยะ คือ
ระยะเริ่มต้น สามารถตรวจคัดกรองตรวจมะเร็งปากมดลูกได้ โดยที่คนไข้ยังไม่มีอาการ
ระยะท้าย หรือคนไข้เริ่มมีอาการแสดง เช่นมีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ มีอาการตกขาวเรื้อรัง หรือมีเลือดออกปนตกขาว อาการเหล่านี้เป็นอาการที่บ่งบอกว่าต้องรีบมาตรวจมะเร็งปากมดลูก เพราะถ้ามีอาการเหล่านี้แล้วปล่อยทิ้งไว้จนมีอาการปวดท้อง ถ่ายเป็นเลือด หรืออุจจาระเป็นเลือด จะเป็นลักษณะอาการที่เชื้อแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ ยากต่อการรักษาและอาจส่งผลให้เสียชีวิตได้ในที่สุด



โดยทั่วไปควรเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเมื่ออายุ 30 ปี แต่อาจเริ่มตรวจได้ตั้งแต่อายุ 25 ปี ตามความเหมาะสม และควรตรวจคัดกรองทุกทุก 1-2 ปี ในกรณีที่ตรวจด้วยวิธี Pap smear หรือ ThinPrep หากตรวจด้วยวิธีตรวจหาเชื่อ HPV DNA สามารถตรวจคัดกรองได้ทุก 3-5 ปี

ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก มีกี่แบบ
ปัจจุบันมีการตรวจคัดกรองตรวจมะเร็งปากมดลูกอยู่ 3 วิธี ได้แก่
1. ตรวจแปปเสมียร์ (Pap smear) เป็นวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก โดยสูตินรีแพทย์จะใช้เครื่องมือลักษณะคล้ายไม้พาย เก็บเนื้อเยื่อบริเวณปากมดลูกก่อนนำส่งตรวจในห้องปฏิบัติการ เพื่อตรวจหาเซลล์ที่ผิดปกติหรือเซลล์ที่มีการเปลี่ยนแปลงซึ่งอาจทำให้เกิดมะเร็งได้
2. การตรวจตินเพร็พ แป๊บเทสต์ (ThinPrep Pap Test) พัฒนามาจากการตรวจวิธีแปปเสมียร์ มีประสิทธิภาพและแม่นยำมากขึ้น โดยมีข้อมูลการศึกษาวิจัยจากสถาบันทั่วโลกพบว่าจากการตรวจหาเซลล์มะเร็งปากมดลูกโดยวิธี Thin prep จะให้ผลละเอียดกว่าการตรวจแบบเก่าวิธีแปปเสมียร์
3. การตรวจหาเชื้อไวรัส HPV ด้วยวิธีการตรวจ DNA ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกแบบเจาะลึกถึงระดับ DNA ด้วย Thin Prep Plus Cervista HPV DNA Testing เป็นการตรวจหาเซลล์มะเร็งปากมดลูกร่วมกับตรวจดีเอ็นเอของเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่ความสัมพันธ์กับการเป็นมะเร็งปากมดลูก ซึ่งสามารถตรวจพบความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ดีกว่าการตรวจ Pap smear อย่างเดียว เพราะสามารถเจาะลึกว่ามีการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูงเป็นมะเร็งหรือไม่ ซึ่งจะช่วยบอกความเสี่ยงต่อการมีรอยโรคแอบแฝงได้เป็นอย่างดี

วิธีเตรียมตัวก่อนตรวจภายใน
1. สามารถตรวจภายในได้ทุกช่วงเวลา ยกเว้นช่วงที่มีประจำเดือน ควรงดตรวจในช่วงนั้น และรอหลังประจำเดือนหมดไปแล้วประมาณ 5 วัน หากมีอาการเลือดออกผิดปกติ สามารถมาตรวจได้ทันทีโดยไม่ต้องรอ
2. หากมีตกขาวผิดปกติ ไม่ควรสอดยา ก่อนมาตรวจ เพราะยาอาจค้างในช่องคลอด และส่งผลให้ตรวจไม่ได้อย่างถูกต้อง
3. ทานอาหารและน้ำได้ตามปกติ ไม่ต้องงดก่อนตรวจ เพราะไม่มีผลกระทบต่อการตรวจภายใน
4. ควรปัสสาวะออกให้หมดก่อนตรวจ เพื่อให้แพทย์สามารถตรวจขนาดของมดลูกและปีกมดลูกได้ชัดเจนขึ้น
5. งดมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมงก่อนตรวจ เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อผลการตรวจ

การตรวจภายในเป็นประจำทุกปีจึงเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้เราดูแลสุขภาพภายในได้อย่างใกล้ชิด และเมื่อพบความผิดปกติใดๆ ตั้งแต่เนิ่นๆ ก็จะช่วยให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เพิ่มโอกาสหายขาดและมีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืนตรวจสุขภาพประจำปี ราคา


37
การวางแผนเกษียณเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณมีชีวิตหลังเกษียณที่มั่นคงและสุขภาพดี เทคนิคและคำแนะนำในการวางแผนเกษียณ เพื่อให้สามารถเตรียมตัวและสร้างอนาคตที่มั่นคงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    1. เริ่มวางแผนแต่เนิ่นๆ
    ตั้งเป้าหมายทางการเงินและชีวิตในวัยเกษียณ
    เริ่มออมเงินเพื่ออนาคตตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้มีเงินออมเพียงพอ

    2. ประเมินความต้องการทางการเงินในวัยเกษียณ
    คำนวณค่าใช้จ่ายรายเดือนและรายปี
    คิดคำนวณเงินออมที่ต้องการเพื่อครอบคลุมค่าใช้จ่ายเหล่านั้น

    3. วางแผนการออมและการลงทุน
    เลือกแผนการออมที่เหมาะสม เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนรวม, หุ้น
    กระจายการลงทุนเพื่อความเสี่ยงที่ต่ำลง



    4. ศึกษาและวางแผนด้านสุขภาพ
    จัดทำประกันสุขภาพและวางแผนการดูแลสุขภาพในอนาคตประกันชีวิตผู้สูงอายุ 80 ปีขึ้นไป
    ออกกำลังกายและรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ

    5. พัฒนาทักษะและความสามารถใหม่
    ฝึกฝนทักษะเพื่อสร้างรายได้เสริมในวัยเกษียณ
    วางแผนการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์

    6. การวางแผนด้านที่อยู่อาศัย
    คิดคำนวณค่าใช้จ่ายด้านที่อยู่อาศัยในวัยเกษียณ
    พิจารณาย้ายไปยังที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมหรือปรับปรุงบ้านให้เหมาะสมกับวัย

    7. การวางแผนทางด้านภาษีและมรดก
    เข้าใจสิทธิประโยชน์ทางภาษีและวางแผนบริหารทรัพย์สิน
    จัดทำพินัยกรรมและวางแผนส่งต่อทรัพย์สิน

การวางแผนเกษียณเป็นกระบวนการที่ต้องเริ่มต้นตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้มีชีวิตหลังเกษียณที่สุขสบายและไร้กังวล ควรจัดทำแผนอย่างเป็นระบบและปรับปรุงตามความเปลี่ยนแปลงของชีวิตและเศรษฐกิจ เพื่อความมั่นคงในอนาคต


38
เมื่อพูดถึงเสื้อผ้าแฟชั่นในปีนี้ ต้องไม่พลาดกับโทนสีแห่งปี 2025 สี Mocha Mousse เป็นหนึ่งในสีที่มีอิทธิพลมากที่สุดในวงการแฟชั่น! ด้วยโทนสีน้ำตาลอุ่นๆ ที่เต็มไปด้วยความคลาสสิกและนุ่มนวล สีนี้ไม่ได้เพียงแค่ให้ความรู้สึกอบอุ่น แต่ยังสามารถนำมามิกซ์แอนด์แมทช์กับสีอื่นๆ ได้อย่างลงตัว และยังสามารถเปลี่ยนลุคของคุณให้ดูเก๋และมีสไตล์มากยิ่งขึ้นได้อีกด้วย
 
คู่สีที่ลงตัวกับ Mocha Mousse โทนสี Mocha Mousse เป็นสีที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถจับคู่ได้หลากหลายสไตล์และอารมณ์ ตามความต้องการของแต่ละคน ด้วยความอุ่นที่มีอยู่ในสีนี้ เราสามารถจับคู่กับหลายๆ สีได้อย่างลงตัว ลองมาดูกันว่าแต่ละสีที่จับคู่กับ Mocha Mousse จะเพิ่มความโดดเด่นให้กับลุคของคุณได้อย่างไร



สีฟ้า: สดใส ชิคแบบมีชีวิตชีวา
การจับคู่ Mocha Mousse กับสีฟ้าคือการผสมผสานระหว่างความอบอุ่นและความสดใสที่มีชีวิตชีวา สีฟ้าอ่อนหรือฟ้าครามสามารถช่วยทำให้ลุคของคุณดูสนุกสนานและมีความสดใสขึ้นในทันที ลุคนี้เหมาะมากกับการใส่ในวันทำงานที่ต้องการความสดชื่น หรือในวันหยุดที่อยากให้ลุคดูสบายๆ และชิคไปพร้อมกัน clothing store

สีแดงสด: โดดเด่น มั่นใจ มีพลัง
ถ้าคุณต้องการลุคที่โดดเด่นและมั่นใจ การจับคู่ Mocha Mousse กับสีแดงสดจะทำให้ทุกสายตาหันมามองคุณทันที ความเผ็ดร้อนของสีแดงสดจะช่วยเพิ่มพลังและความมีเสน่ห์ให้กับโทนสี Mocha Mousse อย่างลงตัว เรียกได้ว่าเป็นการสร้างลุคที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและพลังงานบวกอย่างไม่ต้องสงสัย

สียีนส์เดนิม: คลาสสิก เท่ ใส่ได้ทุกวัน
ถ้าพูดถึงสีที่เป็นอมตะในวงการแฟชั่น คงต้องยกให้กับ สียีนส์เดนิม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสีที่เข้ากันได้ดีมากกับ Mocha Mousse ทั้งนี้ การจับคู่สีนี้ให้ความรู้สึกถึงความเท่และคลาสสิกสุดๆ ลุคนี้เหมาะสำหรับการแต่งตัวในทุกๆ วัน ตั้งแต่วันทำงานไปจนถึงการออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ สีเดนิมจะช่วยเพิ่มความเป็นธรรมชาติให้กับโทนสี Mocha Mousse ที่อบอุ่นได้อย่างดี

สีครีม: เรียบหรู อบอุ่น นุ่มนวล
ถ้าคุณชื่นชอบความเรียบหรูและอบอุ่น สีครีม คือตัวเลือกที่ดีเยี่ยมในการจับคู่กับ Mocha Mousse สีครีมช่วยเสริมให้ลุคดูนุ่มนวลและสบายตา พร้อมทั้งสร้างความรู้สึกที่อบอุ่นและหรูหราไปพร้อมๆ กัน ลุคนี้เหมาะมากสำหรับการแต่งตัวในวันพิเศษหรือวันทำงานที่อยากได้ความดูดีแต่ไม่ดูเว่อร์จนเกินไป

สีเทา: สุขุม มีเสน่ห์ ดูผู้ใหญ่
การจับคู่ Mocha Mousse กับ สีเทา จะสร้างลุคที่ดูมีเสน่ห์และสุขุมเหมาะสำหรับคนที่อยากให้ลุคดูเป็นทางการและน่าเชื่อถือ สีเทาจะช่วยเพิ่มความสมดุลให้กับสี Mocha Mousse ที่ดูอบอุ่น ให้อารมณ์ที่ผู้ใหญ่มากขึ้น จึงเหมาะมากกับการแต่งตัวในโอกาสที่ต้องการให้ดูเป็นผู้ใหญ่ และไม่อยากให้ลุคดูเยอะเกินไป

การจับคู่สี Mocha Mousse กับสีอื่นๆ ไม่เพียงแต่เพิ่มความเก๋ให้กับลุคของคุณ แต่ยังช่วยเสริมความเป็นตัวของตัวเองในสไตล์ต่างๆ ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นความสดใสจากสีฟ้า ความมั่นใจจากสีแดง หรือความเท่จากสียีนส์เดนิม Mocha Mousse คือสีแห่งปีที่สามารถเติมเต็มทุกลุคให้ดูมีเสน่ห์และไม่ซ้ำใครได้อย่างง่ายดาย และไม่ว่าคุณจะเลือกคู่สีไหน ก็สามารถสร้างลุคที่โดดเด่นและมีสไตล์ได้อย่างแน่นอน!
หากคุณกำลังมองหาสถานที่ชอปปิงร้านเสื้อผ้าที่สามารถเติมเต็มทุกความต้องการด้านแฟชั่นและราคาสุดคุ้ม แพลทินัมแฟชั่น มอลล์ มาที่นี่เพื่อช้อปสินค้าดีๆ และมีสไตล์ในราคาที่คุณพอใจ แล้วจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

39
การอาบน้ำเป็นกิจวัตรประจำวันที่สำคัญสำหรับคนส่วนใหญ่ และหัวฝักบัวอาบน้ำที่เลือกใช้อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการอาบน้ำของคุณ รวมถึงการใช้น้ำด้วย ผลกระทบจากการใช้น้ำเกินความจำเป็นไม่ได้มีแค่ผลกระทบกับค่าใช้จ่าย แต่ยังส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมในวงกว้างอีกด้วย ในขณะที่ค่าน้ำของเราเพิ่มสูงขึ้น แต่ปริมาณน้ำบนโลกก็ลดลงอย่างน่ากังวล  นี่คือเหตุผลที่การเลือกอุปกรณ์ในบ้านของเราอย่างมีข้อมูลและรอบคอบเป็นสิ่งสำคัญ เราจะสำรวจวิธีการเลือกหัวฝักบัวที่ประหยัดน้ำและเหมาะสมสำหรับห้องน้ำ



อย่างที่อาจทราบแล้ว ไม่ใช่หัวฝักบัวทุกชนิดที่จะช่วยประหยัดน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น ฝักบัวอาบน้ํารุ่นใหม่หลายรุ่นถูกออกแบบให้มีคุณสมบัติประหยัดน้ำ เช่น ตัวเติมอากาศ (aerator) และตัวจำกัดการไหล (flow restrictor) เพื่อจำกัดการใช้น้ำโดยไม่ลดทอนคุณภาพของการอาบน้ำ เป็นแนวทางเบื้องต้นในการเลือกหัวฝักบัวใหม่ ควรมองหาหัวฝักบัวที่มีระดับคะแนน WELS (Water Efficiency Labelling Scheme) ซึ่งบ่งบอกความสามารถในการประหยัดน้ำของหัวฝักบัว ยิ่งคะแนน WELS สูงเท่าไหร่ หัวฝักบัวก็ยิ่งมีประสิทธิภาพในการใช้น้ำน้อยลงเท่านั้น มีหัวฝักบัวที่ล้ำสมัยหลากหลายแบบ ตั้งแต่หัวฝักบัวแบบมือจนถึงหัวฝักบัวแบบฝน ซึ่งมาพร้อมกับเทคโนโลยีประหยัดน้ำที่กล่าวมาแล้ว

ในทางตรงกันข้ามกับความเข้าใจผิดทั่วไป ขนาดของหัวฝักบัวไม่ได้สัมพันธ์กับการไหลของน้ำเสมอไป การไหลของน้ำขึ้นอยู่กับการออกแบบและชิ้นส่วนภายในของหัวฝักบัว หัวฝักบัวขนาดใหญ่ไม่ได้หมายความว่าจะใช้น้ำมากขึ้นเสมอไป ในทางตรงกันข้าม หัวฝักบัวขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาอย่างดีอาจสามารถกระจายและใช้น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยลดการใช้น้ำโดยรวมได้

เป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลนักที่จะสมมติว่าหัวฝักบัวแรงดันสูงจะใช้น้ำมากขึ้น แต่ในความเป็นจริง หัวฝักบัวอาบน้ําแบบนี้ได้รับการออกแบบให้สร้างน้ำที่แรง และทรงพลังโดยไม่เพิ่มการใช้น้ำในปริมาณมาก เทคโนโลยีนี้ใช้การผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีเสริมแรงดันและคุณสมบัติประหยัดน้ำ เพื่อให้ทั้งครอบครัวได้สัมผัสการอาบน้ำที่สดชื่น และเต็มอิ่มได้อย่างมีความสุข
[/size]

40
โรคผิวหนังเด็ก ลูกมีผื่นคันขึ้นตามตัว แต่ไม่มีไข้ โรคผิวหนังอักเสบ เป็นโรคที่พบบ่อยในเด็ก ลูกมีผื่นคันขึ้นตามตัว แต่ไม่มีไข้ มักจะเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรังอยู่นาน เป็นได้ตั้งแต่เด็กอายุ 3 เดือนขึ้นไป จนถึงช่วงวัยรุ่น หรือในผู้ใหญ่
ลักษณะของผื่นแพ้



ในเด็กเล็ก (1 ปีแรก) ลูกมีผื่นคันขึ้นตามตัว แต่ไม่มีไข้จะมีผื่นแดงที่หน้า,คอ,แขน+ขา บริเวณศอก+เข่า เด็กจะมีอาการคันมากขึ้นอาจจะมีสะเก็ดหรือน้ำเหลืองไหลเยิ้มที่ผื่นได้
ในเด็กโตหรือผู้ใหญ่ จะเป็นผื่นแดงที่คอ ข้อพับแขน+ขา หรือลำตัว ถ้าเกามากก็จะเป็นปื้นหนาได้ในบางรายอาจอาจพบร่วมกับผิวหนังอื่น ๆ ได้ เช่น กลากน้ำนม สาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัด แต่อาจเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม เช่น มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคภูมิแพ้ หอบหืด แพ้อากาศหรือผิวหนังอักเสบภูมิแพ้
ปัจจัยหรือตัวกระตุ้นที่ทำให้โรคเป็นมากขึ้น

    *สารระคายเคืองต่าง ๆ เช่น ขนสัตว์ ละอองเกสรดอกไม้ ไรฝุ่น น้ำยาปรับผ้านุ่ม คลอรีนในสระว่ายน้ำ สบู่หอม ครีมบำรุงผิวหรือโลชั่นต่าง ๆ
    *ภาวะติดเชื้อ จากแบคทีเรียหรือเชื้อรา เช่น การเกามากจนเป็นแผล ตุ่มหนองหรือมีผื่นแดงเป็นวงขอบยกนูน และคันมากจากเชื้อรา
    *อากาศร้อน หรือการออกกำลังกายที่ทำให้เหงื่อออกมาก และอากาศหนาวเย็นทำให้ผิวหนังแหงมากขึ้น
    *ความเครียด วิตกกังวล การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในชีวิต เช่น ในเด็กที่ย้ายโรงเรียนใหม่หรือช่วงใกล้สอบ
    *อาหารบางชนิด ที่มักแพ้ได้บ่อยในเด็กเล็ก ๆ เช่น นมวัว ไข่ขาว ถั่ว อาหารทะเล

การรักษา
    หลีกเลี่ยงปัจจัย หรือตัวกระตุ้นต่าง ๆ ข้างต้น
    การใช้ยาทากลุ่ม Steroid อย่างอ่อน แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยาเพราะต้องมีการปรับยาเป็นระยะ ๆ ตามอาการของโรค
    การให้ยารับประทานพวก Antihistamine เพื่อลดอาการคัน
    ในกรณีที่มีภาวะติดเชื้อแทรกซ้อน เช่น ลูกมีผื่นคันขึ้นตามตัว แต่ไม่มีไข้ มีตุ่มหนอง เป็นแผลหรือผื่นแดงมากขึ้น ควรปรึกษาหมอเด็ก

41
หากต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมหมอกระดูกและข้อ เพื่อดูแลรักษาอาการบาดเจ็บ ข้อเสื่อม หรือปัญหาเกี่ยวกับกระดูกและข้อ ศัลยแพทย์กระดูกและข้อเป็นคำตอบที่ควรพิจารณา
ด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการรักษาโรคเกี่ยวกับกระดูกและข้อ ศัลยแพทย์เหล่านี้สามารถช่วยให้คุณกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติและมีความสุขอีกครั้ง



ศัลยแพทย์กระดูกและข้อคือใคร?
ศัลยแพทย์กระดูกและข้อเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการวินิจฉัยและการรักษาโรคและอาการบาดเจ็บของกระดูก ข้อ กระดูกสันหลัง และเนื้อเยื่อรอบข้าง โดยใช้เทคนิคการผ่าตัด การฉีดรักษา
การฟื้นฟูสมรรถภาพ และการดูแลหลังผ่าตัด เพื่อให้ผู้ป่วยฟื้นฟูสมรรถภาพได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย
บริการของศัลยแพทย์กระดูกและข้อ

    การรักษาโรคข้อเสื่อมและโรคข้ออักเสบ
    การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าและข้อสะโพก
    การซ่อมแซมกระดูกหักและอุบัติเหตุ
    การรักษาอาการเจ็บปวดจากหมอนรองกระดูกเคลื่อน
    การดูแลฟื้นฟูสมรรถภาพหลังผ่าตัด
    การตรวจวินิจฉัยและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหากระดูกและข้อ

เหตุผลที่ควรเลือกศัลยแพทย์กระดูกและข้อมืออาชีพ
    หมอศัลยกรรมที่มีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญสูง
    เทคโนโลยีทันสมัยในการวินิจฉัยและรักษา
    คำแนะนำและการดูแลหลังผ่าตัดที่ดีเยี่ยม
    การรักษาที่เน้นความปลอดภัยและผลลัพธ์ระยะยาว

คำแนะนำก่อนเข้ารับการรักษา
    นัดหมายพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและวางแผนการรักษา
    แจ้งประวัติการเจ็บป่วยและข้อมูลทางการแพทย์ให้ครบถ้วน
    ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

42
เครื่อง Ulthera อัลเทอร์ร่า ควรเริ่มทำเมื่อเริ่มมีสัญญาณของ ผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอย หรือคอลลาเจนเริ่มลดลง ซึ่งโดยเฉลี่ยมักอยู่ที่ช่วงอายุประมาณ 30 ปีขึ้นไป เพราะเป็นช่วงที่คอลลาเจนเริ่มเสื่อมถอยอย่างชัดเจนโครงสร้างผิวเริ่มบางลง กรอบหน้าเริ่มไม่ชัด แก้มเริ่มตก แต่ก็สามารถเริ่มได้ตั้งแต่อายุ 24-25 ปี หากมีปัจจัยอื่นๆ เช่น หน้าเริ่มหย่อนเร็วจากพันธุกรรม ลดน้ำหนักไวทำให้หน้าตอบลง แก้มห้อย เจอแสงแดด มีความเครียด หรือพักผ่อนไม่พอเป็นประจำทำให้เกิดความเสื่อมของคอลลาเจนใต้ผิว ใช้หน้าทำงานเยอะ (เช่น พูดบ่อย แสดงสีหน้ามาก)



ข้อดีของการทำ Ulthera อัลเทอร์ร่า ตั้งแต่อายุยังไม่มาก (ประมาณ 25-35 ปี)
1. กระตุ้นคอลลาเจนได้ทันก่อนผิวเสื่อม พลังงานลงลึกถึงชั้น SMAS กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ผลคือ ผิวยังแข็งแรง ยืดหยุ่นดี ดูเฟิร์มต่อเนื่องในระยะยาว

2. รักษากรอบหน้าและโครงสร้างหน้าไว้ได้นานขึ้น เมื่อยังไม่มีแก้มตกมาก การยิง Ulthera จะช่วย “ล็อกหน้า” ให้อยู่ทรง หน้าจะดูสดใส ไม่โทรมเร็ว ไม่ต้องใช้หัตการอื่นเสริมเยอะ

3. ให้ผลลัพธ์ที่ดู "ธรรมชาติ" กว่า ยิ่งผิวเสื่อมน้อย การยิงจะเห็นผลเร็วและละมุน ไม่เปลี่ยนหน้าชัดแบบฮวบฮาบ ไม่ต้องใช้พลังงานแรงมาก ยิงแล้วสบายกว่า ไม่เจ็บมาก

4. ค่าใช้จ่ายระยะยาวอาจถูกกว่าเพราะไม่ต้องใช้หลายเทคโนโลยีมาผสม หรือทำซ้ำถี่ ๆ แบบคนที่ผิวเสื่อมแล้ว ปีละครั้งก็เอาอยู่ ไม่ต้องฟื้นฟูเยอะ เมื่อเปรียบเทียบกับการเริ่มทำตอนอายุมาก (40–50 ปีขึ้นไป)

สรุปสั้น ๆ ว่า ยิ่งเริ่มดูแลเร็ว ผิวยิ่งอยู่กับเราได้นานแบบไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม เหมือนเรา "วางระบบกันทรุด"  ให้กับผิวตั้งแต่ยังดีอยู่ การเริ่มใช้ ulthera ยกกระชับหน้าตั้งแต่อายุน้อยก็เหมือนเป็นการลงทุนเก็งกำไรให้ผิวในระยะยาวนั่นเอง

43
Seasonal Marketingคือกลยุทธ์การตลาดที่ปรับแคมเปญและกิจกรรมทางการตลาดให้ตรงกับฤดูกาลหรือเหตุการณ์สำคัญในแต่ละปี เช่น เทศกาลต่างๆ หรือช่วงฤดู เพื่อดึงดูดความสนใจและตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในเวลานั้นๆ

ทำไมต้องใช้ Seasonal Marketing
- เพิ่มยอดขายในช่วงเวลาที่ต้องการ
- สร้างการรับรู้และความจดจำให้กับแบรนด์
- สร้างความสัมพันธ์ที่ดีและเพิ่มความภักดีจากลูกค้า
- ช่วยให้แบรนด์แตกต่างจากคู่แข่ง



ตัวอย่างการทำ Seasonal Marketing
- เทศกาลตรุษจีน: ร้านอาหารจีนโปรโมตอาหารมงคล
- เทศกาลวาเลนไทน์: ร้านดอกไม้เน้นขายช่อดอกไม้และของขวัญสำหรับคู่รัก
- ช่วงฤดูร้อน: ร้านเสื้อผ้าขายชุดว่ายน้ำและเสื้อผ้าลายดอก
- เทศกาลคริสต์มาส: ร้านค้าต่างๆ จัดโปรโมชั่นลดราคาและตกแต่งร้านตามธีม

เคล็ดลับในการทำ Seasonal Marketing ที่สำเร็จ
- ศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคในแต่ละช่วงเวลา
- วางแผนล่วงหน้าและสร้างเนื้อหาที่ตรงใจ
- เลือกช่องทางการตลาดที่เหมาะสม
- จัดโปรโมชั่นที่ดึงดูดลูกค้า
- ติดตามผลและปรับแผนเพื่อพัฒนาแคมเปญ

Seasonal Marketing เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการกระตุ้นยอดขายและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าให้แข็งแกร่ง โดยสามารถช่วยให้ธุรกิจเติบโตและโดดเด่นในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ รับข้อมูลข่าวสารการทำธุรกิจ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : bsgroupth
[/size]

44
โถปัสสาวะชายเป็นสุขภัณฑ์ที่พบเห็นได้ในห้องน้ำสาธารณะ และมักมีขนาดใหญ่ ทำให้ไม่ค่อยนิยมใช้ภายในบ้านมากนัก แต่ปัจจุบันโถปัสสาวะชายถูกออกแบบให้มีขนาดเล็กกะทัดรัดมากขึ้น หลายครอบครัวจึงเลือกติดตั้งโถปัสสาวะชายไว้ที่บ้านเพื่อความสะดวกสบายด้วยเช่นกัน

ประเภทของโถปัสสาวะชาย
1. โถปัสสาวะชายแบบแขวนผนัง
เป็นโถปัสสาวะที่เหมาะกับห้องน้ำที่มีพื้นที่จำกัด เพราะมีขนาดกะทัดรัดและติดตั้งได้ง่าย โดยใช้ตะขอยึดผนังเพื่อแขวนติดตั้ง และแบบพุกยึดผนังกับโถปัสสาวะ
2. โถปัสสาวะชายแบบตั้งพื้น
เป็นโถปัสสาวะที่สามารถติดตั้งโดยใช้วิธียึดตัวโถเข้ากับพื้นส่วนใหญ่ นิยมใช้โถปัสสาวะที่มีท่อน้ำทิ้งแบบเข้าผนัง เพราะติดตั้งได้ง่ายและสะดวก




จุดเด่นของโถปัสสาวะชาย ช่วยแบ่งพื้นที่ให้เป็นสัดส่วน
โถปัสสาวะชายช่วยให้พื้นที่ห้องน้ำแบ่งเป็นสัดส่วนได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการตกแต่งแบบแยกส่วนเปียก และส่วนแห้งทำความสะอาดง่าย

โถปัสสาวะชายช่วยให้การทำความสะอาดง่ายขึ้นเพราะไม่ต้องกังวลเรื่องคราบที่อาจเกิดขึ้นบนโถสุขภัณฑ์หรือน้ำกระเซ็นเปื้อนพื้น นอกจากนี้ตัวโถปัสสาวะยังมีการเคลือบสาร CEFIONTECT ซึ่งทำให้สุขภัณฑ์เรียบลื่นขจัดสิ่งสกปรกได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น เมื่อรวมกับฟลัชวาล์วระบบเซ็นเซอร์ในตัวที่มาพร้อมระบบชำระล้างอัตโนมัติ ช่วยให้คุณไม่ต้องสัมผัสปุ่มกดหรือก้านกดชำระหลังจากใช้งาน ช่วยลดโอกาสเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อโรค รวมถึงหมดกังวลกับปัญหาเรื่องการลืมกดชำระไปได้เลย
ประหยัดน้ำ

โถปัสสาวะชายนั้นใช้น้ำน้อยกว่าการชำระล้างของโถสุขภัณฑ์ทั่วไปจึงได้เพิ่มเทคโนโลยี EWATER+ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทำให้น้ำผ่านกระบวนการอิเล็กโตรไลซ์ มีคุณสมบัติช่วยลดการเกิดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งทำให้ชำระล้างโถปัสสาวะได้สะอาดหมดจด

5 เทคนิคในการเลือกซื้อโถปัสสาวะชาย

1. พื้นที่สำหรับติดตั้งโถปัสสาวะชาย
ควรเลือกโถปัสสาวะชายให้เหมาะกับขนาดห้องน้ำ โดยโถปัสสาวะแบบตั้งพื้นเหมาะสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป และได้ทุกวัย ตัวโถจึงมักมีขนาดใหญ่กว่าแบบแขวนผนังที่เหมาะสำหรับห้องน้ำที่มีพื้นที่จำกัด แต่อย่างไรก็ตามในปัจจุบันโถปัสสาวะชายแบบตั้งพื้นก็ได้รับการพัฒนาและออกแบบให้มีขนาดเล็กลง เหมาะสำหรับติดตั้งในบ้านมากยิ่งขึ้น

2. ระบบชำระล้าง
ควรเลือกใช้โถปัสสาวะชายที่มีระบบชำระล้างหมดจดโดยไม่ทิ้งกลิ่นไม่พึงประสงค์ และควรเลือกแบบที่ใช้น้ำน้อยกว่าโถสุขภัณฑ์ทั่วไป ที่จะช่วยประหยัดน้ำ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

3. ดีไซน์ของโถปัสสาวะชาย
เลือกดีไซน์ที่เข้ากับสไตล์ของห้องน้ำของคุณ เช่น ดีไซน์โมเดิร์น เรียบง่าย

4. ฟังก์ชั่นเสริม
สุขภัณฑ์ห้องน้ํา นอกจากระบบชำระล้างและระบบประหยัดน้ำแล้ว การเลือกโถปัสสาวะชายก็ควรดูที่ฟังก์ชั่นอื่น ๆ ด้วย เช่น ระบบเซ็นเซอร์ที่ช่วยชำระล้างอัตโนมัติ ระบบประหยัดไฟ ไปจนถึงระบบที่ช่วยสร้างน้ำบริสุทธิ์ภายในตัวโถ ช่วยให้โถปัสสาวะสะอาดมากยิ่งขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งสารเคมี

5. การทำความสะอาด
สุดท้าย คือ การทำความสะอาด ควรเลือกใช้โถปัสสาวะชายที่สามารถทำความสะอาดได้ง่าย มีพื้นผิวเรียบลื่นเป็นพิเศษ ช่วยให้คราบสกปรกและเชื้อโรคที่มองไม่เห็นเกาะติดได้ยาก อีกทั้งยังลดปริมาณการใช้สารเคมีสำหรับทำความสะอาดได้อีกด้วย

45
สุขภาพ / RSV ไวรัสร้ายในหน้าฝนของเด็กเล็ก
« เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2025, 11:25:54 am »
อาการ rsv ในเด็กอาการคล้ายไข้หวัด ผู้ป่วยมีไข้ ไอ จาม น้ำมูกไหล อาจส่งผลให้ทางเดินหายใจส่วนล่างมีการอักเสบ ทำให้เกิดโรคหลอดลมอักเสบ โรคปอดบวม หรือปอดอักเสบ ในรายที่อาการรุนแรง อาจมีไข้สูง ไอแรง หายใจมีเสียงครืดคราด หอบเหนื่อย หากผู้ป่วยมีไข้สูงมากกว่า 39 องศาเซลเซียส ไอจนอาเจียน หายใจเร็ว หอบจนชายโครงหรืออกบุ๋ม หายใจแล้วมีเสียงวี้ด รับประทานอาหารหรือนมได้น้อย ต้องพึงระวัง เพราะผู้ป่วยที่มีอาการหนักอาจเสียชีวิตเนื่องจากระบบทางเดินหายใจล้มเหลวได้

RSV สามารถติดต่อจากผู้ใหญ่สู่เด็กได้ง่าย
โดยเฉพาะเมื่อผู้ใหญ่ที่เป็นพาหะพบเห็นเด็กแล้วเอามือไปจับแก้ม หอมแก้มเด็ก โดยไม่ได้ทำความสะอาดร่างกายให้ดีเสียก่อน ก็อาจทำให้เด็กได้รับเชื่ออย่างไม่ทันรู้ตัว

RSV สามารถป้องกันการติดเชื้อ
โดยการหมั่นล้างมือของตัวเองและของเด็ก ๆ เพราะการล้างมือจะทำให้เชื้อที่ติดมากับมือลดน้อยลง รับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ถูกสุขลักษณะ ออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ บ้านใดที่มี อาการ rsv ในเด็ก แนะนำให้แยกเด็กป่วยออกจากเด็กปกติและให้เด็กป่วยหยุดเรียนเพื่อลดการนำเชื้อไปแพร่สู่เพื่อนที่โรงเรียน



อาการ RSV ในเด็ก สาเหตุ และวิธีป้องกันอย่างได้ผล
เชื้อไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus) เป็นสาเหตุหลักของโรคระบบทางเดินหายใจในเด็กเล็ก โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวและปลายฝน ถึงแม้จะเป็นโรคที่พบบ่อย แต่ก็สามารถป้องกันและดูแลได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากรู้จักอาการ สาเหตุ และวิธีป้องกันอย่างถูกวิธี
อาการ RSV ในเด็ก มีอะไรบ้าง

อาการของโรค RSV ในเด็กอาจแตกต่างกันไปตามแต่ละราย แต่โดยทั่วไปมักมีอาการดังนี้
    - ไอเรื้อรังและมีเสมหะมาก
    - มีไข้ต่ำถึงปานกลาง
    - หายใจลำบาก หอบเหนื่อย หายใจเร็ว
    - จมูกอักเสบ คัดจมูก
    - มีเสียงหวีดหรือเสียงวี้ดขณะหายใจ (Wheezing)
    - เบื่ออาหาร หงุดหงิด งอแง
    - ในกรณีรุนแรง อาจเกิดภาวะหายใจลำบากหรือปอดอักเสบ

สาเหตุของ RSV ในเด็ก
เชื้อไวรัส RSV ติดต่อได้ง่ายและเป็นสาเหตุหลักของโรคทางเดินหายใจในเด็กเล็ก โดยสาเหตุหลักได้แก่
    - การสัมผัสกับสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจของผู้ป่วย RSV เช่น น้ำมูก เสมหะ ไอจาม
    - การใช้ของใช้ร่วมกัน เช่น ผ้าห่ม ของเล่นมือหยิบจับบ่อย ๆ
    - การอยู่ในสถานที่แออัด เช่น โรงเรียน คลินิก สถานรับเลี้ยงเด็ก
    - การไม่ล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสเด็กเล็ก

วิธีป้องกัน RSV ในเด็กอย่างได้ผล
เพื่อป้องกันการติดเชื้อ RSV และลดความเสี่ยงในการเกิดโรครุนแรง ควรปฏิบัติตามแนวทางดังนี้
    1. ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และน้ำสะอาด
    2. หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไอ จาม
    3. ทำความสะอาดของใช้ ของเล่น ของใช้ส่วนตัวของเด็กเป็นประจำ
    4. ระมัดระวังในสถานที่แออัด ควรเว้นระยะห่างจากผู้ป่วย
    5. สวมหน้ากากอนามัยให้กับผู้ดูแลเด็กและผู้ป่วย
    6. ให้เด็กพักผ่อนเพียงพอ และเสริมภูมิคุ้มกันด้วยอาหารที่มีประโยชน์
    7. สำหรับเด็กที่มีความเสี่ยงสูง เช่น น้ำหนักน้อย คลอดก่อนกำหนด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับวัคซีนป้องกัน RSV (ถ้ามี)

เมื่อเด็กมีอาการควรรีบพบแพทย์ทันที
หากเด็กมีอาการไอเรื้อรัง หายใจเร็ว หอบเหนื่อย หรืองอแงผิดปกติ ควรพาไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและดูแลอย่างเหมาะสม อย่าเพิกเฉยต่ออาการรุนแรง เพราะอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้ คลินิกเด็ก เปิด 24 ชั่วโมง ใกล้ ฉัน


46
ปัญหาริ้วรอยเกิดจากอะไร

ริ้วรอยเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้ที่มีอายุ โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่วัยกลางคนขึ้นไป สาเหตุของการเกิดริ้วรอยมีหลายประการ อาทิเช่น
    การลดลงของคอลลาเจนและอีลาสติน: เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ร่างกายผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินได้น้อยลง ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่นและเกิดริ้วรอยง่ายขึ้น
    แสงแดดและรังสี UV: แสงแดดเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผิวเสื่อมสภาพ รังสี UV ทำลายเนื้อเยื่อผิวและเร่งกระบวนการเกิดริ้วรอย
    พฤติกรรมการใช้ชีวิต: การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ การนอนหลับไม่เพียงพอ และความเครียด สามารถส่งผลต่อสุขภาพผิวและทำให้เกิดริ้วรอยเร็วขึ้น
    การแสดงอารมณ์บ่อย: การแสดงสีหน้าบ่อย เช่น การหัวเราะ หงุดหงิด หรือเครียด เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเส้นริ้วบนใบหน้า
    พันธุกรรม: ปัจจัยด้านพันธุกรรมก็มีผลต่อความยืดหยุ่นของผิวและการเกิดริ้วรอย



วิธียกกระชับหน้าให้แลดูอ่อนเยาว์

1. ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว, การทำทรีทเม้นท์, โบท็อก ลดริ้วรอย, ฟิลเลอร์ Filler
ผลิตภัณฑ์สูตรลดริ้วรอย ควรมีคุณสมบัติในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ต้านอนุมูลอิสระ และช่วยผลัดเซลล์ผิว ซึ่งส่วนผสมที่นิยมใช้กันได้แก่ เรตินอยด์ (Retinoids), วิตามินซี (Ascorbic acid), อัลฟา ไฮดรอกซี แอซิด (AHA), ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide), โคเอนไซม์ คิวเทน (Coenzyme Q10), และกรดไฮยาลูโรนิค

2.การทำหัตการด้วยเครื่องมือแพทย์
   
2.1 Exilis Ultra 360
Exilis Ultra 360 คือ การส่งคลื่นความร้อนที่มีความปลอดภัยสูงไปสู่ชั้นผิวหนังเรียกได้ว่าเป็น NEW Model ที่สามารถผสมผสาน ระหว่าง พลังงานคลื่นวิทยุความถี่สูง (Monopolar RF) และ คลื่นเสียง Ultrasound เข้าไว้ด้วยกัน ทำให้การส่งพลังงานสามารถกระจายได้อย่างทั่วถึง ซึ่ง Exilis Ultra 360 จะส่งผ่านพลังงาน 2 ชนิดเข้าไปกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจน รวมทั้งทำให้คอลาเจนใต้ผิวแข็งแรง ช่วยให้ผิวบริเวณที่มีริ้วรอยกระชับได้
   
2.2 Ulthera
วิธีลดริ้วรอยด้วย Ulthera เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยในการยกกระชับผิวหน้า ปัจจุบันเริ่มเป็นที่คุ้นเคยมากขึ้น โดยการทำงานของ Ulthera จะไม่ต้องฉีดหรือใช้เข็ม ทำงานโดยใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์ที่ยิงเข้าไปใต้ชั้นผิว เหมาะกับคนที่ต้องการปรับโครงสร้างหน้าและมีริ้วรอยเล็ก ๆ ช่วย ลดริ้วรอย แก้ไขความหย่อนคล้อยและเพิ่มความกระชับให้กับบริเวณผิวหน้า
   
3.3. New Doublo 2.0
New Doublo 2.0 คือ เครื่องมือในการยกกระชับผิว ที่มาพร้อมกับ Synergy Effect เป็นการรวม 2 พลังงานสำคัญในการกระตุ้นคอลลาเจน ยกกระชับผิว ด้วย คลื่นเสียง - MFU (Micro Focused Ultrasound) และ คลิ่นวิทยุ - RF (Redio Frequency) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่มีเฉพาะเครื่อง Doublo 2.0 เครื่องแรกและเครื่องเดียวเท่านั้น

ริ้วรอยเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นตามวัยและปัจจัยเสริมต่าง ๆ ซึ่งสามารถป้องกันและบำรุงรักษาได้ด้วยวิธีการดูแลผิวอย่างเหมาะสม รวมถึงการเลือกใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์เพื่อยกกระชับหน้าให้ดูอ่อนเยาว์และสุขภาพดีขึ้น หากสนใจวิธีการดูแลและฟื้นฟูผิว ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกแนวทางที่เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล


47
การตั้งครรภ์เป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความสุขและความกังวลใจ อาจเป็นเรื่องดีที่จะเสริมความมั่นใจด้วยการทำประกันคนท้อง เพื่อคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการฝากครรภ์ การคลอดบุตร และดูแลสุขภาพของแม่และเด็กในอนาคต

การตั้งครรภ์ต้องใส่ใจเรื่องสุขภาพเป็นพิเศษ เพื่อให้คุณแม่และทารกในครรภ์มีสุขภาพแข็งแรง สมบูรณ์ และเติบโตอย่างปลอดภัย การดูแลสุขภาพในช่วงตั้งครรภ์อย่างมีประสิทธิภาพ
1. รับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ
2. ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม
3. พักผ่อนให้เพียงพอและลดความเครียด
4. เข้ารับการตรวจสุขภาพตามนัดหมาย
5. หลีกเลี่ยงสิ่งเสพติดและสารอันตราย
6. ดูแลสุขอนามัยส่วนตัว



ทำไมควรทำประกันคนท้องเมื่อรู้ตัวว่าตั้งครรภ์?
    1.ลดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพ
    ค่ารักษาพยาบาลในระหว่างตั้งครรภ์และคลอดบุตรอาจสูงขึ้นอย่างมาก การทำประกันสามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้
    2.ให้ความคุ้มครองด้านสุขภาพของแม่และเด็ก
    ประกันสุขภาพสำหรับคนท้องมักครอบคลุมทั้งการตรวจครรภ์ การคลอด และภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งสำคัญมากในช่วงเวลาที่แม่และเด็กต้องการการดูแลเป็นพิเศษ
    3.สร้างความอุ่นใจและความมั่นคงในอนาคต
    การมีประกันช่วยให้คุณมั่นใจว่า จะได้รับการดูแลที่ดีที่สุดในช่วงเวลาสำคัญนี้ พร้อมเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด

คำแนะนำในการเลือกทำประกันคนท้อง
    *ตรวจสอบความคุ้มครอง
    เลือกประกันที่ครอบคลุมค่ารักษาในการฝากครรภ์ การคลอดบุตร รวมถึงภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ

    *ดูระยะเวลาคุ้มครอง
    ควรเลือกแผนที่คุ้มครองตั้งแต่ตั้งครรภ์จนถึงหลังคลอด เพื่อความอุ่นใจในทุกช่วงเวลา

    *เปรียบเทียบแผนประกันจากหลายบริษัทประกันภัย
    เปรียบเทียบความคุ้มครอง ราคาค่ารักษา และเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อเลือกแผนที่เหมาะสมกับความต้องการ

การทำประกันคนท้องเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ เพราะนอกจากจะช่วยลดความกังวลด้านค่าใช้จ่ายแล้ว ยังสร้างความอุ่นใจในช่วงเวลาสำคัญนี้ได้อย่างมั่นคง ควรเลือกแผนประกันที่เหมาะสมและมีความคุ้มครองครอบคลุม เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับทุกเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น ประกันอุบัติเหตุเด็ก


48
ในยุคปัจจุบัน อ่างล้างมือและก๊อกน้ำกลายเป็นอุปกรณ์สำคัญในบ้าน สำนักงาน โรงเรียน ร้านอาหาร รวมถึงสถานที่สาธารณะต่าง ๆ การเลือกอ่างล้างมือและก๊อกน้ำที่ดีไม่เพียงแต่ช่วยให้การล้างมือเป็นไปอย่างสะอาดและปลอดภัย แต่ยังสร้างความสะดวกสบายในการใช้งานอีกด้วย บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับเคล็ดลับในการเลือกอ่างล้างมือและก๊อกน้ำให้เหมาะสมกับความต้องการของคุณ
ทำความรู้จักกับอ่างล้างมือและก๊อกน้ำ

    อ่างล้างมือ: เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับล้างมือและทำความสะอาดบริเวณต่าง ๆ อ่างล้างมือมีให้เลือกหลายแบบ เช่น อ่างแขวนผนัง อ่างวางบนเคาน์เตอร์ หรืออ่างฝังเคาน์เตอร์
    ก๊อกน้ำอ่างล้างมือ: เป็นอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับแหล่งน้ำ เพื่อปล่อยน้ำออกมาสู่ในอ่าง ควรเลือกก๊อกน้ำที่ใช้งานง่าย ทนทาน และดูแลรักษาได้ง่าย



เคล็ดลับเลือกอ่างล้างมือที่เหมาะสม

    วัสดุที่ทนทานและทำความสะอาดง่าย
    ควรเลือกอ่างที่ทำจากเซรามิก, คอนกรีต หรือวัสดุสแตนเลส ซึ่งเป็นวัสดุที่แข็งแรง ทนทาน และดูแลรักษาง่าย

    ขนาดและดีไซน์ที่เหมาะสมกับพื้นที่
    คำนวณพื้นที่ใช้งานเพื่อเลือกขนาดอ่างอุปกรณ์ห้องน้ำที่พอดี ไม่เล็กเกินไปจนใช้งานไม่สะดวก และไม่ใหญ่เกินพื้นที่

    ดีไซน์เข้ากับสไตล์ของพื้นที่
    เลือกดีไซน์ที่กลมกลืนกับการตกแต่ง เช่น โมเดิร์น คลาสสิก หรือมินิมัล ให้ความรู้สึกสวยงามและลงตัว

เคล็ดลับเลือกก๊อกน้ำอ่างล้างมือ

    ฟังก์ชันการใช้งาน
    เลือกก๊อกน้ำที่มีฟังก์ชันปรับอุณหภูมิและแรงดันน้ำได้ง่าย เช่น ก๊อกน้ำผสมอุณหภูมิแบบกดเดียว

    วัสดุและคุณภาพ
    ควรเลือกก๊อกน้ำที่ทำจากทองเหลืองหรือสแตนเลส เพื่อความทนทาน ป้องกันสนิม และง่ายต่อการทำความสะอาด

    การติดตั้งและการดูแลรักษา
    เลือกก๊อกน้ำที่สามารถติดตั้งง่าย พร้อมระบบกันรั่วซึม และดูแลรักษาได้ง่าย

คำแนะนำเพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัยและสุขอนามัย
    ควรทำความสะอาดอ่างล้างมือและก๊อกน้ำอ่างล้างมือเป็นประจำ เพื่อป้องกันการสะสมของเชื้อโรค
    เลือกก๊อกน้ำที่มีระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ (sensor) เพื่อความสะดวกและสุขอนามัยที่ดีขึ้น
    ตรวจสอบระบบท่อน้ำและก๊อกน้ำเป็นระยะ เพื่อป้องกันการรั่วซึมและลดการใช้น้ำอย่างสิ้นเปลือง

การเลือกอ่างล้างมือและก๊อกน้ำที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การล้างมือเป็นไปอย่างสะดวก สะอาด และปลอดภัย ควรพิจารณาจากวัสดุ การดีไซน์ ฟังก์ชันการใช้งาน รวมถึงความง่ายในการดูแลรักษา เพื่อให้ได้อุปกรณ์ที่ตอบโจทย์และใช้งานได้นาน ค้นหาอ่างล้างมือและก๊อกน้ำคุณภาพดีที่เหมาะสมกับพื้นที่และความต้องการของคุณ เพื่อความสุขและสุขอนามัยที่ดีในทุกวัน

49
การวางแผนเกษียณเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้ชีวิตในวัยเกษียณเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย การใช้ประกันสุขภาพและสิทธิ์ลดหย่อนภาษีเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินและสุขภาพของคุณในอนาคต มาดูกันว่าควรทำอะไรบ้างเพื่อวางแผนเกษียณอย่างมีประสิทธิภาพ



1. วางแผนการเงินเพื่อการเกษียณ
    เริ่มออมเงินตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อสะสมทุนสำหรับอนาคต
    เลือกแผนการออมที่เหมาะสม เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์
    คำนวณเป้าหมายเงินเกษียณให้ชัดเจน เพื่อวางแผนการออมและลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

2. เลือกประกันสุขภาพเพื่อความคุ้มครองในวัยเกษียณ
    เลือกประกันสุขภาพที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายสูง เช่น ค่ารักษาในโรงพยาบาล ค่าผ่าตัด หรือโรคร้ายแรง
    ควรเลือกแผนประกันที่สามารถต่ออายุได้ง่ายและคุ้มค่ากับเบี้ยประกัน
    ตรวจสอบความคุ้มครองและเงื่อนไขของกรมธรรม์อย่างละเอียด เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต

3. สิทธิประโยชน์ด้านภาษีเพื่อการวางแผนเกษียณ
    ใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีจากเบี้ยประกันสุขภาพ ลดหย่อนภาษี และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
    รายละเอียดสิทธิ์ลดหย่อนภาษีในแต่ละปี ควรตรวจสอบตามประกาศของกรมสรรพากร
    การวางแผนภาษีอย่างถูกต้อง จะช่วยให้คุณเหลือเงินมากขึ้นในวัยเกษียณ

4. คำแนะนำเพิ่มเติมเพื่อการวางแผนเกษียณที่ประสบผลสำเร็จ
    เรียนรู้และติดตามข้อมูลข่าวสารทางด้านการเงินและประกัน
    ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและประกันเพื่อวางแผนอย่างมืออาชีพ
    ปรับแผนตามสถานการณ์และเป้าหมายชีวิตของคุณอย่างต่อเนื่อง


การวางแผนเกษียณที่ดีต้องเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ การเลือกประกันสุขภาพที่เหมาะสมและใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีอย่างเต็มที่ จะช่วยให้คุณมีความมั่นคงทางการเงินและสุขภาพในอนาคตอย่างยั่งยืน ซื้อประกันออนไลน์



50
วัสดุที่นิยมใช้ทำก๊อกน้ำฝักบัว คือ สแตนเลสเนื่องจากมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และปลอดภัยจากสารตกค้างประเภทโลหะหนัก ซึ่งก๊อกน้ำฝักบัวมีทั้งหมด 2 ประเภท สามารถเลือกให้เหมาะกับการใช้งาน ได้แก่

    ก๊อกเดี่ยว คือ ก๊อกน้ำที่สามารถเปิดใช้น้ำเย็นได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
    ก๊อกผสม คือ ก๊อกน้ำที่สามารถเปิดใช้ได้ทั้งน้ำร้อนและน้ำเย็น โดยมีทั้งแบบก้านโยกซ้าย - ขวาซึ่งมีสัญลักษณ์บอกน้ำร้อนและน้ำเย็นอยู่ที่ตัวก๊อก และก๊อกที่แยกจุดเปิดน้ำร้อนและน้ำเย็นเป็นสองฝั่งเพื่อปรับระดับความร้อน – เย็นตามความต้องการ ซึ่งการติดตั้งมีอยู่ด้วยกันหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นก๊อกที่ติดตั้งอยู่บนเคาน์เตอร์, ก๊อกที่ติดตั้งอยู่กับอ่างล้างหน้า และก๊อกที่ติดตั้งออกจากผนัง



รูปแบบการติดตั้งชุดฝักบัวตามการใช้งาน
นอกจากรูปแบบก๊อกน้ำและฝักบัวที่เหมาะกับการใช้งานแล้ว รูปแบบการติดตั้งก๊อกน้ำตามการใช้งานก็เป็นอีกปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง เนื่องจากต้องเลือกการติดตั้งให้เหมาะสมกับแบบห้องน้ำ โดยรูปแบบการติดตั้งก๊อกมีทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่
   
1. ก๊อกน้ำและฝักบัวแบบฝังผนัง
    เหมาะสำหรับอ่างอาบน้ำ อ่างล้างหน้า และฝักบัว เนื่องจากผู้ใช้งานสามารถเลือกตำแหน่งที่ต้องการติดตั้งได้ เหมาะสำหรับห้องน้ำที่มีพื้นที่ขนาดเล็ก เพราะช่วยประหยัดพื้นที่ในการติดตั้งฝักบัวในห้องน้ำ และยังเลือกติดตั้งคู่กับสุขภัณฑ์อื่น ๆ ได้ตามความต้องการ
   
2. ก๊อกน้ำและฝักบัวแบบตั้งพื้น
    เหมาะสำหรับการใช้งานกับอ่างอาบน้ำ มีดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ เหมาะกับห้องน้ำที่ต้องการเน้นเรื่องดีไซน์ในการออกแบบ สำหรับก๊อกน้ำแบบตั้งพื้นถูกออกแบบให้เลือกจับคู่กับอ่างอาบน้ำแบบต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว เหมาะกับการตกแต่งทุกสไตล์
   
3. ก๊อกน้ำแบบตั้งเคาน์เตอร์
    เหมาะกับการเป็นก๊อกอ่างล้างหน้า ทั้งอ่างล้างหน้าแบบวาง หรืออ่างล้างหน้าฝังบนเคาน์เตอร์ที่มีช่องสำหรับติดตั้งก๊อกน้ำ ข้อดีคือสามารถบำรุงรักษาได้สะดวก

วิธีการทำความสะอาดและดูแลรักษาก๊อกน้ำฝักบัว
นอกจากการเลือกก๊อกน้ำฝักบัวที่มีคุณภาพใช้งานได้สะดวกสบายแล้วการดูแลรักษาก็สำคัญ ควรใช้วิธีทำความสะอาดและดูแลรักษาก๊อกให้เหมาะสม เพื่อให้ก๊อกสวยงามน่าใช้งานอยู่เสมอ โดยมีวิธีการง่าย ๆ ดังต่อไปนี้

    1. ใช้น้ำสบู่หรือน้ำยาล้างจาน
    โดยใช้ฟองน้ำหรือผ้าไมโครไฟเบอร์ชุบน้ำสบู่หรือน้ำยาล้างจาน แล้วค่อย ๆ เช็ดบริเวณก๊อกซิงค์ จะช่วยทำความสะอาดคราบสกปรกหรือความหมองคล้ำออกจากก๊อกได้เป็นอย่างดี
    2. ใช้น้ำส้มสายชู
    สำหรับก๊อกน้ำและฝักบัวที่มีคราบไขมันเกาะติด ใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำค่อย ๆ ถูลงบนคราบสกปรก หรือจะเลือกใช้มะนาวหั่นครึ่งถูลงบนคราบไขมัน ก็ช่วยเพิ่มความสะอาดได้มากขึ้นเช่นกัน
    3. ใช้ครีมขัดเงาหรือครีมขัดโลหะ
    สำหรับบ้านที่ใช้ก๊อกน้ำและหัวฝักบัวที่ผลิตจากโครเมียม ควรใช้ผ้านุ่ม ๆ และครีมขัดเงาหรือครีมขัดโลหะ ถูเบา ๆ จะช่วยให้ก๊อกกลับมาเงางามเหมือนใหม่ได้
    4. หลีกเลี่ยงสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อน
    ควรหลีกเลี่ยงการทำความสะอาดก๊อกและวาล์วฝักบัวอาบน้ำด้วยสารเคมีที่ฤทธิ์ทำลายพื้นผิวหรือสารที่มีส่วนประกอบของคลอไรด์ เช่น สารฟอกขาว เพราะสารเคมีประเภทนี้จะกัดกร่อนพื้นผิวก๊อกน้ำทำให้เกิดรอยขีดข่วนขึ้นได้
    5. ใช้อุปกรณ์ทำความสะอาดให้เหมาะสม
    นอกจากการหลีกเลี่ยงสารเคมีที่มีฤทธิ์รุนแรงที่จะกัดกร่อนพื้นผิวก๊อกและหัวฝักบัวแล้ว ควรใช้ฟองน้ำหรือผ้าไมโครไฟเบอร์ทำความสะอาดก๊อกเท่านั้น เพราะหากฝอยขัดหรือแผ่นฟองน้ำแบบหยาบก็อาจทำให้ก๊อกมีรอยขีดข่วนได้เช่นกัน

51

          โรคตับอาการ หรือ ไวรัสตับอักเสบ (Hepatitis) คือ การที่ตับมีอาการอักเสบ และติดเชื้อ หากพูดถึงไวรัสตับอักเสบ คนส่วนใหญ่คงคุ้นหูกับ “โรคไวรัสตับอักเสบบี” เพราะพบบ่อยในประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้านอย่าง AEC แต่ความจริงแล้วไวรัสตับอักเสบมีหลายสายพันธุ์ ได้แก่ ไวรัสตับอักเสบเอ บี ซี ดี และอี ซึ่งไวรัสตับอักเสบดี และอี พบได้น้อยมากในปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตามโรคไวรัสตับอักเสบ ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุของโรคตับแข็ง และมะเร็งตับ จึงควรได้รับการตรวจรักษา เพื่อป้องกันการเกิดโรคดังกล่าว
         


 การติดเชื้อ และอาการของผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบ
การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบเอ :
    ติดจากการทานอาหารจากผู้ป่วย
    การล้างมือไม่สะอาดหลังเข้าห้องน้ำ
    การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อ
    ดื่มน้ำที่มีเชื้อแฝงอยู่

*** ไวรัสตับอักเสบเอ จะไม่ติดต่อทางน้ำลาย และปัสสาวะ ***
           อาการผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบเอ : เป็นไข้ตัวร้อน ร่างกายอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน แน่นบริเวณชายโครงด้านขวา ท้องร่วง อุจจาระสีซีด ปัสสาวะสีเข้ม และมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง
ไวรัสตับอักเสบบี

การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี :
    การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อโดยไม่สวมถุงยางอนามัย
    การใช้เข็มฉีดยา เข็มสักตามตัว และการเจาะหู รวมถึงของใช้ส่วนตัว เช่น แปรงสีฟัน มีดโกน และที่ตัดเล็บร่วมกับผู้อื่น
    การติดเชื้อขณะคลอดจากแม่ที่มีเชื้อ (ถ้าแม่มีเชื้อลูกมีโอกาสได้รับเชื้อ 90%)
    การสัมผัสเลือด น้ำคัดหลั่ง โดยผ่านเข้าทางบาดแผล
*** ไวรัสตับอักเสบบี จะไม่ติดต่อทางลมหายใจ อาหารหรือน้ำดื่ม การให้นม และการจูบกัน (ถ้าปากไม่มีแผล) ***

อาการผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบบี : แบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ
    ระยะเฉียบพลัน ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการภายใน 1-4 เดือน หลังติดเชื้อ
        - มีไข้ ตัวเหลือง ตาเหลือง ปวดท้องด้านชายโครงขวา
        - อาการอื่นๆ ได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย เป็นผื่น ปวดข้อ

           อาการตับอักเสบระยะเฉียบพลันจะดีขึ้นใน 1-4 สัปดาห์ และจะหายเป็นปกติเมื่อร่างกายสามารถกำจัดและควบคุมเชื้อไวรัสตับอักเสบได้ ซึ่งมักใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือน แต่ผู้ป่วยส่วนน้อย (5-10%) ไม่สามารถกำจัดเชื้อออกจากร่างกายได้หมด ทำให้ผู้ป่วยมีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง

    ระยะเรื้อรัง แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
        พาหะ คือ ผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในร่างกาย ซึ่งผู้ป่วยจะไม่แสดงอาการแต่สามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้ ดังนั้นการแต่งงานหรือมีเพศสัมพันธ์ควรตรวจหาไวรัสตับอักเสบบีก่อน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ แต่ผู้ป่วยที่เป็นพาหะผลการตรวจเลือดจะพบค่าการทำงานของตับอยู่ในเกณฑ์ปกติ
        ตับอักเสบเรื้อรัง คือ ผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในร่างกาย และตรวจเลือดพบค่าการทำงานของตับผิดปกติ (การติดเชื้อแบบเรื้อรังมักพบบ่อยในเด็กที่ติดเชื้อตั้งแต่แรกเกิด)
        ผู้ป่วยส่วนมากมักไม่แสดงอาการ แต่ในบางรายอาจมีอาการอ่อนเพลียหรือเบื่ออาหาร

ไวรัสตับอักเสบซี

           การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี : สามารถติดต่อกันทางเลือดหรือการมีเพศสัมพันธ์คล้ายกับไวรัสตับอักเสบบี แต่ไม่สามารถติดต่อกันได้ผ่านการให้นมบุตร และการไอ จามรดกัน
           อาการผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซี : อาการของผู้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบจะมีการคล้ายกัน คือ ตัวเหลือง ตาเหลือง(หรือที่เรียกกันว่าดีซ่าน) มีปัสสาวะสีเข้ม อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ปวดชายโครงขวา ปวดกล้ามเนื้อและปวดข้อ

           ทั้งนี้การที่จะแยกว่าอาการตับอักเสบเกิดจากเชื้อไวรัสชนิดใด ต้องทำการตรวจร่างกายโดยอายุรแพทย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ ตรวจหาเชื้อไวรัสและภูมิคุ้มกัน ภูมิที่แสดงถึงการติดเชื้อ ต่อไวรัสตับอักเสบชนิดต่างๆ และสามารถป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อได้ โดยการไม่นำตัวเองไปเสี่ยงต่อการติดเชื้อตามที่กล่าวมาข้างต้น และฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันไว้รัสตับอักเสบชนิดต่างๆ

52
นี่คือคำถามที่สร้างความสงสัยให้ใครหลายคนทันที โดยเฉพาะคนที่กำลังจะตัดสินใจทำประกันสุขภาพ หลังจากรู้ว่าสมาคมประกันชีวิตไทยได้กำหนดหลักเกณฑ์ ‘ส่วนจ่ายร่วม’ หรือ ‘Copayment’ ในปีต่อ เป็นเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันสุขภาพฉบับใหม่ที่เริ่มคุ้มครองตั้งแต่ 20 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป

เงื่อนไข Copayment 3 กรณีที่ต้องรู้
เราทุกคนต่างรู้กันดีว่า ความเจ็บป่วยและอุบัติเหตุเป็นเรื่องที่ไม่อาจคาดเดาได้ การมีประกันสุขภาพที่คุ้มครองครอบคลุมจึงช่วยกระจายความเสี่ยงเรื่องค่ารักษาพยาบาลไม่ให้เราต้องแบกรับค่าใช้จ่ายเอง แต่ปัญหาที่ผ่านมา คนส่วนใหญ่มักเลือกแอดมิท (Admit) หรือนอนค้างคืนที่โรงพยาบาลเป็นผู้ป่วยในจากอาเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ส่งผลให้อัตราการเคลมค่ารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้นเกินกว่าความเป็นจริง

กรณี 1 : การเคลมค่ารักษาผู้ป่วยใน (IPD) จากการเจ็บป่วยเล็กน้อย (Simple Diseases) หากเข้าเงื่อนไขทั้ง 3 ข้อนี้จะต้องร่วมจ่าย 30% ทุกค่ารักษาพยาบาลในปีกรมธรรม์ถัดไป
    จำนวนการเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 3 ครั้ง/ปีกรมธรรม์
    อัตราเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 200% ของเบี้ยประกันสุขภาพ อาการเจ็บป่วยเล็กน้อย หมายถึง อาการที่ไม่จำเป็นต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล อาการไม่รุนแรง เพราะเป็นอาการเจ็บป่วยที่ไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน รักษาง่ายและหายได้เองรักษาได้ด้วยยาสามัญประจำบ้าน หรือสามารถฟื้นตัวจากอาการป่วยได้เองด้วยภูมิคุ้มกันของร่างกาย ไม่มีอาการภาวะแทรกซ้อน

กรณี 2 : การเคลมค่ารักษาผู้ป่วย (IPD) จากการเจ็บป่วยโรคทั่วไป (ไม่รวมโรคร้ายแรงและการผ่าตัดใหญ่) หากเข้าเงื่อนไขทั้ง 3 ข้อนี้จะต้องร่วมจ่าย 30% ทุกค่ารักษาพยาบาลในปีกรมธรรม์ถัดไป
    จำนวนการเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 3 ครั้ง/ปีกรมธรรม์ อัตราเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 400% ของเบี้ยประกันสุขภาพ
    การเคลมค่ารักษาพยาบาลอาการเจ็บป่วยโรคทั่วไป หมายถึง โรคใด ๆ ที่ไม่ใช่การผ่าตัดใหญ่ โรคร้ายแรง และไม่ใช่อาการเจ็บป่วยเล็กน้อย (Simple Diseases) ให้นับรวมเป็นการเจ็บป่วยทั่วไปทั้งหมด



กรณี 3 : เข้าเงื่อนไขทั้งกรณี 1 และกรณี 2 จะต้องร่วมจ่าย 50% ทุกค่ารักษาพยาบาลในปีกรมธรรม์ถัดไป
ถึงตรงนี้ หลายคนอาจสงสัยเพิ่มอีกว่า ถ้าหากเข้าเงื่อนไข Copayment แล้ว จะมีผลตลอดไปในทุกปีกรมธรรม์หรือไม่ ?
คำตอบคือ Copayment ไม่ใช่การจ่ายร่วมตั้งแต่บาทแรกและไม่ใช่เงื่อนไขถาวร จะขึ้นอยู่กับการเคลมค่ารักษาพยาบาลของผู้ถือกรมธรรม์ประกันสุขภาพ โดยบริษัทประกันจะพิจารณาใหม่ในทุก ๆ รอบปีกรมธรรม์ หากปีกรมธรรม์ใดไม่เข้าเงื่อนไข Copayment ทุกกรณี ผู้ถือกรมธรรม์ประกันสุขภาพก็ไม่ต้องจ่ายร่วมในปีกรมธรรม์ถัดไปนั่นเอง

จ่ายร่วมแต่มั่นคงระยะยาว
ขอย้ำอีกที หากเข้าใจเงื่อนไข Copayment อย่างครบถ้วน ก็ไม่มีอะไรน่ากลัวหรือน่ากังวล ถึงแม้ว่าจะเป็นหลักเกณฑ์ใหม่ที่ทำให้ผู้ถือกรมธรรม์ประกันสุขภาพต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลบางส่วน แต่ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคนทันที เพราะขึ้นอยู่กับการเคลมที่ต้องเข้าเงื่อนไขเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถบริหารจัดการได้ เพื่อไม่ให้การเคลมค่ารักษาพยาบาลเข้าเงื่อนไข Copayment
 
หลักเกณฑ์ ‘ส่วนจ่ายร่วม’ หรือ ‘Copayment’ นี้ ยังช่วยสร้างระบบประกันสุขภาพที่มั่นคง ซึ่งส่งผลดีกับทุกคนในระยะยาวทั้ง สร้างความตระหนักรู้ในการใช้บริการด้านการแพทย์ เพราะ Copayment ทำให้ผู้ถือกรมธรรม์ประกันสุขภาพจะคิดไตร่ตรองมากขึ้นว่าอาการเจ็บป่วยที่กำลังเป็นอยู่นั้นรุนแรงมากพอที่จะต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลหรือไม่ และใช้บริการด้านการแพทย์ตามความจำเป็น พร้อมกับหันมาใส่ใจและดูแลสุขภาพตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอมากขึ้น

รวมถึง สร้างความยั่งยืนให้ระบบประกันสุขภาพ เพราะหนึ่งในปัญหาที่ทำให้คนจำนวนมากยกเลิกการต่อสัญญากรมธรรม์ประกันสุขภาพ คือ จ่ายเบี้ยประกันต่อไปไม่ไหว Copayment จึงช่วยลดความเสี่ยงและแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ เพราะในเมื่อบริษัทประกันไม่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่สูงเกินจำเป็น ก็จะสามารถกำหนดเบี้ยประกันสุขภาพให้อยู่ในระดับที่สมเหตุสมผล เพิ่มโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงประกันสุขภาพได้มากขึ้นด้วย

ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งสำคัญของเรื่องนี้ คือ การทำความเข้าใจเงื่อนไขต่าง ๆ อย่างละเอียด และเลือกแผนประกันสุขภาพที่เหมาะสมกับความต้องการและความสามารถในการชำระเบี้ยประกัน เพราะจะทำให้ได้รับความคุ้มครองและผลประโยชน์จากประกันสุขภาพที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของตนเอง

อ้างอิง
    สมาคมประกันชีวิตไทย. (มกราคม 2568). รู้ทันอย่างไม่ตระหนกกับ “ส่วนจ่ายร่วม (Copayment) ในเงื่อนไขการต่ออายุกรณีครบรอบปีกรมธรรม์ประกันภัย”. วารสารประกันชีวิต, 013/2568, 2-13.


53
โถสุขภัณฑ์เป็นอุปกรณ์ชิ้นสำคัญภายในห้องน้ำ การเลือกรูปทรงของ ขนาดชักโครก โถสุขภัณฑ์จึงสำคัญทั้งในแง่ของการใช้งาน และดีไซน์ที่สะท้อนสไตล์ของคุณ

เมื่อพูดถึงห้องน้ำ สิ่งแรกที่คนนึกถึงมักเป็น “โถสุขภัณฑ์” หรือ ทั่วไปเรียกว่า ขนาดชักโครก เพราะเป็นอุปกรณ์ชิ้นสำคัญที่ขาดไม่ได้ ไม่ได้เพียงแค่ใช้เพื่อการขับถ่ายหรือทำธุระส่วนตัวเท่านั้น หากแต่ยังเป็นสิ่งที่ช่วยยกระดับพื้นที่ห้องน้ำของคุณให้สวยงามมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ นอกจากจะเลือกว่าควรใช้โถสุขภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีด้านความสะอาดเพื่อสุขอนามัยที่ดีแล้วนั้น การเลือกรูปทรงของโถสุขภัณฑ์ก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน มาดูว่าโถสุขภัณฑ์โดยทั่วไปนั้นมีรูปทรงอย่างไรบ้าง และแต่ละทรงเหมาะกับสไตล์ห้องน้ำแบบไหน



รูปทรงของโถสุขภัณฑ์ มีอะไรบ้าง
ในความเป็นจริงแล้ว โถสุขภัณฑ์ หรือ โถชักโครก มีอยู่ด้วยกันหลากหลายรูปทรง แต่โดยทั่วไปมักแบ่งออกเป็น 3 รูปทรงใหญ่ ๆ ซึ่งแต่ละทรงนั้น มีจุดดีและจุดเด่นแตกต่างกันออกไป ดังนี้

1. โถสุขภัณฑ์รูปทรงอีลองเกต (Elongated)
สุขภัณฑ์รูปทรงอีลองเกต มีลักษณะเป็นทรงเรียวยาว นับเป็นหนึ่งในทรงที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะเป็นทรงพื้นฐานของโถสุขภัณฑ์ มีให้เลือกด้วยกันหลากหลายรุ่น หลากหลายดีไซน์ สามารถเลือกติดตั้งคู่กับฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและสุขอนามัยภายในห้องน้ำได้ โดยมีจุดที่ต้องคำนึงถึงคือ หากเป็นโถสุขภัณฑ์ทรงอีลองเกต (ทรงยาว) จำเป็นต้องมีระยะรูยึดน็อตที่โถสุขภัณฑ์เพื่อติดตั้งฝารองนั่ง 14 ซม. และระยะจากรูยึดน็อตของฝารองนั่งด้านใดด้านหนึ่งถึงหม้อน้ำเป็นระยะอย่างน้อย 5 ซม. ก็จะสามารถใส่คู่กับฝารองนั่งอัตโนมัติได้พอดี

ทั้งนี้ โถสุขภัณฑ์ทรงอีลองเกต เหมาะสำหรับดีไซน์ห้องน้ำทั่วไป ติดตั้งได้ทั้งห้องน้ำขนาดเล็ก มีพื้นที่จำกัด ไปจนถึงห้องน้ำขนาดกว้าง เพราะใช้พื้นที่ในการติดตั้งค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับทรงอื่น ๆ โดยหากห้องน้ำของคุณเป็นสไตล์โมเดิร์น แต่ยังมีความผสมผสานกลมกลืนกับธรรมชาติ ก็สามารถเลือกใช้สุขภัณฑ์อัจฉริยะรูปทรงอีลองเกตได้ ตอบโจทย์ทั้งเรื่องของดีไซน์ที่สวยงาม และฟังก์ชันอัตโนมัติที่ช่วยลดการสัมผัสตัวสุขภัณฑ์ เข้ากับไลฟ์สไตล์ วิถีชีวิตแบบ New Normal

2. โถสุขภัณฑ์รูปทรง D (D-Shape)
สุขภัณฑ์ทรงนี้จะต่างจากทรงอีลองเกตเล็กน้อย ตรงที่จะมีความกว้างมากกว่า สามารถนั่งลงบนโถสุขภัณฑ์ได้อย่างเต็มที่ ลักษณะรูปทรงคล้ายตัวอักษรภาษาอังกฤษตัว D ซึ่งหากเป็นโถสุขภัณฑ์ธรรมดานั้น สามารถเลือกติดตั้งคู่กับฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET ได้เช่นเดียวกับทรงอีลองเกต แต่จำเป็นต้องพิจารณาถึงขนาดของฝารองนั่ง รวมถึงฝาอัตโนมัติต้องเป็นทรง D เช่นเดียวกัน
สำหรับสุขภัณฑ์รูปทรง D-Shape นั้นจะมีดีไซน์โค้งมน เรียบหรู ช่วยให้ห้องน้ำของคุณดูนุ่มนวล ไม่ขรึมมากจนเกินไปนัก เข้ากันได้ดีกับกระเบื้องห้องน้ำโทนสีอ่อน เช่น สีครีม หรือ สีเบจ จะช่วยให้ห้องน้ำของคุณดูสว่าง สดใส มองแล้วรู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น

3. โถสุขภัณฑ์รูปทรงสแควร์ อีลองเกต (Square Elongated)
สำหรับใครที่อยากมองหาความแปลกใหม่ นอกเหนือไปจากทรงกลมมนที่คุ้นเคย โถสุขภัณฑ์รูปทรงสแควร์ อีลองเกต อาจตอบโจทย์ที่คุณมองหา เนื่องจากมีดีไซน์โฉบเฉี่ยว เหลี่ยมมุมของสุขภัณฑ์ ช่วยยกระดับให้พื้นที่ห้องน้ำของคุณดูโดดเด่น มีสไตล์มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะหากติดตั้งคู่กับพื้นกระเบื้องห้องน้ำลายก้างปลา ก็จะทำให้ภาพรวมของห้องดูกลมกลืน เป็นไปในแนวทางเดียวกัน แต่ก็ยังคงมีลูกเล่นที่ทำให้ไม่น่าเบื่อเกินไปนัก สุขภัณฑ์ทรงสแควร์ อีลองเกต มีจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งคือมีพื้นที่ฝารองนั่งค่อนข้างกว้าง นั่งสบาย เหมาะสำหรับฝารองนั่งชักโครก ผู้สูงอายุ และผู้ที่ชอบใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนาน ๆ แต่ควรติดตั้งในห้องน้ำที่มีขนาดใหญ่ เนื่องจากจำเป็นต้องใช้พื้นที่สำหรับติดตั้งมากกว่ารูปทรงก่อนหน้านี้

54
shopping mall bangkok ร่วมเข้าสู่การเลือกใช้สีสันในแฟชั่นซึ่งสะท้อนถึงอารมณ์ ความคิดสร้างสรรค์ และการจัดการความ น่าตื่นเต้นและแปลกใหม่ที่จะเติมเต็มตู้เสื้อผ้าของคุณให้เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ปี 2025 เป็นปีที่สีสันมีบทบาทสำคัญในการแต่งตัว โดยเฉพาะการเลือกโทนสีที่สะท้อนอารมณ์และพลังบวก มาดูกันว่าโทนสีเสื้อผ้าแฟชั่นไหนมาแรงในปีนี้



1. สีเหลืองเลมอน (Lemon Yellow)
ให้ความรู้สึกสดใส มีพลัง เหมาะกับฤดูร้อน
มิกซ์แอนด์แมทช์ได้ง่ายกับสีขาว หรือสีฟ้าอ่อน

2. สีฟ้าคราม (Cerulean Blue)
โทนสีฟ้าสบายตา ให้ความรู้สึกสงบและมีสไตล์
เหมาะกับลุคมินิมอลและสไตล์วินเทจ

3. สีชมพูบับเบิลกัม (Bubblegum Pink)
สไตล์ Coquette และ Barbiecore ยังมาแรง
แมทช์กับสีแดงหรือสีเบจได้อย่างลงตัว

4. สีส้มแมนดาริน (Mandarin Orange)
สีส้มสดใสที่เพิ่มความสนุกให้กับการแต่งตัว
ใส่คู่กับสีขาวหรือสีดำให้ลุคดูโดดเด่น

5. สีเขียวมะกอก (Olive Green)
โทนสีเอิร์ธโทนที่เหมาะกับสไตล์มินิมอลและสตรีทแวร์
แมทช์กับสีกากีหรือสีเบจให้ดูแพงขึ้น

6. สีเทาเข้ม (Charcoal Grey)
สีที่ให้ความลึกลับและหรูหราในแบบโมเดิร์น
เหมาะกับเสื้อสูทและลุคเท่ ๆ

7. สีเมทัลลิกและประกายมุก (Metallic & Pearl White)
เทรนด์แฟชั่นอนาคต เน้นความล้ำสมัย
สีเงินและทองมาแรง โดยเฉพาะในแฟชั่นสตรีทและปาร์ตี้ลุค

หากคุณกำลังมองหาสถานที่ชอปปิงที่สามารถเติมเต็มทุกความต้องการด้านแฟชั่นและราคาสุดคุ้ม แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ shopping mall bangkok คือคำตอบที่คุณไม่ควรพลาด! มาที่นี่เพื่อช้อปสินค้าดีๆ และมีสไตล์ในราคาที่คุณพอใจ แล้วจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน



55
มะเร็งรังไข่และมะเร็งปากมดลูกเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญในกลุ่มผู้หญิง อาการมะเร็ง รังไข่ สามารถป้องกันและตรวจพบได้แต่เนิ่นๆ หากเข้าใจอาการและการตรวจคัดกรองอย่างถูกต้อง บทความนี้จะชี้แนะข้อมูลสำคัญเพื่อให้คุณดูแลสุขภาพของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ



อาการของมะเร็งรังไข่
มะเร็งรังไข่มักมีอาการที่ไม่ชัดเจนในระยะแรก แต่บางอาการที่อาจบ่งบอกถึงความเสี่ยง ได้แก่:

    - ปวดท้องน้อยหรือหลัง
    - ความรู้สึกอึดอัดหรือเต็มในช่องท้อง
    - การเปลี่ยนแปลงของการมีประจำเดือน
    - การเบื่ออาหาร น้ำหนักลดหรือเพิ่มโดยไม่ทราบสาเหตุ
    - ความรู้สึกป่องหรือแน่นท้องเป็นเวลานาน
    - ความรู้สึกอยากปัสสาวะบ่อยหรือไม่สบายขณะปัสสาวะ

หากคุณพบอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและดูแลรักษาอย่างเหมาะสม

ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
มะเร็งปากมดลูกเป็นหนึ่งในมะเร็งที่สามารถป้องกันได้ด้วยการตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งประกอบด้วย:

    - การตรวจ Pap Smear: เป็นการเก็บตัวอย่างเซลล์จากปากมดลูกเพื่อตรวจหาเซลล์ผิดปกติ
    - การตรวจ HPV: ตรวจหาเชื้อไวรัส HPV ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของมะเร็งปากมดลูก

แนะนำให้ผู้หญิงเริ่มตรวจคัดกรองตั้งแต่อายุ 21 ปี และทำซ้ำทุกปี หรือตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อการป้องกันและการรักษาแต่เนิ่นๆ
เคล็ดลับดูแลสุขภาพเพื่อป้องกันมะเร็ง

    - รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และสมดุล
    - ออกกำลังกายเป็นประจำ
    - หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก
    - เข้ารับการตรวจคัดกรองตามคำแนะนำของแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
    - สังเกตอาการผิดปกติและไปพบแพทย์ทันทีหากมีความกังวล

การรู้จักอาการของมะเร็งรังไข่และการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นขั้นตอนสำคัญในการดูแลสุขภาพของผู้หญิงอย่างมีประสิทธิภาพ การตรวจคัดกรองเป็นสิ่งที่ง่ายและสามารถช่วยชีวิตได้ หากคุณใส่ใจและปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้ คุณจะสามารถลดความเสี่ยงและดูแลตัวเองให้ปลอดภัยจากโรคมะเร็งในระยะยาว


56
ห้องน้ำเป็นพื้นที่สำคัญที่ไม่เพียงแต่ใช้สำหรับทำความสะอาดร่างกายเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่ที่ช่วยให้เราผ่อนคลายและรีเฟรชตัวเองในแต่ละวัน การออกแบบห้องน้ำให้ดีและเหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยสร้างบรรยากาศที่สงบ สบาย และเติมเต็มความสุขในการใช้งาน ร่วมทำความรู้จักกับแบบห้องน้ำที่ดี ที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย พร้อมเคล็ดลับการออกแบบและตกแต่งให้เหมาะสมกับความต้องการ



แบบห้องน้ำที่ดี ควรมีคุณสมบัติอะไรบ้าง
    ความเป็นระเบียบ และการใช้งานที่สะดวกสบาย
จัดเก็บของใช้อย่างเป็นระเบียบ ไม่ให้รกสายตา คือการจัดระเบียบสิ่งของให้เข้าที่เข้าทาง และซ่อนสิ่งของที่ไม่จำเป็นให้พ้นจากสายตา เพื่อให้บ้านดูสะอาดตาและเป็นระเบียบ
การแบ่งโซนเปียกและแห้ง ห้องน้ำควรมีการแยกโซนเปียก (เช่น ฝักบัว, อ่างอาบน้ำ) และโซนแห้ง (เช่น โถสุขภัณฑ์, อ่างล้างหน้า) ที่แยกจากกันอย่างชัดเจน
การระบายอากาศ ห้องน้ำควรมีระบบระบายอากาศที่ดีเพื่อป้องกันกลิ่นอับ และความชื้นสามารถทำช่องระบายอากาศติดตั้งพัดลมดูดอากาศ หรือมีหน้าต่างที่ให้แสงสว่างส่องเข้าถึง มีพื้นที่วางอุปกรณ์และของใช้ที่ใช้งานได้ง่าย

    การเลือกใช้วัสดุที่ปลอดภัย และทนทาน
        กระเบื้องกันลื่นสำหรับพื้นที่ออกแบบมาเพื่อลดความเสี่ยงของการลื่นไถลและอุบัติเหตุจากการลื่นล้ม โดยมีพื้นผิวหยาบกว่ากระเบื้องทั่วไป เหมาะสำหรับปูพื้นในบริเวณที่เสี่ยงต่อการเปียก
        วัสดุที่ทนต่อความชื้นและเชื้อรา ควรเป็นวัสดุที่ดูดซึมน้ำต่ำหรือกันน้ำได้ กระเบื้องพอร์ซเลน กระเบื้องแกรนิต กระเบื้องหินชนวน และผนัง PVC รวมถึงฝ้าที่ทำจากยิปซั่มกันชื้น หรือไฟเบอร์ซีเมนต์

    การติดตั้งอุปกรณ์ที่ช่วยให้ผ่อนคลาย
        อ่างอาบน้ำหรืออ่างจากุซซี่ เป็นอ่างอาบน้ำที่ติดตั้งเครื่องอัดอากาศ เพื่อให้สามารถปล่อยอากาศออกมาให้เป็นเหมือนเครื่องนวด
        ฝักบัว Rain Shower ให้ความรู้สึกผ่อนคลายและเหมือนได้อาบน้ำกลางธรรมชาติ น้ำไหลลงบนร่างกายอย่างนุ่มนวลและทั่วถึง ทำให้รู้สึกสดชื่นและมีชีวิตชีวามากขึ้น
ที่ฉีดชำระอัตโนมัติ (automatic bidet) คืออุปกรณ์ที่ติดตั้งกับฝารองนั่งชักโครก ทำหน้าที่ฉีดน้ำเพื่อทำความสะอาดหลังการขับถ่าย โดยมีระบบควบคุมอุณหภูมิและแรงดันน้ำที่สามารถปรับได้

    การใช้สี และแสงให้เหมาะสม
        โทนสีอ่อน ๆ ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย โทนสีอ่อนสามารถช่วยสร้างความรู้สึกผ่อนคลายและสงบได้ดี โดยเฉพาะสีฟ้าอ่อน, เขียวอ่อน, และสีชมพูอ่อน ซึ่งมักถูกนำมาใช้เพื่อสร้างบรรยากาศที่น่าผ่อนคลาย
        แสงไฟนวลและสบายตา ความสว่างของห้องน้ำควรเป็นแสงไฟสีขาวนวล (Cool White) ที่มีอุณหภูมิสีประมาณ 4,000 – 5,000 K เป็นแสงที่ให้ความสว่างชัดเจน และสามารถมองเห็นอุปกรณ์ห้องน้ำได้ดี เพื่อการใช้งานที่ปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุด้วย

แบบห้องน้ำที่ดีควรเน้นความสงบ สบาย และเป็นธรรมชาติ การเลือกใช้โทนสีอ่อน วัสดุธรรมชาติ และการจัดวางพื้นที่อย่างลงตัว จะช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและทำให้ทุกครั้งที่ใช้งานเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับทุกคน หากอยากทำให้ห้องน้ำเป็นพื้นที่แห่งความสุขและความผ่อนคลาย ลองปรับเปลี่ยนดีไซน์และตกแต่งให้เหมาะสมตามแนวทางนี้ รับรองว่าจะได้พื้นที่ในฝันที่ช่วยเติมเต็มความสุขในทุกวัน

57
สาเหตุร่วมที่เกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมตัวผู้ป่วย

    สภาพภูมิศาสตร์ มักอยู่บริเวณที่ราบสูงประเทศ พบมากในภาคอีสานและเหนือ
    สภาพอากาศและฤดูกาลในฤดูร้อน จะพบว่าผู้ป่วยเป็นโรคนิ่วทางเดินปัสสาวะมาก อาจเนื่องมาจากการเสียเหงื่อมาก ทำให้ปัสสาวะเข้มข้นทำให้นิ่วโตเร็วขึ้น จึงเกิดอาการขึ้น
    ปริมาณน้ำดื่ม ซึ่งจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับความเข้มข้นของน้ำปัสสาวะถ้าดื่มน้ำดื่ม และยังอาจจะเกี่ยวกับเกลือแร่ที่ละลายในน้ำดื่มของแต่ละท้องถิ่น
    สภาพโภชนาการ การบริโภคอาหารนานาชนิดและการดื่มน้ำดื่ม เป็นผลให้มีการเพิ่ม/ลดของสารต่างๆ ที่เป็นส่วนประกอบของก้อนนิ่ว เช่น การกินอาหารพวกเครื่องในสัตว์ , ยอดผัก , สาหร่ายจะทำให้เกิดกรดยูริกได้ การกินอาหารจำพวกผักที่มีสารออกซาเลต เช่น ผักโขม ผักแพว หน่อไม้ ชะพลู ก็จะมีโอกาสเกิดนิ่วพวกออกซาเลต เด็กเล็กที่ขาดสารอาหารพวกโปรตีนจะเกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะมาก การขาดวิตามินเอ หรือได้รับวิตามินดีมากเกินไปก็ทำให้เกิดนิ่วได้
    อาชีพ ผู้ที่มีอาชีพเกษตรกรทำงานกลางแจ้ง ก็จะมีการเสียเหงื่อมาก ทำให้ปัสสาวะมีความเข้มข้นก็อาจมีการตกผลึกของสารละลายในน้ำปัสสาวะเกิดนิ่วได้ ผู้ที่มีรายได้ต่ำก็จะบริโภคอาหารจำพวกแป้งและผักมาก โปรตีนน้อย ทำให้เกิดนิ่วจำพวกออกซาเลตได้ง่าย ผิดกันกับผู้ที่มีรายได้สูงมีการบริโภคอาหารที่มีโปรตีน, ไขมันมากกว่าปกติ ทำให้เกิดเป็นนิ่วพวกกรดยูริกและนิ่วแคลเซียมสูง



นิ่วในไต
    ผู้ป่วยที่มีนิ่วในไตอาจจะไม่มีอาการอะไรเลยก็ได้ ถ้าหากมีอาการต่อไปนี้ก็ให้สงสัยว่าเป็นโรคไต ผู้ป่วยจะมีอาการปวดเอว ปัสสาวะขุ่น ปัสสาวะเป็นเลือด หรือสีน้ำล้างเนื้อ หากมีการอักเสบติดเชื้อร่วมด้วยก็จะมีไข้สูง หนาวสั่น ปัสสาวะเป็นหนองมีกลิ่นเหม็นคาว หากมีการอุดตันร่วมด้วยก็จะมีก้อนในท้องส่วนบนซ้ายหรือขวา หากมีนิ่วที่ไต 2 ข้างและประสิทธิภาพในการทำงานเสื่อมไป ผู้ป่วยก็จะมีอาการปัสสาวะน้อยลง บวม โลหิตจาง คลื่นไส้ อาเจียนผิวหนังแห้งคล้ำ และคัน ผู้ป่วยอาจจะซึม หรือไม่รู้สึกตัวถ้ามีของเสีย ค้างอยู่ในกระแสเลือดมาก

นิ่วในท่อไต
    ผู้ป่วยอาจจะมีอาการปวดเอว หรือปวดเป็นพักๆ ในข้างที่มีนิ่วข้างนั้นๆ อาจจะมีปวดร้าวมาท้องน้อย หน้าขา ถุงอัณฑะ หรือ แคมอวัยวะเพศหญิง หากนิ่วอยู่ในท่อไตส่วนล่างใกล้กระเพาะปัสสาวะ ผู้ป่วยก็จะมีอาการปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะขุ่น เป็นหนอง หากผู้ป่วยมีไตข้างเดียว หรือมีนิ่วในไตทั้ง 2 ข้าง ผู้ป่วยอาจจะไม่มีปัสสาวะออกมาเลย ผู้ป่วยอาจจะบวมน้ำ หอบ เหนื่อย ประสาทสับสน หรือไม่รู้สึกตัวได้

นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
    ส่วนมากผู้ป่วยจะมีอาการปวดปัสสาวะ ปัสสาวะขัด ปัสสาวะสะดุด ปัสสาวะขุ่น หรือปัสสาวะเป็นสีเลือดจาง เมื่อหยุดเบ่งผู้ป่วยก็จะได้ปัสสาวะออกมาได้ใหม่และเกิดอาการขึ้นมาอีก

นิ่วในท่อปัสสาวะ
    นิ่วในท่อปัสสาวะจะหลุดลงมาจากกระเพาะปัสสาวะเป็นส่วนใหญ่ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดขึ้นทันทีที่กำลังปัสสาวะไม่ออกมาเลยก็ได้ หากคลำดูตามท่อปัสสาวะก็จะคลำพบก้อนนิ่วแข็งๆ ได้

อาการแทรกซ้อน
    อาจทำให้เกิดการติดเชื้อกลายเป็นกรวยไตอักเสบ อาการ และถ้าปล่อยไว้นานๆ มีการติดเชื้อบ่อยๆ ก็ทำให้เนื้อไตเสียกลายเป็นไตวายเรื้อรังได้

การวินิจฉัย
    มักจะวินิจฉัยโดยการตรวจปัสสาวะ (พบมีเม็ดเลือดแดงจำนวนมาก) ตรวจเลือด เอกซเรย์ไตด้วยการฉีดสี (Intravenous Pyelogram หรือ IVP) และอาจตรวจพิเศษอื่นๆ ถ้าจำเป็น ถ้าก้อนนิ่วเล็กอาจหลุดออกมาได้เอง แต่ถ้าก้อนใหญ่อาจจะต้องผ่าตัดเอาออก

การรักษา
    การรักษาโดยเฝ้าดูจะติดตามโดยการตรวจปัสสาวะว่ามีการติดเชื้อหรือไม่ จะทำการติดตามโดย X-ray เป็นระยะดูการเปลี่ยนแปลง
    การรักษาโดยให้ยา นิ่วที่ได้ทำการวิเคราะห์ว่าเป็นนิ่วชนิดใดแล้วก็อาจให้ยาละลายนิ่วได้ นิ่วยูริกแอซิดก็ทำให้ยาทำให้ปัสสาวะเป็นด่างหรือร่วมให้ยาลดระดับยูริกเอซิด หรือซีสตีนในเลือดอาจให้ยาระงับความเจ็บปวดและยาปฏิชีวนะร่วมด้วย
    การรักษาโดยการผ่าตัดเอานิ่วออก เมื่อนิ่วมีขนาดใหญ่ไตมีการอักเสบไตโป่งพอง หรือไตไม่ทำงานแล้ว
    การรักษาโดยใช้เครื่องสลายนิ่วด้วยพลังเสียง (Extracorporeal shok wave lithotripsy/ESWL) เหมาะสำหรับนิ่วที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 3 ซม. และทางเดินปัสสาวะส่วนที่ต่ำกว่าไม่มีการตีบตัน เพื่อนิ่วที่สลายซึ่งมีขนาดเล็กลงสามารถผ่านปนมากับปัสสาวะได้
    การรักษาโดยใช้เครื่องส่องไตโดยผ่านท่อไต ใช้คลื่นเสียง Ultrasonic หรือ Laser ทำการสลายให้นิ่วมีขนาดเล็กลงแล้วคีบเอาออก

58
ทำความรู้จักกับ Modern Preppy
Modern Preppy เป็นสไตล์แฟชั่นที่นำกลิ่นอายความเนี้ยบและคลาสสิกของ เสื้อผ้าแฟชั่น Preppy มาปรับให้ทันสมัยและเหมาะกับยุคปัจจุบัน โดยมีการผสมผสานไอเทมร่วมสมัยเข้ากับลุคแบบนักเรียน Ivy League หรือการแต่งตัวแนวผู้ดีอังกฤษที่ดูภูมิฐานและเป็นระเบียบ



จุดเด่นของ Modern Preppy
1. การแมตช์เสื้อผ้าคลาสสิกกับความโมเดิร์น
เสื้อผ้าแฟชั่น อย่าง เสื้อโปโล เสื้อเชิ้ตคอปก กระโปรงเทนนิส กางเกงชิโน หรือเสื้อเบลเซอร์ที่เป็นไอเทมหลักของ Preppy ยังคงมีอยู่ แต่ถูกนำมาดีไซน์ใหม่ให้มีความสดใสมากขึ้น เช่น การใช้สีสันจัดจ้าน หรือการตัดเย็บที่มีความโฉบเฉี่ยว

2. ลวดลายและเท็กซ์เจอร์
ลายตาราง (Plaid), ลายทาง (Stripes) และลาย Argyle ยังคงเป็นหัวใจสำคัญ แต่เพิ่มลูกเล่นให้ดูทันสมัย เช่น การเล่นกับขนาดของลาย หรือการใช้สีที่โดดเด่น

3. สไตล์ที่เน้นความเรียบง่ายแต่ดูแพง
Modern Preppy ไม่เน้นความเยอะ แต่ให้ความรู้สึก "Less is More" เช่น แมตช์เบลเซอร์สีคลาสสิกกับกางเกงยีนส์ทรงตรง หรือเสื้อเชิ้ตเรียบๆ กับกระโปรงเทนนิส เพิ่มความลงตัวด้วยเครื่องประดับเล็กๆ

Modern Preppy ไม่ใช่แค่ เสื้อผ้าแฟชั่น แต่เป็นการแสดงออกถึงไลฟ์สไตล์และรสนิยมที่ผสมผสานระหว่างความคลาสสิกกับความทันสมัยได้อย่างลงตัว สถานที่ชอปปิงที่สามารถเติมเต็มทุกความต้องการด้าน เสื้อผ้าแฟชั่น shopping mall bangkok

59
จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ก๊อกอ่างล้างหน้าได้พัฒนาไปไกล ทั้งในด้าน เทคโนโลยี และ ดีไซน์ เพื่อรองรับความต้องการของผู้ใช้งานในยุคใหม่ ก๊อกอ่างล้างหน้าเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในห้องน้ำและเป็นส่วนหนึ่งของดีไซน์ที่ส่งผลต่อความรู้สึกและความสะดวกในการใช้งานในแต่ละวัน ปัจจุบันนวัตกรรมก๊อกอ่างล้างหน้ามีการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มฟังก์ชันการใช้งานและความสวยงาม เช่น ระบบเซนเซอร์แบบอัตโนมัติ ระบบประหยัดน้ำ และดีไซน์ที่ตอบโจทย์เทรนด์ทันสมัย บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับนวัตกรรมก๊อกอ่างล้างหน้ารูปแบบต่าง ๆ พร้อมเคล็ดลับเลือกใช้อย่างคุ้มค่า



นวัตกรรมก๊อกอ่างล้างหน้า รูปแบบใหม่ที่น่าสนใจ
1. ก๊อกอ่างล้างหน้าระบบเซนเซอร์อัตโนมัติ (Sensor Faucet) เป็นก๊อกน้ำที่เปิด-ปิดด้วยระบบเซ็นเซอร์โดยอัตโนมัติ ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องสัมผัสก๊อกโดยตรง ช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของเชื้อโรคและสิ่งสกปรก ก๊อกน้ำแบบนี้ช่วยประหยัดน้ำ และยังมีฟังก์ชันอื่น ๆ เช่น การหยุดน้ำอัตโนมัติเมื่อใช้งานเกินเวลาที่กำหนด
    ลักษณะ: เปิด-ปิดน้ำโดยไม่ต้องสัมผัส ช่วยลดการแพร่เชื้อโรคและประหยัดน้ำ
    ข้อดี: สะดวกและปลอดภัย เหมาะกับสถานที่สาธารณะหรือบ้านที่เน้นสุขอนามัย

2. ก๊อกอ่างล้างหน้าประหยัดน้ำ (Water-saving Faucet) มีคุณสมบัติในการจำกัดปริมาณน้ำที่ไหลออกมา เพื่อลดการใช้และช่วยประหยัดทรัพยากรน้ำ. นอกจากนี้ ก๊อกประหยัดน้ำยังมีคุณสมบัติอื่น ๆ เช่น การออกแบบที่ทนทานต่อการกัดกร่อน การเคลือบผิวที่ป้องกันรอยขีดข่วน และซีลยางที่ช่วยป้องกันการรั่วซึม
    ลักษณะ: ออกแบบให้ใช้น้ำในปริมาณน้อยลง แต่ยังคงประสิทธิภาพในการใช้งาน
    ข้อดี: ช่วยลดค่าใช้จ่ายน้ำและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

3. ก๊อกอ่างล้างหน้าดีไซน์โมเดิร์นและเรียบง่าย จะเน้นความสะอาดของเส้นสายและสีสันที่หลากหลาย เช่น สีขาว สีดำ สีเงิน หรือสีทอง นอกจากนี้ คุณสมบัติที่ควรมีก็คือ ทนทานต่อการกัดกร่อน ใช้งานง่าย และมีระบบป้องกันการรั่วซึม
    ลักษณะ: ดีไซน์ทันสมัย เน้นความเรียบง่ายดูสะอาดตา เหมาะกับห้องน้ำสไตล์โมเดิร์น
    ข้อดี: เพิ่มความหรูหราและดูแลรักษาง่าย ทำจากทองเหลืองหรือสเตนเลส 304 ซึ่งทนทานต่อการกัดกร่อนและมีอายุการใช้งานยาวนาน

4. ก๊อกอ่างล้างหน้ารุ่นปรับอุณหภูมิน้ำอัตโนมัติ (Automatic Temperature Mixer) คุณสมบัติหลักคือการควบคุมอุณหภูมิน้ำให้คงที่และปลอดภัยผ่านระบบเทอร์โมสตัทวาล์ว ที่ทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิของน้ำหล่อเย็นเครื่องยนต์ให้เหมาะสม โดยการเปิดหรือปิดวาล์วเพื่อให้น้ำหล่อเย็นมาระบายความร้อนที่หม้อน้ำ นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติอื่นๆ เช่น ดีไซน์ที่ทันสมัย ระบบป้องกันการเปิดน้ำร้อนเกินไป และตัวเรือนที่ทนทาน
    ลักษณะ: มีฟังก์ชันปรับอุณหภูมิน้ำอัตโนมัติ ช่วยให้ใช้งานสะดวกและง่ายขึ้น
    ข้อดี: การควบคุมอุณหภูมิน้ำอย่างแม่นยำช่วยลดการใช้พลังงานในการทำให้น้ำร้อนเกินความจำเป็น

เคล็ดลับเลือกใช้นวัตกรรมก๊อกอ่างล้างหน้าให้คุ้มค่า

    พิจารณาฟังก์ชันการใช้งาน
        เมื่อพิจารณาฟังก์ชันการใช้งานก๊อกอ่างล้างหน้า ควรคำนึงถึงความต้องการในการปรับอุณหภูมิน้ำ ความต้องการในแบบก๊อกเดี่ยวหรือก๊อกผสม และฟังก์ชันพิเศษ เช่น ก๊อกน้ำอัตโนมัติหรือก๊อกน้ำที่ประหยัดน้ำ นอกจากนี้ ควรเลือกขนาดและความสูงของก๊อกที่เหมาะสมกับอ่างล้างหน้า และวัสดุที่ทนทานและมีอายุการใช้งานยาวนาน

 เลือกดีไซน์ให้เข้ากับสไตล์ห้องน้ำ
        การเลือกดีไซน์ก๊อกอ่างล้างหน้าให้เข้ากับสไตล์ห้องน้ำสวยๆ เป็นเรื่องสำคัญที่ช่วยเสริมความสวยงาม และสร้างความกลมกลืนในห้องน้ำ ควรพิจารณาจากสไตล์ห้องน้ำที่ต้องการ เช่น สไตล์โมเดิร์น, คลาสสิก, หรือวินเทจ เพื่อเลือกก๊อกอ่างล้างหน้าที่มีดีไซน์ที่เข้ากับสไตล์นั้นๆ

    วัสดุและคุณภาพ
        ก๊อกอ่างล้างหน้าควรเลือกวัสดุคุณภาพสูง เช่น ทองเหลืองเคลือบโครเมียมหรือสแตนเลส 304 ก๊อกทองเหลืองทนต่อการกัดกร่อนได้ดี ส่วนสแตนเลส 304 ทนทานต่อการกัดกร่อนและทนต่อความร้อน ส่วนก๊อกน้ำที่เคลือบโครเมียมจะทนทานต่อสารเคมีและรอยขีดข่วน

60
   ลดสัดส่วน - ปัญหาโรคอ้วน น้ำหนักเกินค่ามาตรฐาน หรือ รูปร่างไม่ได้สัดส่วน ถือเป็นปัญหายอดฮิตในสังคมปัจจุบัน  เนื่องจากปัจจัยทั้งด้านชนิดของอาหาร ความสะดวกสบายในการสั่งมาส่ง รวมถึงลักษณะการทำงาน การเดินทางที่ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ไม่ว่างออกกำลังกาย และเงื่อนไขข้อจำกัดอื่นๆอีกมากมาย

   แต่รู้หรือไม่ว่า การมีน้ำหนักเกินค่ามาตรฐาน จะทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพตามมามากมาย เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคข้อเข่าเสื่อม ภาวะการหยุดหายใจขณะหลับ และโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ

   การประเมินว่า น้ำหนักของตัวเราเทียบส่วนสูงอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมหรือไม่ สามารถหาได้จาก ค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index: BMI) ซึ่งสามารถใช้คัดกรองเพื่อระบุผู้ที่มีน้ำหนักเกิน หรือภาวะอ้วนและผู้ที่มีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานในผู้ใหญ่ที่อายุ 20 ปีขึ้นไป

   วิธีการคำนวนค่า BMI =   น้ำหนักตัว (กิโลกรัม)  ÷  ส่วนสูง (เมตร)2
      เช่น สูง 168 cm หนัก 58kg มี BMI = 58 ÷ (1.68 x 1.68) = 20.549

สำหรับการแปลผลนั้น ค่า BMI ในช่วง 18.5 – 22.90 ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ แต่สำหรับคนเอเชีย ถ้าค่าBMI ตั้งแต่ 23 ขึ้นไป ถือว่าน้ำหนักเกินแล้ว ทั้งนี้อาจมีข้อยกเว้นในกรณีที่มีมวลกล้ามเนื้อมาก อาจทำให้ค่า BMI สูงกว่าเกณฑ์ แม้จะมีรูปร่างดี



การลดน้ำหนัก ≠ การลดสัดส่วน

   การลดน้ำหนัก คือ การเน้นไปที่การลดมวลไขมันทั่วทั้งตัว ไม่ได้เน้นไปที่การปรับส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายเป็นพิเศษ วิธีลดน้ำหนักที่ได้ผลเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปคือ การควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย โดยเฉพาะการออกกำลังกายแบบ cardio ซึ่งจะช่วยในการเผาผลาญพลังงาน เมื่อพลังงานที่ใช้ไปมากกว่าพลังงานจากอาหารที่ได้รับ ก็จะทำให้ร่างกายดึงเอาพลังงานสำรองที่เก็บอยู่ในรูปไขมันออกมาใช้ ทำให้น้ำหนักลดลง

   ในด้านของการลดสัดส่วนนั้น  จะมุ่งเน้นผลลัพธ์ไปที่รูปร่างและสัดส่วนเฉพาะที่ เช่น รอบเอว ต้นขา ต้นแขน หรือสะโพก โดยการลดสัดส่วนนั้นจะมีเป้าหมายเป็นการลดไขมันส่วนเกินของร่างกาย เพื่อให้เห็นสัดส่วนที่ดูกระชับสมส่วนมากขึ้น ขั้นตอนในการลดสัดส่วนนั้นมักจะซับซ้อนกว่าการลดน้ำหนัก เพราะจะต้องมีการออกกำลังกายแบบ weight training เฉพาะกล้ามเนื้อที่ต้องการให้ตรงจุด เพื่อเพิ่มมวลกล้ามเนื้อและลดไขมันเฉพาะที่

   สำหรับการลดสัดส่วนนั้น จึงนิยมใช้ทางลัดทางการแพทย์เพื่อแก้ไขปัญหานี้เป็นส่วนใหญ่ ได้แก่ การใช้ยาฉีดสลายไขมันเฉพาะจุด ซึ่งอาจทำให้ไขมันลดลง แต่มีปัญหาผิวย่อน ไม่กระชับ หรือการใช้เครื่องมือแพทย์เพื่อกระชับสัดส่วน แต่มักประสบปัญหาสามารถลดสัดส่วนได้ในช่วงแรก แต่ไม่สามารถคงผลลัพธ์นั้นไว้ได้ในระยะยาว

แล้วแพทย์แนะนำอย่างไร
   คลินิกสำหรับการลดสัดส่วนนั้น คุณหมอต้องได้ทำการวางโปรแกรมพิเศษเป็น signature servise เพื่อตอบโจทย์ทั้งในแง่การลดสัดส่วน กระชับผิว รวมไปถึงการสร้างกล้ามเนื้อเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการลดสัดส่วน และไม่เกิดการโยโย่ตามมา

   จึงมีการดีไซน์โปรแกรม Body Sculpt ซึ่งเป็นการใช้เครื่อง Exilis Ultra 360 ในการสลายไขมัน ควบคู่ไปกับการใช้เครื่อง Emsculpt เพื่อสร้างกล้ามเนื้อ ในพื้นที่เดียวกัน ทำให้เห็นผลลัพธ์ในการลดสัดส่วนได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

Exilis Ultra 360 คืออะไร?
   เป็นเทคโนโลยียกกระชับ ที่ใช้พลังงานคลื่นวิทยุ (Radio Frequency) ในการยกกระชับผิวในชั้นบน ร่วมกับ คลื่นเสียง (Ultrasound) ซึ่งช่วยสลายไขมันใต้ชั้นผิวหนัง จึงสามารถสลายไขมันไปพร้อมกับกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน  ช่วยแก้ไขปัญหาสำหรับผู้มีไขมันส่วนเกินเฉพาะจุดพร้อมกับการทำให้ผิวแน่นกระชับยิ่งขึ้น สามารถใช้ได้กับหลายพื้นที่ เช่น ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง รอบเอว สะโพก ปีกหลัง เป็นต้น 

    เครื่อง Exilis Ultra 360 ได้รับการรับรองจาก USFDA ว่ามีประสิทธิภาพในการลดไขมันเฉพาะจุด ช่วยกระชับผิว และลดเซลลูไลต์ได้ ตามที่มีงานวิจัยรับรอง
แล้ว Emsculpt คืออะไร?
   เครื่อง Emsculpt ใช้เทคโนโลยี HIFEM(High-Intensity Focused Electromagnetic) หรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความเข้มข้นสูง เป็นตัวช่วยในการสร้างกล้ามเนื้อ ส่งพลังงานเข้าไปเพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อให้เกิดการหดตัว เสมือนการออกกำลังกาย โดยจะกระตุ้นด้วยความถี่ที่สูงเกินกว่าสมองจะสั่งการได้ หรือที่เรียกว่าSupramaximal muscle contraction ซึ่งการใช้เครื่อง Emsculpt กระตุ้นกล้ามเนื้อนี้ สามารถทำให้เกิดการหดตัวของกล้ามเนื้อเลียนแบบการออกกำลังกายที่กล้ามเนื้อมัดนั้นได้ถึง 20,000 ครั้ง ภายใน 30 นาที ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพ เช่น หากเราใช้เครื่องกระตุ้นที่กล้ามเนื้อหน้าท้อง ก็เทียบเท่ากับเรา sit- up ไป 20,000 ครั้งในครึ่ง ชม เลยทีเดียว

   ซึ่งการใช้เครื่อง Emsculptกระตุ้นกล้ามเนื้อนี้ ผ่านการรับรองประสิทธิภาพและความปลอดภัยจาก USFDA ตามงานวิจัยพบว่า จะทำให้ร่างกายตอบสนองด้วยการสร้างมวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นประมาณ 20 % เลยทีเดียว และยังพบว่า เมื่อมวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น การเผาผลาญก็เพิ่มขึ้น จึงทำให้มวลไขมันในบริเวณดังกล่าว ลดลงไปประมาณ 20 % ด้วยเช่นกัน

โปรแกรม Body Sculpt จึงเป็นโปรแกรมพิเศษที่คุณหมอต้องแนะนำ ให้หนึ่งในตัวช่วยในการลดสัดส่วนเฉพาะจุด ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ ลดไขมัน และกระชับผิวไปพร้อมกัน เหมาะสำหรับวิถีชีวิตที่แสนยุ่งวุ่นวายในปัจจุบัน เพราะสามารถย่นระยะเวลาในการอกกำลังกายไปได้มาก อีกทั้งยังมีประโยชน์ ในคนที่มีข้อจำกัดในการออกกำลังกาย หรือมีปัญหาต้องการแก้ไขสัดส่วนเฉพาะจุด

61
ในยุคนี้ การวางแผนการเงินเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกคน การเลือกประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพที่เหมาะสมไม่ใช่แค่เรื่องความคุ้มครองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประกันที่สามารถช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินในอนาคต เช่น ประกันควบการลงทุน และประกันเพื่อการออมเงิน ซึ่งแต่ละแบบมีความแตกต่างกันอย่างไร? บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจเพื่อเลือกแผนที่เหมาะสมกับเป้าหมายทางการเงินของคุณ

ประกันควบการลงทุน (Unit-Linked Insurance) คืออะไร
    ความหมาย: เป็นประกันชีวิตที่ผสมผสานการคุ้มครองและการลงทุนในกองทุนต่าง ๆ โดยผู้เอาประกันสามารถเลือกลงทุนในกองทุนที่สนใจได้
    จุดเด่น: โอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน พร้อมความคุ้มครองชีวิตในกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ
    ข้อเสีย: ความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดทุน อาจมีผลตอบแทนไม่แน่นอน

ประกันเพื่อการออมเงิน (Endowment Insurance) คืออะไร
    ความหมาย: เป็นประกันชีวิตที่ออกแบบมาเพื่อสะสมเงินออมระยะยาว โดยจะจ่ายเงินคืนเมื่อครบกำหนดสัญญาหรือตอนเสียชีวิต
    จุดเด่น: เน้นความมั่นคงในการออมเงิน มีผลตอบแทนแน่นอนตามอัตราที่กำหนด
    ข้อเสีย: ผลตอบแทนต่ำกว่าการลงทุนในตลาดทุน แต่มีความเสี่ยงน้อยกว่า



ข้อดีและข้อเสีย
    ประกันควบการลงทุน
        ข้อดี: โอกาสรับผลตอบแทนสูง จากการลงทุนในตลาดทุน ลดหย่อนภาษีได้ตามกฎหมายกำหนด
        ข้อเสีย: ความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาด

    ประกันเพื่อการออมเงิน
        ข้อดี: ผลตอบแทนแน่นอน ปลอดภัย เน้นความมั่นคง ลดหย่อนภาษีได้
        ข้อเสีย: ผลตอบแทนต่ำกว่าแบบลงทุน ภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายต่อเนื่อง

เลือกประกันแบบไหนที่เหมาะกับคุณ
    ถ้าคุณมองหาโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงและรับความเสี่ยงได้ ควรพิจารณาประกันควบการลงทุน
    ถ้าคุณต้องการความปลอดภัยและผลตอบแทนแน่นอนในระยะยาว การเลือกประกันสะสมทรัพย์ เพื่อการออมเงินจะเป็นตัวเลือกที่ดี

การเลือกประกันควบการลงทุนหรือประกันเพื่อการออมเงินขึ้นอยู่กับเป้าหมายทางการเงินและความเสี่ยงที่คุณยอมรับ หากต้องการผลตอบแทนสูงและรับความเสี่ยงได้ ประกันควบการลงทุนเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แต่ถ้าคุณเน้นความมั่นคงและแน่นอนในผลตอบแทน ประกันเพื่อการออมเงินคือคำตอบที่เหมาะสมที่สุด
[/size]

62
ถ้าพูดถึงการวางแผนทางเงินแบบเบสิกแล้ว โดยทั่วไปหลายคนจะมีวิธีการออมเงินในรูปแบบการประกันชีวิต โดยการฝากเงินในรูปแบบการประกันชีวิต ซึ่งเป็นการวางแผนทางการเงินแบบความเสี่ยงต่ำ เพื่อรักษาเงินต้นไม่ให้หายไป แต่ก็ต้องยอมรับสิ่งที่ตามมาว่าเราจะได้รับผลตอบแทนที่น้อย ยิ่งปัจจุบันเป็นยุคที่มีอัตราดอกเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น แต่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ลดลงเรื่อยๆ แน่นอนว่าเราจำเป็นต้องมองหาแผนทางการเงินใหม่เพื่อที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดี ประกันออมทรัพย์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับพิจารณาในการวางแผน

เปลี่ยนเงินฝากมาเป็นประกันออมทรัพย์ หรือ ประกันสะสมทรัพย์ ดีกว่าอย่างไร
ก่อนอื่น เราจำเป็นต้องทำความรู้จักกับ ประกันออมทรัพย์ หรือ ประกันสะสมทรัพย์ กันก่อน ซึ่งประกันออมทรัพย์เป็นประกันอีกรูปแบบหนึ่ง ที่มีหลักการคือเน้นการสะสมเงิน (ออมเงินในรูปแบบการประกันชีวิต) พร้อมกับความคุ้มครองชีวิตเพิ่มขึ้นมา โดยเราจำเป็นต้องส่งเบี้ยประกันตามระยะเวลาที่กรมธรรม์ระบุไว้ เมื่อครบกำหนดประกันออมทรัพย์ก็จะจ่ายเงินคืนให้เรา ซึ่งการจ่ายเงินคืนนี้จะเป็นไปตามที่เราตกลง โดยทั่วไปแล้วจะมีการจ่ายคืนเป็นก้อน หรือจ่ายเงินคืนระหว่างทางตลอดสัญญา และในกรณีที่เราเสียชีวิตระหว่างที่ส่งกรมธรรม์ ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จะได้รับเงินก้อนที่เรียกว่า "จำนวนเงินเอาประกัน" ตามที่ระบุไว้ในกรรมธรรม์
ผลตอบแทนมากกว่า
ผลตอบแทนของประกันออมทรัพย์นั้นเราจำเป็นต้องดูจากผลประโยชน์เกี่ยวกับเงินปันผล เงินคืน และเงินครบกำหนดสัญญา ซึ่งถ้ามีการจ่ายคืนแบบ "คงที่" ตรงนี้เราสามารถคำนวณจำนวนเงินได้ทันที ซึ่งมีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ ดังนั้นประกันออมทรัพย์จึงเหมาะสำหรับใครที่มีเป้าหมายเพื่อออมเงินในรูปแบบการประกันชีวิต และทำประกันชีวิตไปพร้อมๆ กัน ซึ่งตรงนี้ให้ผลตอบแทนที่มากกว่าและตรงใจ



ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้
เงินที่ได้รับจากประกันออมทรัพย์นั้นจะไม่มีการเสียภาษีใดๆ นั่นหมายถึงเราจะได้รับเงินเต็มจำนวนเมื่อครบกำหนดสัญญาของประกันออมทรัพย์ ทั้งนี้ยังสามารถใช้สิทธิเพื่อลดหย่อนภาษีได้เมื่อประกันออมทรัพย์ที่มีอายุกรรมธรรม์และคุ้มครองมากกว่า 10 ปีขึ้นไป สามารถลดหย่อนภาษีเงินได้ส่วนบุคคลได้สูงสุดปีละ 100,000 บาท

ได้รับความคุ้มครองเพิ่ม
การวางแผนทางการเงินในรูปแบบประกันออมทรัพย์ นอกจากจะเป็นการสะสมทรัพย์แล้ว ยังมีการคุ้มครองชีวิตเพิ่มเข้ามาด้วย เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือไม่คาดฝันขึ้น ยังมีความคุ้มครองจากประกันออมทรัพย์ที่จะช่วยคุ้มครองดูแลเราและครอบครัว นอกจากนี้ยังสามารถซื้อประกันอื่นๆ เพิ่มเติมได้เช่น ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ โดยที่จะคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล รวมถึงเงินชดเชยรายได้ระหว่างการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล

ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน
การลงทุนในรูปแบบประกันออมทรัพย์ ถือเป็นการลงทุนระยะยาวและสม่ำเสมอ เป็นการสร้างวินัยในการออมในรูปแบบการประกันชีวิตได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อครบสัญญาตามกรมธรรม์ ผู้ที่ถือประกันจะได้รับผลตอบแทนและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ตามกำหนด นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในด้านการลงทุนหรือวางแผนอนาคตได้อย่างมั่นคง นั่นก็คือ สามารถกู้เงินในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำจากมูลค่าเวนคืนเงินสดตามกรมธรรม์ได้ ซึ่งเป็นข้อดีสำหรับใครที่ต้องการทำการลงทุน

การฝากเงินธรรมดาทั่วไปให้ผลตอบแทนที่น้อยมากในปัจจุบัน และยังต้องมีการเสียภาษี ซึ่งประกันเหมาจ่าย เป็นอีกหนึ่งทางเลือกทางเลือกที่ดี เพื่อเพิ่มเติมผลตอบแทนในระยะยาว และยังสามารถลดหย่อนภาษีได้ แน่นอนว่าข้อดีนี้เหมาะกับใครที่มีรายได้เข้าเกณฑ์เสียภาษี ที่สำคัญยังเหมาะสำหรับใครที่กำลังมองหาการคุ้มครองชีวิต สุขภาพ รวมถึงอุบัติเหตุ ไว้ให้กับตนเองและครอบครัวอีกด้วย

63
ห้องน้ำสวยๆเป็นพื้นที่สำคัญในบ้านที่ไม่เพียงแต่ใช้เพื่อความสะอาด แต่ยังเป็นสถานที่ที่สร้างบรรยากาศผ่อนคลายและความสุขในชีวิตประจำวัน การออกแบบห้องน้ำให้สวยงามและใช้งานได้อย่างลงตัวจึงเป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสำคัญ
แนวทางการแต่งห้องน้ำ รวมถึงอุปกรณ์ห้องน้ำที่ช่วยเสริมความสวยงามและความสะดวกสบาย

ไอเดียการตกแต่งห้องน้ำให้สวยงาม
    เลือกโทนสีที่เหมาะสม
        สีขาว คลาสสิก เพิ่มความรู้สึกสะอาดและกว้าง
        โทนสีเทา น้ำตาลอ่อน ให้ความรู้สึกอบอุ่นและโมเดิร์น
        สีพาสเทล เช่น ฟ้าอ่อน ชมพูอ่อน ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย

    เลือกเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ที่เข้ากัน
        เลือกเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า โต๊ะอาบน้ำ และชั้นวางของให้เข้าชุดกัน เพื่อความเป็นระเบียบและสวยงาม

    ใช้แสงไฟที่เหมาะสม
        เลือกไฟส่องสว่างแบบนุ่มนวล เสริมบรรยากาศผ่อนคลาย เพิ่มไฟ LED ที่ให้ความสว่างทั่วถึงและประหยัดพลังงาน

    ตกแต่งด้วยของตกแต่งเล็กๆ
        พรมเช็ดเท้า ตะกร้าหรือกล่องเก็บของ ตุ๊กตา หรือภาพศิลปะ เพื่อเพิ่มความน่ารักและความเป็นส่วนตัว



อุปกรณ์ห้องน้ำที่ควรมีเพื่อความสวยงามและใช้งานดี
    อ่างล้างหน้าสวยงามและใช้งานได้ดี
    ฝักบัวและอุปกรณ์ฝักบัวคุณภาพสูง
    กระจกเงาขนาดพอเหมาะ พร้อมกรอบดีไซน์สวยงาม
    ชั้นวางของและกล่องเก็บของ เพื่อความเป็นระเบียบ
    ที่แขวนผ้าเช็ดตัวและผ้าขนหนูอย่างเป็นระเบียบ
    อุปกรณ์อาบน้ำ เช่น สบู่ ฟองน้ำ แชมพู ครีมนวดผม

เคล็ดลับแต่งห้องน้ำให้ดูสวยงามและใช้งานได้ดี
    เลือกวัสดุที่ทนทานต่อความชื้น เช่น กระเบื้องเซรามิก กระเบื้องแก้ว หินอ่อนเทียม
    คำนึงถึงการระบายอากาศที่ดี เช่น ติดตั้งพัดลมดูดอากาศ เพื่อป้องกันกลิ่นและความชื้นสะสม
    จัดวางอุปกรณ์ให้เข้าถึงง่ายและดูเป็นระเบียบ
    เพิ่มต้นไม้เล็กๆ เพื่อความสดชื่นและสร้างบรรยากาศธรรมชาติ

การตกแต่งห้องน้ำให้สวยงามไม่ใช่เรื่องยาก เพียงใส่ใจเลือกอุปกรณ์ห้องน้ำ และไอเดียการตกแต่งให้เข้ากับสไตล์บ้านการมีห้องน้ำที่สวยงามและใช้งานได้อย่างลงตัวจะช่วยเพิ่มความสุขในชีวิตประจำวันและสร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือน
[/size]

64
ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจที่เป็นโรคร้ายแรงเกิดจากเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza virus) ซึ่งมีหลายสายพันธุ์ โดยสายพันธุ์หลัก ๆ ที่ก่อให้เกิดโรคในมนุษย์มีดังนี้

สายพันธุ์ของไข้หวัดใหญ่
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A: เป็นสายพันธุ์ที่พบได้บ่อยและมีความรุนแรงที่สุดมีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมได้ง่าย ทำให้เกิดสายพันธุ์ย่อยใหม่ ๆ อยู่เสมอ
สามารถพบได้ในสัตว์หลายชนิด เช่น นก สุกร และมนุษย์ ตัวอย่างสายพันธุ์ย่อยที่สำคัญ ได้แก่ H1N1 (ไข้หวัดใหญ่ 2009) และ H3N2

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B: พบได้เฉพาะในมนุษย์มีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมน้อยกว่าสายพันธุ์ A โดยทั่วไปมีความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์ A

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ C: พบได้น้อยกว่าสายพันธุ์ A และ B โดยทั่วไปมีอาการไม่รุนแรง คล้ายไข้หวัดธรรมดาไม่ค่อยก่อให้เกิดการระบาด



อาการของไข้หวัดใหญ่จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไปจะมีอาการดังนี้:
ไข้สูง, ปวดศีรษะ, ปวดเมื่อยตามตัว, เจ็บคอ, ไอ, คัดจมูก, อ่อนเพลีย

ความรุนแรงของโรคขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของไวรัสและสุขภาพของผู้ป่วย โดยผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน ได้แก่:
เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคปอด โรคหัวใจ หรือโรคเบาหวาน หญิงตั้งครรภ์

วิธีการรักษา
การรักษาตามอาการ:พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมาก ๆ ใช้ยาลดไข้และยาแก้ปวด ยาแก้ไอและยาแก้คัดจมูก

การรักษาด้วยยาต้านไวรัส:
ยาต้านไวรัส เช่น โอเซลทามิเวียร์ (Oseltamivir) และซานามิเวียร์ (Zanamivir) สามารถช่วยลดความรุนแรงของโรคและระยะเวลาการป่วยได้ ยาเหล่านี้ควรใช้ภายใน 48 ชั่วโมงหลังจากเริ่มมีอาการ
การป้องกัน:
การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพที่สุด การล้างมือบ่อย ๆ การหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยการปิดปากและจมูกเมื่อไอหรือจาม หากมีอาการรุนแรงหรือมีภาวะแทรกซ้อน ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

ค่ารักษาไข้หวัดใหญ่ในโรงพยาบาลเอกชนนั้นแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น
ความรุนแรงของอาการ: หากมีอาการรุนแรงหรือมีภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดอักเสบ ค่ารักษาจะสูงขึ้น
ระยะเวลาในการรักษา: หากต้องนอนโรงพยาบาลเป็นเวลานาน ค่ารักษาจะสูงขึ้น
โรงพยาบาล: โรงพยาบาลเอกชนแต่ละแห่งมีค่ารักษาที่แตกต่างกัน
การตรวจวินิจฉัย: การตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม เช่น การตรวจเลือด การเอกซเรย์ หรือการตรวจทางห้องปฏิบัติการ จะเพิ่มค่าใช้จ่าย
ยาและเวชภัณฑ์: ยาและเวชภัณฑ์ที่ใช้ในการรักษา จะมีผลต่อค่าใช้จ่าย
โดยทั่วไปแล้ว ค่ารักษาไข้หวัดใหญ่ในโรงพยาบาลเอกชนอาจมีค่าใช้จ่ายประมาณดังนี้:

ค่าตรวจผู้ป่วยนอก (OPD): ประมาณ 1,000 - 10,000 บาทต่อครั้ง
ค่ารักษาผู้ป่วยใน (IPD): ประมาณ 46,000 - 72,000 บาท ขึ้นไปต่อการนอนโรงพยาบาล 1 ครั้ง
ข้อควรทราบ
ค่ารักษาที่กล่าวมาเป็นเพียงค่าประมาณ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้
หากซื้อประกันออนไลน์ ควรตรวจสอบความคุ้มครองและเงื่อนไขกับบริษัทประกัน

คำแนะนำ
หากมีอาการไข้หวัดใหญ่ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษา การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพ
ควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง โดยการพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

65


    1. ความสูงที่เหมาะสม
    ควรเลือกใช้สุขภัณฑ์ที่มีความสูง 40-45 ซม. เพราะเหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นบุคคลทั่วไป เด็ก ผู้สูงอายุ ไปจนถึงผู้ที่ใช้วีลแชร์ เนื่องจากขณะใช้งานผู้ใช้งานจะนั่งลงบนโถสุขภัณฑ์ และเหยียบพื้นได้เต็มเท้าพอดี
    2. รูปทรงโถสุขภัณฑ์
    สำหรับรูปทรงโถสุขภัณฑ์ที่นั่งสบาย ควรเลือกใช้ทรงวงรี หรือทรงอีลองเกตที่เป็นทรงมาตรฐาน รองรับสรีระร่างกายได้อย่างเหมาะสม
    3. ระบบชำระล้าง
    ควรเลือกระบบชำระล้างที่ทำความสะอาดได้หมดจด ไม่เหลือคราบสิ่งสกปรกตกค้าง ซึ่งจะช่วยเรื่องการประหยัดน้ำได้โดยตรง เพราะในสุขภัณฑ์ที่ไม่มีคุณภาพ ทำให้ต้องกดชำระหลาย ๆ ครั้ง เป็นการสิ้นเปลืองน้ำโดยไม่จำเป็น ซึ่งเรื่องระบบชำระล้าง และความประหยัดน้ำ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณาคู่กัน
    4. เลือกสุขภัณฑ์ที่ดูแลง่าย
    เพราะสิ่งสกปรก เชื้อโรคและเชื้อไวรัสที่มองไม่เห็นนั้นมีอยู่ทุกที่ โดยเฉพาะบนโถชักโครก ดังนั้นควรเลือกชักโครกที่ทำความสะอาดง่าย สะอาดได้อย่างยาวนาน ไม่ต้องทำความสะอาดบ่อยครั้ง เพื่อปกป้องทุกคนในครอบครัวจากเชื้อโรค และลดการสัมผัสสารเคมีจากน้ำยาล้างห้องน้ำได้อีกด้วย
    5. เลือกแบรนด์ที่เป็นที่รู้จัก
    เพราะแบรนด์ที่มีชื่อเสียง จะช่วยให้เข้าถึงข้อมูลการใช้งานได้มากขึ้น รวมถึงยังได้รับบริการที่มีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นการให้คำปรึกษาด้านการเลือกซื้อ ไปจนถึงบริการติดตั้ง และบริการหลังการขายที่ครอบคลุม จึงช่วยให้มั่นใจได้ว่าจะได้เครื่องสขภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ใช้งานได้อย่างยาวนาน



ประเภทโถสุขภัณฑ์ห้องน้ำของ
    1. โถสุขภัณฑ์ชิ้นเดียว
    มีจุดเด่นอยู่ที่ดีไซน์และทำความสะอาดง่าย เนื่องจากโถส้วมถูกเชื่อมกับถังพักน้ำแบบไร้รอยต่อ ช่วยให้ติดตั้งและทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น
    2. โถสุขภัณฑ์แบบสองชิ้น
    โถชักโครกประเภทนี้ จะมีรอยต่อระหว่างตัวโถส้วมและถังพักน้ำ ซึ่งหากถังพักน้ำมีความเสียหาย มีรอยร้าว ก็สามารถเปลี่ยนอะไหล่เฉพาะส่วนได้โดยง่าย
    3. โถสุขภัณฑ์แขวนผนัง
    การติดตั้งโถแบบนี้จะช่วยให้ง่ายต่อการทำความสะอาดเป็นพิเศษ เพราะโถชักโครกไม่อยู่ติดกับพื้นแต่จะแขวนอยู่กับผนังแทน ดังนั้นผนังบ้านต้องรับน้ำหนักได้ดี และมีระยะท่อตามที่กำหนดไว้อย่างได้มาตรฐาน จึงจะสามารถติดตั้งได้
    4. โถสุขภัณฑ์ตั้งพื้น
    โถลักษณะนี้จะมีหม้อน้ำซ่อนผนังหรือใช้ฟลัชวาล์วซ่อนผนัง สามารถรับน้ำหนักได้มากเพราะมีฐานที่มั่นคง อีกทั้งการที่ไม่เห็นถังพักน้ำ ยังช่วยทำให้ห้องน้ำของคุณดูโดดเด่น มีสไตล์มากยิ่งขึ้น

จุดเด่นของโถสุขภัณฑ์ห้องน้ำ
สิ่งสำคัญที่สุดของโถสุขภัณฑ์ คือความสะอาด หากไม่ทำความสะอาดเป็นประจำ อาจก่อให้เกิดคราบสกปรก จนกลายเป็นแหล่งรวมเชื้อโรคและแบคทีเรียชนิดต่าง ๆ ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้ใช้งานได้ ด้วยเหตุนี้ จึงได้พัฒนาสาร CEFIONTECT ซึ่งเป็นสารชนิดพิเศษที่ทำให้ผิวอุปกรณ์ชักโครกเรียบลื่น ทำความสะอาดง่าย ช่วยลดความถี่ในการทำความสะอาด และลดการใช้น้ำยาล้างห้องน้ำ ซึ่งถือเป็นการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย

นอกจากความสะอาดแล้ว สิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการประหยัดน้ำจึงได้พัฒนาระบบชำระล้างที่เรียกว่า TORNADO FLUSH โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการชำระล้างด้วยกระแสน้ำที่แรง และหมุนวนครบ 360 องศา ทำให้โถสุขภัณฑ์สะอาดทั่วทุกทิศทางด้วยปริมาณน้ำที่น้อยลง โดยสุขภัณฑ์ใช้น้ำน้อยที่สุดเพียง 3.8 ลิตรเท่านั้น ถือเป็นตัวช่วยประหยัดน้ำและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

[/size]

66
ถ้าพูดถึงการวางแผนทางเงินแบบเบสิกแล้ว โดยทั่วไปหลายคนจะมีวิธีการออมเงินในรูปแบบการประกันชีวิต โดยการฝากเงินในรูปแบบการประกันชีวิต ซึ่งเป็นการวางแผนทางการเงินแบบความเสี่ยงต่ำ เพื่อรักษาเงินต้นไม่ให้หายไป แต่ก็ต้องยอมรับสิ่งที่ตามมาว่าเราจะได้รับผลตอบแทนที่น้อย ยิ่งปัจจุบันเป็นยุคที่มีอัตราดอกเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น แต่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ลดลงเรื่อยๆ แน่นอนว่าเราจำเป็นต้องมองหาแผนทางการเงินใหม่เพื่อที่จะได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น อย่างไรก็ดี ประกันออมทรัพย์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับพิจารณาในการวางแผน

เปลี่ยนเงินฝากมาเป็นประกันออมทรัพย์ หรือ ประกันสะสมทรัพย์ ดีกว่าอย่างไร
ก่อนอื่น เราจำเป็นต้องทำความรู้จักกับ ประกันออมทรัพย์ หรือ ประกันสะสมทรัพย์ กันก่อน ซึ่งประกันออมทรัพย์เป็นประกันอีกรูปแบบหนึ่ง ที่มีหลักการคือเน้นการสะสมเงิน (ออมเงินในรูปแบบการประกันชีวิต) พร้อมกับความคุ้มครองชีวิตเพิ่มขึ้นมา โดยเราจำเป็นต้องส่งเบี้ยประกันตามระยะเวลาที่กรมธรรม์ระบุไว้ เมื่อครบกำหนดประกันออมทรัพย์ก็จะจ่ายเงินคืนให้เรา ซึ่งการจ่ายเงินคืนนี้จะเป็นไปตามที่เราตกลง โดยทั่วไปแล้วจะมีการจ่ายคืนเป็นก้อน หรือจ่ายเงินคืนระหว่างทางตลอดสัญญา และในกรณีที่เราเสียชีวิตระหว่างที่ส่งกรมธรรม์ ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จะได้รับเงินก้อนที่เรียกว่า "จำนวนเงินเอาประกัน" ตามที่ระบุไว้ในกรรมธรรม์
ผลตอบแทนมากกว่า
ผลตอบแทนของประกันออมทรัพย์นั้นเราจำเป็นต้องดูจากผลประโยชน์เกี่ยวกับเงินปันผล เงินคืน และเงินครบกำหนดสัญญา ซึ่งถ้ามีการจ่ายคืนแบบ "คงที่" ตรงนี้เราสามารถคำนวณจำนวนเงินได้ทันที ซึ่งมีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ ดังนั้นประกันออมทรัพย์จึงเหมาะสำหรับใครที่มีเป้าหมายเพื่อออมเงินในรูปแบบการประกันชีวิต และทำประกันชีวิตไปพร้อมๆ กัน ซึ่งตรงนี้ให้ผลตอบแทนที่มากกว่าและตรงใจ



ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้
เงินที่ได้รับจากประกันออมทรัพย์นั้นจะไม่มีการเสียภาษีใดๆ นั่นหมายถึงเราจะได้รับเงินเต็มจำนวนเมื่อครบกำหนดสัญญาของประกันออมทรัพย์ ทั้งนี้ยังสามารถใช้สิทธิเพื่อลดหย่อนภาษีได้เมื่อประกันออมทรัพย์ที่มีอายุกรรมธรรม์และคุ้มครองมากกว่า 10 ปีขึ้นไป สามารถลดหย่อนภาษีเงินได้ส่วนบุคคลได้สูงสุดปีละ 100,000 บาท

ได้รับความคุ้มครองเพิ่ม
การวางแผนทางการเงินในรูปแบบประกันออมทรัพย์ นอกจากจะเป็นการสะสมทรัพย์แล้ว ยังมีการคุ้มครองชีวิตเพิ่มเข้ามาด้วย เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือไม่คาดฝันขึ้น ยังมีความคุ้มครองจากประกันออมทรัพย์ที่จะช่วยคุ้มครองดูแลเราและครอบครัว นอกจากนี้ยังสามารถซื้อประกันอื่นๆ เพิ่มเติมได้เช่น ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ โดยที่จะคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล รวมถึงเงินชดเชยรายได้ระหว่างการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล

ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน
การลงทุนในรูปแบบประกันออมทรัพย์ ถือเป็นการลงทุนระยะยาวและสม่ำเสมอ เป็นการสร้างวินัยในการออมในรูปแบบการประกันชีวิตได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อครบสัญญาตามกรมธรรม์ ผู้ที่ถือประกันจะได้รับผลตอบแทนและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ตามกำหนด นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในด้านการลงทุนหรือวางแผนอนาคตได้อย่างมั่นคง นั่นก็คือ สามารถกู้เงินในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำจากมูลค่าเวนคืนเงินสดตามกรมธรรม์ได้ ซึ่งเป็นข้อดีสำหรับใครที่ต้องการทำการลงทุน

การฝากเงินธรรมดาทั่วไปให้ผลตอบแทนที่น้อยมากในปัจจุบัน และยังต้องมีการเสียภาษี ซึ่งประกันเหมาจ่าย เป็นอีกหนึ่งทางเลือกทางเลือกที่ดี เพื่อเพิ่มเติมผลตอบแทนในระยะยาว และยังสามารถลดหย่อนภาษีได้ แน่นอนว่าข้อดีนี้เหมาะกับใครที่มีรายได้เข้าเกณฑ์เสียภาษี ที่สำคัญยังเหมาะสำหรับใครที่กำลังมองหาการคุ้มครองชีวิต สุขภาพ รวมถึงอุบัติเหตุ ไว้ให้กับตนเองและครอบครัวอีกด้วย

67
ปัญหาฝักบัวน้ำไม่แรงสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยแต่ละสาเหตุมีวิธีการแก้ไขที่แตกต่างกันไป ก๊อกฝักบัว แบบไหนดี เพื่อให้น้ำไหลได้แรงดั่งใจอีกครั้ง ฝักบัวน้ำไม่แรง เป็นหนึ่งในปัญหาที่คอยกวนใจใครหลาย ๆ คนอยู่เป็นประจำ เวลาอาบน้ำ ทำให้คุณไม่สามารถใช้งานฝักบัวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ หากคุณกำลังมองหาสาเหตุและวิธีแก้ไขเพื่อให้น้ำไหลแรงได้ดั่งใจ



5 สาเหตุของฝักบัวน้ำไม่แรงและวิธีการแก้ไข
1. สิ่งสกปรกอุดตันฝักบัว
หากคุณใช้งานฝักบัวมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง แล้วเกิดปัญหาน้ำไม่แรงขึ้น อาจมีสาเหตุมาจากการอุดตันของคราบสกปรกหรือตะกอนต่าง ๆ ที่ปนเปื้อนมากับน้ำ ซึ่งมักจะฝังตัวอยู่ในบริเวณหัวฝักบัว สายยาง และท่อทางเดินน้ำ ทำให้น้ำฝักบัวไหลไม่แรงเท่าที่ควร

วิธีแก้ไข
ถ้าปัญหาฝักบัวน้ำไม่แรงเกิดจากสาเหตุข้างต้นนี้ล่ะก็ วิธีการแก้ไขในเบื้องต้น คือ ให้ถอดฝักบัวมาทำความสะอาด หากมีสิ่งอุดตันไม่มาก ให้ล้างด้วยน้ำสะอาด แต่หากมีสิ่งอุดตันติดแน่นมาก ให้ใช้น้ำยาแช่เอาไว้ หรืออาจจะแช่ด้วยน้ำส้มสายชูผสมกับน้ำเปล่า แล้วจึงใช้แปรงขัดออก ก็จะช่วยขจัดสิ่งที่อุดตันให้หายไปได้
 
2. แรงดันน้ำไม่มากพอ
สาเหตุหลัก ๆ อีกอย่างที่ทำให้ก๊อกฝักบัวน้ำไม่แรง คือ ปัญหาแรงดันน้ำที่เบาเกินไป รวมถึงขนาดปั๊มน้ำที่ขนาดเล็กและไม่เพียงพอต่อการใช้งานในบ้าน ส่งผลให้น้ำที่ไหลออกมาเบา หลาย ๆ บ้านเกิดปัญหานี้ในช่วงเวลาที่มีการเปิดน้ำพร้อมกันทีเดียวหลายจุด

วิธีแก้ไข
วิธีแก้ปัญหานี้ต้องใช้ผู้ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ เข้ามาตรวจเช็ครายละเอียดของปั๊มน้ำ ซึ่งเราต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมพอดีกับบ้าน ทั้งจำนวนชั้น จำนวนสมาชิก และจุดที่สามารถเปิดใช้น้ำด้วย เพื่อให้มีแรงดันน้ำที่เพียงพอกับการใช้งาน และทำให้คุณได้ใช้ฝักบัวที่น้ำไหลแรงดั่งใจต้องการ
 
3. เครื่องทำน้ำอุ่นชำรุด
อีกหนึ่งสาเหตุที่หลายคนคาดไม่ถึง คือ การเกิดปัญหากับเครื่องทำน้ำอุ่นที่เกิดการชำรุด แล้วส่งผลให้น้ำฝักบัวไม่แรง โดยส่วนใหญ่ที่พบเจอนั้น เป็นการรั่วซึมของหม้อทำน้ำอุ่น ซึ่งทำให้น้ำที่จะไหลไปยังฝักบัวรั่วซึมออกมาและเบาลงนั่นเอง บางครั้งอาจเกิดจากเครื่องทำน้ำอุ่นที่ไม่ได้ชำรุด แต่เกิดคราบตะกรันสะสมที่ฟิลเตอร์ตัวกรองสิ่งสรกปกอุดตัน เป็นเหตุให้น้ำไหลเบาได้เช่นกัน

วิธีแก้ไข
ส่วนวิธีการแก้ไข ทำได้โดยการเช็คฟิลเตอร์ตัวกรองและทำความสะอาดเบื้องต้นก่อน ถ้าทำความสะอาดแล้ว น้ําของฝักบัวยังไหลเบาอยู่ จึงค่อยทำการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนเครื่องทำอุ่นใหม่ ก็จะหมดปัญหาไปในทันที แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าปัญหาจะไม่กลับมาอีก หากคุณไม่หมั่นตรวจเช็คเครื่องทำน้ำอุ่นอย่างเป็นประจำ อาจทำให้ฝักบัวน้ำไม่แรงอีกได้อย่างแน่นอน นอกจากนี้หากยังใช้งานเครื่องทำน้ำอุ่นที่ชำรุดต่อไป อาจก่อให้เกิดอันตรายอื่น ๆ ตามมาได้อีกด้วย

 
4. ระบบกรองน้ำมากเกินไป
การมีระบบกรองน้ำหลายชั้นมีข้อดีอย่างหนึ่ง คือ ช่วยให้คุณได้ใช้น้ำที่ได้สะอาด ปลอดภัย และกรองสิ่งปรกออกไปให้มากที่สุด แต่ข้อเสียที่อาจจะตามมา คือ ทำให้เกิดปัญหาน้ำฝักบัวไหลเบา เนื่องจากน้ำต้องไหลผ่านการกรองหลายชั้นมากเกินไป ซึ่งคุณคงจะไม่ชอบปัญหานี้แน่ ๆ

วิธีแก้ไข
และปัญหานี้สามารถแก้ได้จากเลือกใช้ฝักบัวที่มีระบบกรองน้ำเพียง 1-2 ชั้น หรือลดชั้นกรองให้น้อยลงไปจากฝักบัวเดิมที่ใช้อยู่ เพื่อให้น้ำได้ไหลผ่านระบบกรองเร็วขึ้น เป็นการช่วยปรับให้น้ำฝักบัวไหลแรงมากขึ้นด้วย
 


5. ฝักบัวไม่มีคุณภาพ
หลายครั้งปัญหาเกิดขึ้นจากคุณภาพของฝักบัวอาบน้ำที่ไม่ได้มาตรฐาน  ทั้งจากวัสดุใช้ที่ไม่มีคุณภาพในการผลิต รวมถึงไม่ได้ออกแบบให้ตอบโจทย์การใช้งานที่ต้องการน้ำไหลแรงนั่นเอง


68
ริ้วรอย คือ สภาพของผิวซึ่งมีรอยพับเป็นเส้น เป็นร่องบนผิวหนัง โดยธรรมชาติแล้ว คนเราจะเริ่มมีริ้วรอยเพิ่มมากขึ้นตามวัย เพราะเกิดจากโครงสร้างของผิวเสื่อมสภาพตามอายุที่เพิ่มขึ้น ช่วงอายุแตกต่างกันไปตามลักษณะพันธุกรรม การดูแลผิว และพฤติกรรมในการใช้ชีวิต ผู้ที่พักผ่อนน้อย ดูแลสุขภาพไม่ดี มีเรื่องเครียด ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ หรือตากแดดโดยไม่ป้องกันผิว ก็อาจจะเกิดริ้วรอยก่อนวัยได้ง่ายกว่าคนในวัยเดียวกันที่ใส่ใจดูแลผิวและสุขภาพ

   เมื่อเริ่มเกิดริ้วรอยขึ้นแล้ว หากปล่อยทิ้งไว้ไม่ดูแลรักษา ริ้วรอยต่าง ๆ ก็มักจะพัฒนาต่อเนื่องจากตื้น จนกลายเป็นร่องลึกและเห็นเป็นริ้วรอยถาวร แก้ไขได้ลำบากในที่สุด



ริ้วรอยแบ่งเป็นชนิดไหนได้บ้าง และวิธีแก้ไข
ริ้วรอยที่เป็นร่องตื้น ๆ (fine lines, rhytids)
   เป็นริ้วรอยที่มักเกิดในบริเวณที่ผิวเริ่มเสื่อมสภาพ ขาดcollagen และ elastin มักพบในพื้นที่ที่ผิวบอบบาง ขาดการบำรุง มีความชุ่มชื้นไม่เพียงพอ เช่น บริเวณรอบดวงตา ริมฝีปาก
   การแก้ไข มักใช้เครื่องมือทางการแพทย์เพื่อ rejuvenation ทำทรีตเม้นต์เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น รวมไปถึงการใช้ตัวยา เช่น hydrodelux, exosome เพื่อกระตุ้นการสร้าง collagen

ริ้วรอยจากการแสดงสีหน้า (dynamic lines)
   เป็นริ้วรอยที่เกิดขึ้นเมื่อมีการแสดงสีหน้า เกิดจากการขยับของกล้ามเนื้อบนใบหน้า เช่น การขมวดคิ้ว เลิกหน้าผาก ซึ่งเมื่อมีการขยับซ้ำ ๆ ทำบ่อย ๆ ก็จะทำให้ผิวหนังชั้นบนที่ถูกพับตามรอยกล้ามเนื้อถูกเร่งให้เสื่อมสภาพได้ง่าย และสามารถพัฒนาไปเป็นริ้วรอยถาวรได้
   การแก้ไข ทำได้โดยการใช้ Botulinum Toxin (BOTOX) เพื่อช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อในบริเวณที่มีปัญหา ทำให้กล้ามเนื้อขยับได้น้อยลงในตำแหน่งที่เหมาะสม

ริ้วรอยถาวร (static lines)
   เป็นริ้วรอยที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของผิวหนัง เป็นส่วนที่มี collagen และ elastin ในผิวลดน้อยลง ขาดความยืดหยุ่น ทำให้มองเห็นเป็นเส้นร่องลึก เห็นได้ชัดเจนโดยไม่ต้องแสดงสีหน้า
   แก้ไขโดยการใช้เครื่องมือแพทย์เพื่อช่วยในการฟื้นฟูคุณภาพผิว เน้นไปที่ผิวบน เช่น การใช้ Needle RF ร่วมกับตัวยาที่ช่วยกระตุ้นการสร้าง collagenในการรักษา

ริ้วรอยร่องพับ (folds)
   เป็นริ้วรอยที่เกิดจากความหย่อนคล้อยของผิวบนใบหน้า ทำให้ผิวหย่อนลงมาจนเกิดร่องพับ เช่น ร่องแก้ม ร่องข้างมุมปาก
   แก้ไขโดยใช้เครื่องมือแพทย์เพื่อยกกระชับหน้า ทำให้ผิวที่หย่อนคล้อยมีความแน่น และยกโครงสร้างหน้าให้ดีขึ้น อาจใช้ควบคู่กับการปรับรูปหน้าด้วย filler เพื่อแก้ไขปัญหาร่องพับที่ลึกมาก

การป้องกัน
1.   ใช้ครีมบำรุงผิวที่เน้นให้ความชุ่มชื้นอย่างสม่ำเสมอ ป้องกันไม่ให้ผิวแห้ง เพราะผิวที่ขาดน้ำจะเกิดริ้วรอยได้ง่ายกว่า
2.   ทาครีมกันแดด เมื่อต้องเผชิญกับรังสี UV เนื่องจาก ในแสงแดดและแสงจ้าจากไฟ spotlight มีรังสี UVA ซึ่งจะทำลายทำให้เซลล์เราเสื่อมสภาพได้ง่าย
3.   งดการสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะยิ่งทำให้ผิวขาดน้ำ และมีสารอนุมูลอิสระที่เร่งให้เกิดความเสื่อมของเซลล์ได้ง่าย
4.   พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง เข้านอนเป็นเวลา เพื่อให้ hormone ที่ช่วยยับยั่งความชรา สร้างและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
5.   ทานอาหาร หรือsupplement ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์


69
หากเราวางแผนชีวิตไว้ดีเช่นไร ในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤตกับสภาพเศรษฐกิจในครอบครัว ปัญหาหนึ่งคือการขาดสภาพคล่องจำนวนเงินและภาระค่าใช้ต่างๆ หากวันหนึ่งประสบปัญหาทางการเงินจนทำให้จ่ายค่าเบี้ยประกันสุขภาพไม่ไหว ทางเลือกต่อไปนี้จะช่วยให้เรายังคงได้รับความคุ้มครองตามสัญญาประกันชีวิต (ขึ้นอยู่กับประเภทและเงื่อนไขของกรมธรรม์) แม้เงื่อนไขอาจต้องเปลี่ยนแปลงไปบ้างสำหรับบางกรณี

1. ชำระเบี้ยประกันในระยะเวลาผ่อนผัน
   ผู้ซื้อประกันชีวิตหลายคนไม่ทราบข้อกำหนดเรื่องระยะเวลาผ่อนผันการชำระเบี้ย 31 วัน นับตั้งแต่วันที่ครบกำหนดชำระเบี้ย ดังนั้น  หากถึงกำหนดชำระแล้วยังมีเงินไม่เพียงพอ  แต่จะสามารถหาเงินมาได้ครบจำนวนทันเวลาดังกล่าว การเลื่อนชำระตามกำหนดมาเป็นช่วงระยะเวลาผ่อนผันก็นับเป็นวิธีแก้ไขปัญหาที่ดี ซึ่งในระหว่างระยะเวลาผ่อนผันกรมธรรม์ยังคงมีผลบังคับ และถ้าระหว่างนั้นเราเสียชีวิต บริษัทจะหักเบี้ยประกันที่ยังไม่ได้จ่ายออกจากทุนประกันชีวิต สิ่งสำคัญคือ ต้องระวังไม่ปล่อยให้พ้นระยะเวลาผ่อนผันถ้าเลยเวลาแล้ว แต่กรมธรรม์ยังมีมูลค่าเวนคืน (คือ เมื่อชำระเบี้ยประกันตั้งแต่ 2 หรือ 3 ปี ขึ้นไป)  กรมธรรม์จะมี “มูลค่าเวนคืน” เป็นจำนวนเงินตามจำนวนที่กำหนดไว้ในตารางมูลค่ากรมธรรม์ ซึ่งเราสามารถขอยกเลิกกรมธรรม์เพื่อรับเงินค่าเวนคืนจากบริษัทได้ แต่จะทำให้ความคุ้มครองทั้งหมดสิ้นสุดลง) บริษัทจะนำมูลค่าเวนคืนมาใช้ในการแก้ไขปัญหาการไม่ชำระเบี้ยประกันของเรา เช่น เปลี่ยนเป็นกรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จหรือเป็นกรมธรรม์แบบขยายเวลาตามข้อ 5 หรือชำระเบี้ยอัตโนมัติตามข้อ 6 ที่จะ กล่าวถึงต่อไป แต่ถ้ากรมธรรม์ไม่มีมูลค่าเวนคืน กรมธรรม์จะขาดอายุและสิ้นผลบังคับ



2. ขอเปลี่ยนงวดการชำระเบี้ยประกัน
   หากประเมินสถานการณ์แล้วว่า จะหาเงินก้อนมาชำระค่าเบี้ยรายปีไม่ทันระยะเวลาผ่อนผันตามข้อ 1 
หรือเก็บเงินก้อนไม่สำเร็จ แต่ยังคงมีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ การเปลี่ยนจากชำระเงินคราวเดียวเป็นก้อนใหญ่รายปี (ราย 12 เดือน) มาเป็นแบ่งชำระ
ทุกเดือน ทุก 3 เดือน หรือ 6 เดือน ก็อาจเป็นทางออกให้เรา แต่วิธีนี้มีข้อเสียคือค่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายเมื่อรวมทุกงวดในรอบปีเดียวกันจะสูงกว่า
การชำระ เบี้ยเป็นรายปี ยิ่งแบ่งงวดการชำระมากเท่าไหร่ ค่าเบี้ยประกันโดยรวมจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย จึงควรไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจเปลี่ยนงวดการชำระ

3. ลดจำนวนเงินเอาประกันภัยลง
          หากมองไปในอนาคตแล้วเห็นว่าเบี้ยประกันที่จ่ายอยู่จะเป็นภาระที่มากเกินไปในระยะยาวหรือเห็นว่าจะชำระไม่ไหว การลดจำนวนเงินเอาประกันลงก็จะช่วยให้เบี้ยประกันที่ต้องจ่ายลดลง โดยจำนวนเงินเอาประกันที่ขอลดต้องไม่ต่ำกว่าทุนประกันขั้นต่ำที่กำหนด และต้องไม่มีหนี้กับบริษัทประกันชีวิตนั้นขณะขอลดทุนประกัน

4. เปลี่ยนแบบกรมธรรม์
          เราสามารถขอเปลี่ยนแบบประกันภัยเป็นแบบอื่นตามที่บริษัทกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขไว้ หากมีระบุไว้ในกรมธรรม์หรือได้รับความเห็นชอบจากบริษัท และหากมีส่วนต่างของเบี้ยประกันหรือเงินค่าเวนคืนกรมธรรม์ บริษัทจะคืนเงินให้หลังหักด้วยหนี้สินที่มี หรือเก็บเงินเพิ่มแล้วแต่กรณี แต่ต้องไม่ลืมที่จะพิจารณาก่อนว่าประกันแบบใหม่นั้นตรงตามความต้องการของตัวเองหรือไม่

5. เปลี่ยนเป็น “กรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จ” หรือเป็น “กรมธรรม์แบบขยายเวลา”
          หากคิดแล้วว่าจากนี้ไปจะต้องตัดรายจ่ายค่าเบี้ยประกันออกอย่างถาวรหรือไม่สามารถชำระได้อีก แต่ได้ชำระเบี้ยประกันจนมีมูลค่าเวนคืนกรมธรรม์และกรมธรรม์ยังมีผลบังคับ เรามีสิทธิขอเปลี่ยนเป็นกรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จหรือเป็นกรมธรรม์แบบขยายเวลา สำหรับทั้ง 2 วิธีนี้ ผู้เอาประกันจะไม่ต้องชำระเบี้ยประกันอีกต่อไป แต่ความคุ้มครองของสัญญาเพิ่มเติมที่แนบท้ายกรมธรรม์ก็จะสิ้นสุดลง ซึ่งบริษัทจะนำค่าเวนคืนกรมธรรม์มาคำนวณเป็นเบี้ยประกันภัยชำระครั้งเดียวเพื่อซื้อกรมธรรม์ใหม่ ได้ 2 แบบที่เหมาะกับเรา คือ (1) ระยะเวลาเท่าเดิมแต่เงินเอาประกันลด เรียกว่ากรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จ หรือ (2) เงินเอาประกันเท่าเดิม ระยะเวลาลด เรียกว่ากรมธรรม์ขยายเวลา (คือขยายเวลาต่อไปจากวันที่ใช้สิทธิ ตามจำนวนปีและวันที่ระบุ)

6. นำมูลค่าเวนคืนมาชำระเบี้ยประกันภัยโดยอัตโนมัติ
          เมื่อถึงกำหนดวันสิ้นสุดระยะเวลาผ่อนผันชำระเบี้ยประกัน แล้วยังไม่ได้จ่ายเบี้ยประกัน และไม่ได้ใช้สิทธิตามข้อ 5 บริษัทจะนำมูลค่าเวนคืนในกรมธรรม์มาชำระเบี้ยประกันโดยอัตโนมัติในลักษณะของการกู้ยืม ซึ่งคิดดอกเบี้ยทบต้นในอัตราดอกเบี้ยที่ระบุในกรมธรรม์และบวกเพิ่มดอกเบี้ยอีกร้อยละ 2 ต่อปี โดยมีเงื่อนไขว่าถ้ามูลค่าเวนคืนเพียงพอจ่ายเบี้ยประกัน บริษัทจะกู้ยืมไปเรื่อย ๆ ทุกปี จนกว่ามูลค่าจะเหลือไม่พอ แต่ถ้ามูลค่าเวนคืนไม่พอจ่ายเบี้ยประกัน บริษัทจะแปลงกรมธรรม์เดิมเป็น “กรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จ” หรือ “กรมธรรม์แบบขยายเวลา” (ข้อ 5) โดยอัตโนมัติ ส่วนการชำระคืนเงินกู้นั้น สามารถนำเงินมาจ่ายคืนได้ภายหลังพร้อมดอกเบี้ยตามที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์
[/size]

70
ห้องน้ำสมัยใหม่ไม่ใช่แค่สถานที่ใช้สำหรับทำธุระส่วนตัวแล้วออกไปเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่ที่ช่วยให้เราสามารถเริ่มต้นและจบวันด้วยความรู้สึกดี ซึ่งหมายความว่าห้องน้ำไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของการใช้งานเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงความสะดวกสบายและความสวยงาม การเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสมจึงสามารถช่วยเสริมทั้งสองด้านนี้ได้ และในบรรดาอุปกรณ์เหล่านี้ อ่างล้างหน้าห้องน้ำก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง มีอ่างล้างหน้าห้องน้ำหลายประเภท ซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อดีเฉพาะด้านในเรื่องของสไตล์และการใช้งาน

    1.อ่างล้างหน้าติดผนัง (Wall-Hung Basins)
    เหมาะสำหรับ: ห้องน้ำสมัยใหม่ขนาดกะทัดรัด ที่ต้องการใช้พื้นที่บนพื้นให้มากที่สุด
อ่างล้างหน้าติดผนังจะถูกติดตั้งโดยตรงกับผนัง ทำให้พื้นด้านล่างว่างเปล่า การออกแบบนี้ไม่เพียงแต่ให้ลุคที่ดูเรียบหรูและร่วมสมัย แต่ยังช่วยเพิ่มพื้นที่ว่างด้านล่างให้สามารถใช้งานได้ดีขึ้น อ่างล้างหน้าประเภทนี้เหมาะกับห้องน้ำขนาดเล็กหรือห้องแต่งตัวที่มีพื้นที่จำกัด นอกจากนี้ ยังเป็นอุปกรณ์ที่สามารถปรับใช้ร่วมกับเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ได้หลากหลาย หรือใช้เป็นชิ้นเดียวก็ได้ขึ้นอยู่กับพื้นที่และความชอบของแต่ละคน

    2.อ่างล้างหน้าบนเคาน์เตอร์ (Countertop Basins)
    เหมาะสำหรับ: ห้องน้ำที่มีพื้นที่เคาน์เตอร์กว้าง มักพบในห้องน้ำขนาดใหญ่หรือห้องน้ำหลัก
วางอยู่บนตู้เฟอร์นิเจอร์หรือเคาน์เตอร์ อ่างล้างหน้าประเภทนี้มีชื่อเสียงในด้านความสวยงามและความทันสมัย เป็นจุดศูนย์กลางที่น่ามองในห้องน้ำ มีหลายรูปทรงและวัสดุให้เลือก ทำให้สามารถปรับแต่งให้เข้ากับสไตล์และรสนิยมได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ ยังมีความยืดหยุ่นในการติดตั้ง เข้ากันได้ดีกับเฟอร์นิเจอร์ห้องน้ำหลากหลายแบบ



    3.อ่างล้างหน้าแบบฝังใต้เคาน์เตอร์ (Undercounter Basins)
    เหมาะสำหรับ: ห้องน้ำที่ต้องการความเรียบเนียนและสะอาดเป็นพิเศษ
อ่างล้างหน้าประเภทนี้มักติดตั้งใต้เคาน์เตอร์เพื่อให้ได้รูปลักษณ์ที่เรียบเสมอกันและไร้รอยต่อ อ่างจะมองไม่เห็นจากด้านบน เหลือไว้เพียงขอบและภายในเท่านั้น เป็นตัวเลือกยอดนิยมในกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบความมินิมอลและความเรียบร้อย อ่างล้างหน้าประเภทนี้ง่ายต่อการทำความสะอาดและดูแลรักษา ช่วยเสริมความเรียบร้อยและความสวยงามให้กับดีไซน์ห้องน้ำ

    4.อ่างล้างหน้าฝังครึ่งเคาน์เตอร์ (Semi-Recessed Basins)
    เหมาะสำหรับ: ห้องน้ำที่มีพื้นที่จำกัดแต่ยังต้องการความสวยงามของอ่างบนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า
อ่างล้างหน้าฝังครึ่งเคาน์เตอร์เป็นการผสมผสานระหว่างอ่างบนเคาน์เตอร์และอ่างแบบติดตั้งเข้าไปในเคาน์เตอร์ บางส่วนของอ่างจะตั้งอยู่บนพื้นผิวเคาน์เตอร์ โดยส่วนหน้าของอ่างจะยื่นออกมานอกขอบ การออกแบบนี้ให้ประโยชน์ของอ่างบนเคาน์เตอร์ในขณะที่ช่วยประหยัดพื้นที่บนเคาน์เตอร์ เป็นทางเลือกที่ดีในห้องน้ำที่มีข้อจำกัดด้านพื้นที่ แต่ยังคงต้องการความสวยงามและความสะดวกในการใช้งาน

    5.อ่างล้างหน้าแบบขาตั้ง (Pedestal Sinks)
    เหมาะสำหรับ: การออกแบบห้องน้ำแบบคลาสสิกและดั้งเดิมที่พบได้ในบ้านเก่า
อ่างล้างหน้าประเภทนี้ประกอบด้วยอ่างที่ติดตั้งบนแท่นเสา ซึ่งช่วยสร้างลุคคลาสสิกและไม่มีวันตกยุคได้อย่างลงตัว กระบอกเสาช่วยซ่อนท่อน้ำและสายไฟ ทำให้ห้องน้ำดูเรียบร้อยและสวยงาม มีดีไซน์ที่หลากหลาย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มความวินเทจหรือความคลาสสิกให้กับห้องน้ำ

การเลือกใช้อ่างล้างหน้าที่เหมาะสมสามารถเพิ่มความสวยงามและความสะดวกสบายให้กับห้องน้ำได้อย่างมาก ลองพิจารณาเลือกตามพื้นที่และสไตล์ที่ต้องการ เพื่อสร้างห้องน้ำในแบบที่เป็นตัวเองที่สุด


71
ผิวหน้ามีริ้วรอย หย่อนคล้อยเป็นสัญญาณแห่งวัยที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะชะลอและฟื้นฟู สาเหตุของผิวหน้าหย่อนคล้อยคืออะไร และมีวิธีบำรุงรักษาอย่างไรให้ผิวกลับมาดูอ่อนเยาว์อีกครั้ง
เมื่อกาลเวลาผ่านไป สัญญาณแห่งวัยก็เริ่มปรากฏขึ้น หนึ่งในปัญหาที่สร้างความกังวลใจให้กับหลายๆ คนคือ "ผิวหน้าหย่อนคล้อย" ไม่ว่าจะเป็นแก้มที่ดูไม่กระชับ คางสองชั้นที่เริ่มเห็นชัด หรือริ้วรอยที่ปรากฏตามจุดต่างๆ ปัญหาเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อความมั่นใจและภาพลักษณ์โดยรวม

ผิวหน้าหย่อนคล้อยเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ทั้งที่ควบคุมได้และควบคุมไม่ได้ ดังนี้:
    อายุที่เพิ่มขึ้น: เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินได้น้อยลง ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญที่ช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและกระชับ
    แสงแดด: รังสี UV จากแสงแดดทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
    การแสดงสีหน้าซ้ำๆ: การยิ้ม ขมวดคิ้ว หรือหรี่ตาซ้ำๆ เป็นเวลานาน ทำให้เกิดริ้วรอยร่องลึกและผิวหย่อนคล้อยได้
    การสูบบุหรี่: สารนิโคตินในบุหรี่ทำลายคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวดูแก่กว่าวัย
    การลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว: การสูญเสียน้ำหนักอย่างรวดเร็วอาจทำให้ผิวไม่มีเวลาปรับตัว ทำให้เกิดความหย่อนคล้อย
    พันธุกรรม: บางคนอาจมีแนวโน้มที่จะมีผิวหย่อนคล้อยเร็วกว่าคนอื่นเนื่องจากพันธุกรรม



วิธีบำรุงรักษาและชะลอผิวหน้าหย่อนคล้อย
แม้ว่าเราจะไม่สามารถหยุดยั้งกระบวนการชราตามธรรมชาติได้ แต่เราสามารถชะลอและฟื้นฟูยกกระชับหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้นได้ด้วยวิธีการบำรุงที่ถูกต้องและสม่ำเสมอ:

    การดูแลผิวด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสม:
        ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์ (Retinoids): ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ลดริ้วรอย และปรับสภาพผิว
        ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซี (Vitamin C): เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
        ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid): ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ดูอิ่มฟู และลดริ้วรอยตื้นๆ
        ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเปปไทด์ (Peptides): ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น
        ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของไนอะซินาไมด์ (Niacinamide): ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว ลดการอักเสบ และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ

ทางเลือกอื่นๆ สำหรับการยกกระชับผิว (ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ):
หากปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อยมีความรุนแรง และการบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ อาจพิจารณาทางเลือกอื่นๆ ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่คลินิก เช่น:
    การทำเลเซอร์ยกกระชับ: เลเซอร์บางชนิดสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับผิวได้
    การทำอัลตราซาวด์ยกกระชับ (Ultrasound Lifting): เป็นการใช้พลังงานอัลตราซาวด์เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวที่ลึกขึ้น
    การทำคลื่นวิทยุ (Radiofrequency - RF): เป็นการใช้พลังงานคลื่นวิทยุเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับผิว
    การฉีดฟิลเลอร์ (Fillers): ใช้เพื่อเติมเต็มริ้วรอยร่องลึก และช่วยยกกระชับผิวในบางบริเวณ
    การร้อยไหม (Thread Lifting): เป็นการใช้ไหมทางการแพทย์สอดเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อยกกระชับผิว
    การผ่าตัดดึงหน้า (Facelift Surgery): เป็นวิธีการที่ให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุด แต่ก็มีความเสี่ยงและระยะเวลาพักฟื้นที่ยาวนานกว่า

72
ประกันออนไลน์ การวางแผนชีวิตและการวางแผนด้านสุขภาพของคนในสังคมปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การดูแลสุขภาพการกิน การออกกำลังกาย ไปจนถึงการสร้างหลักประกันให้สุขภาพ แต่ก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว
ถ้าใครได้เข้ามาอ่านบทความนี้ มาเปลี่ยน 5 ความเชื่อเดิมๆ เป็นการสร้างแนวคิดใหม่เกี่ยวกับการทำประกันสุขภาพกัน

มาเริ่มกันที่ความเชื่อแรก “แข็งแรงอยู่แล้ว ไม่ต้องทำประกันสุขภาพ”
เป็นความเชื่อที่ผิดอย่างมาก เพราะความเป็นจริงคนที่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีประวัติการเจ็บป่วย จะได้รับการพิจารณาจากบริษัทประกันได้ง่ายกว่า แต่ในทางกลับกันหากเรามีสุขภาพที่ไม่แข็งแรงและเคยเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลด้วยโรคต่างๆ บริษัทประกันอาจนำข้อมูลส่วนนี้มาพิจารณาเพิ่มเติม ทำให้การทำประกันนั้นยากขึ้น หรือ อาจจะไม่รับไปกันเลยก็ได้



ความเชื่อที่สอง “ประกันสวัสดิการที่ได้จากบริษัท เพียงพอแล้ว”
อย่าพึ่งชะล่าใจไปค่ะ เนื่องจากแต่ละบริษัทมีมาตรการความคุ้มครองสุขภาพของพนักงานที่แตกต่างกันออกไป บางที่ให้การคุ้มครองรอบด้าน แต่บางองค์กรนั้น อาจมีความคุ้มครองที่ไม่ครอบคลุม หรือเพียงพอกับค่ารักษาพยาบาล และต้องไม่ลืมว่าเราไม่ได้ทำงานที่นั้นตลอดไป อีกทั้งการเจ็บป่วยสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรละเลยการพิจารณาการทำประกันแบบส่วนบุคคลติดตัวไว้

ความเชื่อที่สาม “อายุยังน้อย ประกันไม่จำเป็น”
ในขณะที่เราอายุยังไม่มากนัก มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงจึงคิดว่าการทำประกันเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น ทั้งที่ความเป็นจริงการทำประกันคือการบริหารความเสี่ยงในทุกๆ ด้านที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะยิ่งอายุมากความเสี่ยงก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งการทำประกันในขณะที่อายุยังน้อยมีข้อได้เปรียบสูง ทั้งค่าเบี้ยที่ถูกกว่าคนทำประกันในอายุที่มากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้มีเงินสำรองในการรักษาพยาบาลยามฉุกเฉินในอนาคตได้

ความเชื่อที่สี่ “ไม่จำเป็นต้องทำประกันบำนาญ” 
รู้หรือไม่ว่าการมีทางเลือกของแผนประกันบำนาญเป็นเรื่องที่เราควรเตรียมความพร้อมไว้ตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อให้มีค่าใช้จ่ายไว้ดูแลตัวเองในยามที่เกษียณอายุ อีกทั้งหากเราเริ่มทำประกันบำนาญตั้งแต่เนิ่นๆ นอกจากจะชำระเบี้ยในอัตราที่น้อยกว่า ยังอาจเป็นหนึ่งทางเลือกดีๆ ให้เกษียณอายุก่อนกำหนดได้อีกด้วย นอกจากจะได้เก็บเงินเพื่ออนาคตของคุณแล้ว ประกันบำนาญยังลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 300,000 บาทอีกด้วย

ความเชื่อที่ห้า “โรคร้ายแรงเป็นเรื่องไกลตัว”
อันนี้คิดผิดคิดใหม่ได้เลย เพราะทุกวันนี้โลกเราเต็มไปด้วยสารเคมีและมลภาวะอันก่อให้เกิดโรคร้ายไม่ว่าจะเป็น  โรคมะเร็ง โรคปอด โรคหัวใจ และอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้นโรคร้ายล้วนเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเป็นอย่างมาก เราไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายที่เคยแข็งแรง ดังนั้นการมีประกันสุขภาพไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ จึงเป็นเรื่องที่ดีที่สุดเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่คุณไม่อาจคาดเดาได้ ประกันสุขภาพที่ไหนดี

จากเหตุการณ์การแพร่ระบาดของเชื่อไวรัสต่างๆที่ผ่านมา ก็ทำให้คุณมองเห็นในส่วนหนึ่งแล้วว่า โรคภัยต่างๆไม่ได้อยู่ไกลตัวคุณเลย รวมถึงการเจ็บป่วย สถิติของผู้ป่วยโรคร้ายที่สูงขึ้นในแต่ละวัน ประกันชีวิตและประกันสุขภาพจึงมีความจำเป็นอย่างมากในปัจจุบันและอนาคตของคุณ ประกันชีวิตและประกันสุขภาพมีหลากหลายรูปแบบที่ออกมาให้คุณได้เลือกทำตรงตามความต้องการของคุณได้อีกด้วย


73
ช่วงนี้อากาศร้อนมาก เรามาช่วยกันรักโลกให้มากขึ้นกันเถอะ ใครมีไอเทมรักษ์โลกเด็ด ๆ ปัง ๆ อยากป้ายยาคอมเมนต์เสนอไอเทมมาเลย



ในยุคที่เราเผชิญกับปัญหาภาวะโลกร้อน การช่วยเหลือโลกและดูแลสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่สำคัญและเราทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ง่ายๆ ผ่านการใช้ไอเทมรักษ์โลก ที่ไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นการส่งเสริมวิถีชีวิตที่ยั่งยืนด้วย.

1. ถุงผ้า
การใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติกเป็นหนึ่งในวิธีง่ายๆ ที่ช่วยลดขยะพลาสติกในสภาพแวดล้อมได้มาก ถุงผ้ามักมีความทนทานและสามารถใช้งานได้ซ้ำหลายครั้ง นอกจากนี้ยังเป็นการลดการผลิตถุงพลาสติกซึ่งเป็นต้นเหตุของมลพิษที่จะทำให้โลกร้อนขึ้น

2. ขวดน้ำรีฟิล
การเปลี่ยนจากการซื้อน้ำดื่มบรรจุขวดมาใช้ขวดน้ำแบบรีฟิล ช่วยลดการใช้พลาสติกขวดเดียวทิ้ง นอกจากนี้ยังเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว คุณสามารถเติมน้ำจากที่บ้านหรือสถานที่ที่มีน้ำสะอาดได้ตลอดเวลา

3. ไฟ LED
การเปลี่ยนหลอดไฟจากหลอดไส้หรือลอดฟลูออเรสเซนต์มาเป็นไฟ LED ช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่า 80% นั่นหมายถึงการลดการใช้พลังงานจากแหล่งที่ผลิตพลังงานที่มักมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

4. แผ่นทำความเย็นจากธรรมชาติ
สำหรับผู้ที่ต้องการคงความเย็นภายในบ้านในช่วงฤดูร้อน การใช้แผ่นทำความเย็นจากธรรมชาติ เช่น แผ่นหวายหรือแผ่นเซรามิค สามารถลดการใช้เครื่องปรับอากาศได้ ช่วยประหยัดไฟฟ้าและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

5. สินค้าจากวัสดุรีไซเคิล
การเลือกซื้อสินค้าที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลไม่เพียงแต่ช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ แต่ยังเป็นการสนับสนุนการผลิตที่ยั่งยืน เช่น กระดาษรีไซเคิล หรือตู้เย็นที่ทำจากวัสดุยั่งยืน


74
หากพูดถึงการซื้อประกัน คงฟังดูเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อน ไหนจะการเลือกแผนประกัน ไหนจะต้องพิจารณาค่าเบี้ย แล้วไหนจะเงื่อนไขมากมายที่ต้องทำความเข้าใจ จึงไม่แปลกที่หลายคนจะยังไม่ตกลงปลงใจที่จะซื้อประกันชีวิต เสียชีวิตทุกกรณี ประกันสุขภาพ หรือ ประกันอุบัติเหตุ ให้กับตัวเองสักที
แต่หากพูดถึงความสำคัญแล้ว การมีประกันก็เหมือนการมีแผนสำรองที่ดีในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดต่างๆ เช่น อุบัติเหตุร้ายแรง โรคภัยไข้เจ็บที่อาจจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว และถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนทุกเพศทุกวัย ตราบใดที่คุณไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันพรุ่งนี้

เทคนิคการเลือกซื้อประกัน ด้วยการพิจารณาความเหมาะสมตามช่วงวัย
วันนี้เราจึงขอแนะนำ เทคนิคการเลือกซื้อประกันสำหรับทุกวัย พิจารณาความเหมาะสมตามช่วงวัย พร้อมข้อมูลที่จะช่วยให้คุณสามารถเลือกแผนประกันที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของตัวเอง และคนรอบตัวที่คุณรักอีกด้วย

ประกันสำหรับ วัยเด็ก (0 - 20 ปี)
    ในช่วงวัยนี้ประกันที่ตอบโจทย์มากที่สุดคือ ประกันสุขภาพ และ ประกันอุบัติเหตุ เพราะคุณคงถือเป็นวัยรุ่น วัยใส วัยบ้าบิ่น ที่คุณพ่อคุณแม่รู้สึกเป็นกังวลเป็นพิเศษ ทั้งปัญหาการเจ็บป่วย และอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน ดังนั้นการเลือกซื้อประกันสุขภาพควบคู่ไปกับประกันอุบัติเหตุ ก็จะช่วยให้คุณกล้าออกไปเผชิญโลกกว้าง เรียนรู้การใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ และช่วยทำให้คนทางบ้านที่เป็นห่วงคุณอยู่รู้สึกอุ่นใจมากยิ่งขึ้น
 


ประกันสำหรับ วัยเริ่มทำงาน (21 - 30 ปี)
    แน่นอนว่าช่วงวัยทำงานตอนต้น (First Jobber) สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการสร้างเนื้อสร้างตัว เพื่อให้มีฐานะที่มั่นคงในอนาคต ดังนั้นจึงควรเลือก ประกันออมทรัพย์ และ ประกันอุบัติเหตุ เพราะจะเป็นผู้ช่วยที่ดีในการวางแผนการใช้จ่าย ช่วยให้คุณสามารถเก็บเงินก้อนได้ตามเป้าหมาย และ ยังมีประกันอุบัติเหตุที่จะช่วยดูแลค่ารักษาพยาบาลเมื่อเจ็บป่วย และยังมีค่าชดเชยต่างๆ อีกมากมาย

ประกันสำหรับ วัยสร้างครอบครัวและมีบุตร (31 - 50 ปี)
    เป็นช่วงวัยที่คุณเริ่มมีคนสำคัญในชีวิตให้ต้องดูแล การสร้างครอบครัวและวางแผนจะมีเจ้าตัวน้อยก็คงต้องมีการเตรียมความพร้อมไว้อย่างดี ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ หรือ ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา จึงเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์มากที่สุด เพราะเป็นประกันที่เบี้ยไม่สูง และคุ้มครองตามระยะเวลาที่สามารถเลือกได้ เป็นอีกหนึ่งแผนสำรองหากเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นกับคุณ ก็ไม่ต้องกังวลว่าคนที่อยู่ข้างหลังจะต้องลำบาก

 ประกันสำหรับ วัยเกษียณ (51 ปีขึ้นไป)
    ผู้สูงอายุในวัยเกษียณ เป็นวัยที่อาจมีความเสี่ยงสูงที่จะต้องเจอกับโรคภัยไข้เจ็บมากที่สุด การมีประกันสุขภาพผู้สูงอายุ ที่ครอบคลุมโรคยอดฮิตรวมถึงโรคร้ายแรง และ วงเงินการคุ้มครองคุ้มค่า ก็จะช่วยให้คุณป้องกันความเสี่ยง และยังสามารถสนุกกับการใช้ชีวิตและอยู่กับคนในครอบครัวได้อย่างอุ่นใจ

ถึงแม้ว่าในแต่ละช่วงวัยจะมีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาก็คืออุบัติเหตุในชีวิตประจำวัน ดังนั้นการมีประกันอุบัติเหตุคู่ใจที่จะช่วยดูแลความยุ่งยากต่างๆ ทั้งคุ้มครองคุ้มค่าและชดเชยเต็มที่ ก็นับเป็นสิ่งที่จำเป็นกับคนทุกวัยด้วยเช่นกัน


75
ในยุคปัจจุบัน การดูแลสุขภาพกำลังเป็นสิ่งที่ทุกคนให้ความสำคัญ เนื่องจากโรคภัยไข้เจ็บสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา การซื้อประกันสุขภาพจึงกลายเป็นทางเลือกที่เหมาะสมและจำเป็นสำหรับผู้คนหลายคนในปัจจุบัน ไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับการซื้อประกันสุขภาพ และเหตุผลที่ควรพิจารณาในการทำประกันสุขภาพให้กับตัวเองและครอบครัว

1. ทำไมต้องซื้อประกันสุขภาพ

การซื้อประกันสุขภาพช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุดเมื่อเจ็บป่วย โดยประกันสุขภาพจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งปัจจุบันค่ารักษาพยาบาลมีแนวโน้มที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีเหตุผลอื่น ๆ ที่ควรพิจารณา ได้แก่:

    การดูแลสุขภาพที่ดี: คุณจะได้รับการเข้าถึงการรักษาที่ทันท่วงทีและมีคุณภาพ
    ลดหย่อนภาษี: ค่าเบี้ยประกันสุขภาพสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ ช่วยให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
    ความสบายใจ: ทำให้คุณมีความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล




2. ประเภทของประกันสุขภาพ

การประกันสุขภาพมีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทอาจมีข้อกำหนดและความคุ้มครองที่แตกต่างกัน ดังนี้

    ประกันสุขภาพแบบรายปี: ให้ความคุ้มครองในระยะเวลาหนึ่งปี สามารถต่ออายุได้
    ประกันสุขภาพแบบตลอดชีพ: มีความคุ้มครองระยะยาว โดยไม่จำกัดอายุ
    ประกันสุขภาพผู้ป่วยใน: คุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาเมื่อผู้เอาประกันต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
    ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก: คุ้มครองค่าใช้จ่ายในการรักษาที่ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล เช่น ค่าหมอ ค่ายา

3. การเลือกซื้อประกันสุขภาพ

เมื่อคุณตัดสินใจที่จะทำประกันสุขภาพ มีข้อควรพิจารณาเพื่อให้คุณได้รับความคุ้มครองที่ตรงตามความต้องการ

    ตรวจสอบความคุ้มครอง: ควรอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับความคุ้มครองที่ประกันนั้นๆ ให้ หากมีการดูแลค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคเฉพาะหรือบริการเสริม เช่น ฟิตเนสก็อาจทำให้ดีขึ้น
    เปรียบเทียบเบี้ยประกัน: เบี้ยประกันในแต่ละบริษัทอาจแตกต่างกัน ควรเปรียบเทียบราคาและความคุ้มครอง
    ตรวจสอบเงื่อนไข: อ่านเงื่อนไขและข้อยกเว้นของประกัน เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะได้รับความคุ้มครองตามที่ต้องการ
    บริการและเครือข่ายของโรงพยาบาล: ตรวจสอบว่าประกันสุขภาพที่เลือกมีเครือข่ายโรงพยาบาลที่สะดวกและเพียงพอสำหรับคุณ

ประกันสุขภาพที่ไหนดีการซื้อประกันสุขภาพเป็นการลงทุนที่สำคัญเพื่อปกป้องสุขภาพของคุณและครอบครัว ไม่ว่าคุณจะเป็นคนทำงาน หรือเป็นเพียงคนที่ต้องการมีสุขภาพดี ประกันสุขภาพจะช่วยให้คุณมีความมั่นใจในชีวิตประจำวัน เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณมีความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับการซื้อประกันสุขภาพ และช่วยให้คุณตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น

76
ในบ้านของเรา วาล์วฝักบัว และ ก๊อกน้ำ เป็นอุปกรณ์ที่มีบทบาทสำคัญในการใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งในการอาบน้ำ การล้างมือ และการทำความสะอาดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับน้ำ
การทำงานของอุปกรณ์เหล่านี้มีความสำคัญในการควบคุมการไหลของน้ำ เพื่อให้เราได้รับความสะดวกสบายและความปลอดภัยที่ดีที่สุด

หน้าที่หลักของก๊อกฝักบัว
1. การควบคุมน้ำไหล
วาล์วฝักบัวทำหน้าที่ควบคุมการไหลของน้ำผ่านฝักบัว น้ำร้อนไหลและน้ำเย็นสามารถถูกควบคุมได้ตามต้องการ ซึ่งช่วยให้เราสามารถอาบน้ำอย่างสะดวกสบาย
2. ระบบการผสมอุณหภูมิ
วาล์วฝักบัวที่มีคุณภาพจะมีระบบการผสมอุณหภูมิที่ทำให้ผู้ใช้งานได้รับอุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสม โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนบ่อยๆ
3. ความปลอดภัย
การใช้วาล์วฝักบัวที่มีระบบป้องกันน้ำร้อนเกินไปจะช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกน้ำร้อนทำให้เกิดบาดแผล



หน้าที่ของก๊อกน้ำ
1. จ่ายน้ำตามต้องการ
ก๊อกน้ำทำหน้าที่ในการจ่ายน้ำได้อย่างรวดเร็วและสะดวก โดยสามารถเปิด-ปิดได้ง่ายตามต้องการ
2. ประหยัดน้ำ
ก๊อกน้ำที่มีคุณภาพมักมีเทคโนโลยีที่ช่วยในการประหยัดน้ำ ไม่ให้มีการใช้น้ำที่สูญเสียไปโดยใช่เหตุ ทำให้คุณสามารถลดค่าใช้จ่ายในบิลน้ำได้
3. การออกแบบที่ใช้งานง่าย
ก๊อกน้ำมีหลากหลายรูปแบบและการออกแบบที่ใช้งานง่าย ทำให้เข้ากับการใช้งานในแต่ละบ้านและสไตล์การตกแต่ง

หน้าที่ของก๊อกฝักบัว
1. ความสะดวกสบายในการอาบน้ำ
ก๊อกฝักบัวจะช่วยให้การอาบน้ำทำได้อย่างสะดวก โดยน้ำสามารถไหลได้อย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว
2. ประสิทธิภาพในการทำความสะอาด
ก๊อกฝักบัวมีการกระจายของน้ำที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาด ทำให้คุณสามารถล้างสบู่และแชมพูได้อย่างง่ายดาย
3. การติดตั้งที่ยืดหยุ่น
ก๊อกฝักบัวมักถูกออกแบบให้สามารถติดตั้งได้ง่ายและมีหลากหลายรูปแบบ รวมถึงการปรับความสูงตามต้องการ เพื่อให้เหมาะสมกับทุกคนในครอบครัว

วาล์วฝักบัว ก๊อกน้ำ และก๊อกฝักบัวมีหน้าที่สำคัญในการทำให้ชีวิตประจำวันของเราสะดวกสบายและปลอดภัย การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพจะช่วยให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการใช้งาน
คำแนะนำในการเลือกซื้อ
    ตรวจสอบคุณภาพ - ควรเลือกแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและรีวิวดี
    ดูวัตถุดิบ - วัสดุที่ใช้ต้องมีความทนทานต่อการใช้งาน
    พิจารณาการติดตั้ง - วาล์วฝักบัวและก๊อกน้ำควรติดตั้งง่ายและเหมาะกับสไตล์ของห้องน้ำ
การเข้าใจในหน้าที่และความสำคัญของวาล์วฝักบัว ก๊อกน้ำ และก๊อกฝักบัวจะช่วยให้คุณสามารถเลือกอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์การใช้งานของคุณได้อย่างเหมาะสมที่สุด

77
ในยุคที่ทุกคนใส่ใจเรื่องความงามและสุขภาพผิวหน้ามากขึ้น เทคโนโลยีในการดูแลผิวหน้าอย่าง HIFU (High Intensity Focused Ultrasound) และ Multipolar RF (Radio Frequency) จึงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการยกกระชับหน้า ลดเลือนริ้วรอย และปรับรูปหน้าให้สวยงามขึ้น โดยในบทความนี้เราจะพูดถึงเทคโนโลยีทั้งสองอย่างนี้เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น



HIFU (High Intensity Focused Ultrasound)
HIFU เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงในการกระตุ้นผิวชั้นลึก โดยไม่ทำลายผิวชั้นบน ซึ่ง HIFU จะทำให้เกิดการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในผิว ส่งผลให้ผิวดูตึงกระชับและเรียบเนียนขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดเลือนริ้วรอยและเส้นริ้วที่เกิดจากวัยที่เพิ่มขึ้น ผู้ที่ทำการรักษาด้วย HIFU มักจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ และผลลัพธ์จะยาวนานประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี

Multipolar RF (Radio Frequency)
Multipolar RF เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นวิทยุในการกระตุ้นผิว โดยทำงานโดยการสร้างความร้อนในชั้นผิว เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินภายในผิวหนัง ทำให้ผิวหน้าดูเนียนเรียบ กระชับขึ้นและลดเลือนริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการทำ Multipolar RF จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และใช้เวลาเพียงไม่นาน ข้อดีของเทคโนโลยีนี้คือสามารถทำการรักษาได้ในระยะเวลาสั้น โดยไม่ต้องพักฟื้น

ความแตกต่างระหว่าง HIFU และ Multipolar RF
   1. กระบวนการทำงาน: HIFU ใช้คลื่นเสียงเพื่อสร้างความร้อนที่ชั้นผิวลึก ในขณะที่ Multipolar RF ใช้คลื่นวิทยุในการกระตุ้นผิวในระดับตื้นกว่า
   2. ความลึกในการทำงาน: HIFU สามารถทำงานในชั้นผิวที่ลึกกว่า ทำให้เหมาะสำหรับการยกกระชับส่วนที่ต้องการความชัดเจน ในขณะที่ Multipolar RF จะเน้นช่วยปรับผิวที่ตื้นกว่า
   3. เวลาในการเห็นผล: HIFU สามารถเห็นผลได้ชัดเจนในระยะเวลา 2-3 สัปดาห์หลังการทำ ในขณะที่ Multipolar RF ผลลัพธ์อาจใช้เวลานานกว่า

การเลือกใช้เทคโนโลยี HIFU หรือ Multipolar RF สำหรับการยกกระชับหน้าและลดเลือนริ้วรอยนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการและสภาพผิวของแต่ละบุคคล ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และสามารถดูแลรักษาความงามได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ควรคำนึงถึงการดูแลผิวพรรณอย่างสม่ำเสมอ ร่วมกับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมเพื่อช่วยสนับสนุนผลลัพธ์จากการรักษาด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ได้อย่างยั่งยืน
ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าทำให้การดูแลผิวหน้าและการลดเลือนริ้วรอยเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกขึ้น ดังนั้นหากคุณกำลังมองหาวิธีทำให้ผิวหน้ากระชับและดูอ่อนเยาว์

78
ฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET สะดวกสบายเพียงปลายนิ้วสัมผัส
การติดตั้งชักโครกฝารองนั่งอัตโนมัติ คือ ฝารองนั่งระบบอัตโนมัติที่ติดตั้งบนโถสุขภัณฑ์ ช่วยอำนวยความสะดวกทั้งด้านการใช้งานและการทำความสะอาด โดยมาพร้อมก้านฉีดชำระอัตโนมัติ
ระบบเป่าแห้ง ระบบกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์และนวัตกรรมอื่น ๆ ที่ควบคุมผ่านรีโมทคอนโทรลหรือแผงควบคุมเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งสกปรกภายในห้องน้ำ

ถึงตรงนี้หลายคนอาจมีความรู้สึกว่าอยากเป็นเจ้าของฝารองนั่งอัตโนมัติดูบ้าง ซึ่งไม่ใช่เรื่องยุ่งยากแต่อย่างใด นอกจากต้องพิจารณาถึงฟังก์ชันและรูปแบบการใช้งานของฝารองนั่งอัตโนมัติให้ตรงใจแล้ว
สิ่งจำเป็นต้องคำนึงถึงเรื่องของการติดตั้งด้วย 4 ขั้นตอนสำคัญที่จะแนะนำในการเช็คพื้นที่ห้องน้ำ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการติดตั้งฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET

4ขั้นตอนการเช็คพื้นที่ก่อนการติดตั้งฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET

1. เช็คกระแสไฟฟ้าและตำแหน่งปลั๊ก

ฝารองนั่งอัตโนมัติเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้กระแสไฟฟ้าในการทำงาน จึงควรปรับปรุงพื้นที่และเดินสายไฟไว้ใกล้กับห้องน้ำของคุณก่อน จากตำแหน่งที่ตั้งของสุขภัณฑ์
เมื่อหันหน้าเข้าหาโถสุขภัณฑ์ตำแหน่งของปลั๊กจะต้องอยู่ทางซ้ายมือ โดยห่างจากจุดศูนย์กลางของท่อน้ำทิ้งเป็นระยะ 30 ซม. และสูงจากพื้นอย่างน้อย 30 ซม.

 
2. ต้องมีพื้นที่ว่างทั้งซ้าย และขวาของโถสุขภัณฑ์อย่างน้อย 30 ซม.

เนื่องจากฝารองนั่งอัตโนมัติอาจทำให้โถสุขภัณฑ์มีขนาดชักโครกใหญ่ขึ้นจากปกติเล็กน้อยจึงจำเป็นต้องติดตั้งในห้องน้ำที่มีพื้นที่พอสมควร
กล่าวคือควรจะมีพื้นที่ว่างด้านข้างโถสุขภัณฑ์ทั้งด้านซ้ายและด้านขวาอย่างน้อย 30 ซม. และไม่ควรมีสิ่งกีดขวางโถสุขภัณฑ์อีกด้วย

 
3. ตรวจสอบรูปทรงและขนาดของสุขภัณฑ์

การติดตั้งฝารองนั่งอัตโนมัติ WASHLET กับโถสุขภัณฑ์เดิมที่มีอยู่ก่อนแล้ว จำเป็นต้องตรวจสอบขนาดและรูปทรงของโถสุขภัณฑ์ หากเป็นโถสุขภัณฑ์ทรง Elongated (โถสุขภัณฑ์ทรงยาว)
ต้องมีระยะรูยึดน็อตที่โถสุขภัณฑ์เพื่อติดตั้งฝารองนั่ง 14 ซม. และระยะจากรูยึดน็อตของฝารองนั่งด้านใดด้านหนึ่งถึงหม้อน้ำเป็นระยะอย่างน้อย 5 ซม.

 
4. โถสุขภัณฑ์ต้องไม่อยู่ในจุดเปียกน้ำ
ตำแหน่งที่ตั้งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สิ่งสำคัญที่ต้องเตรียมพร้อมสำหรับติดตั้งฝารองนั่งอัตโนมัติ คือ สุขภัณฑ์ห้ามตั้งอยู่ในส่วนที่เปียกน้ำ เช่น น้ำจากฝักบัว นอกจากนี้ไม่ควรใช้น้ำราดไปที่ฝารองนั่งอัตโนมัติโดยตรง
ในการทำความสะอาดชักโครก เนื่องจากฝารองนั่งอัตโนมัติเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ไฟฟ้า ด้วยเหตุนี้การติดตั้งฝารองนั่งอัตโนมัติจึงเหมาะสำหรับการออกแบบห้องน้ำที่แบ่งโซนเปียกและโซนแห้งอย่างชัดเจนเพื่อหลีกเลี่ยงน้ำจะมาโดนสุขภัณฑ์ได้

79
ทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดภาษี 
สร้างเงินออม...พร้อมคุ้มครองชีวิต

         ปัจจุบันผู้มีรายได้สามารถนำเบี้ยประกันชีวิต ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุดถึง 300,000 บาทต่อปี ซึ่งเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับการวางแผนภาษีและเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการประหยัดภาษี  สร้างเงินออม พร้อมคุ้มครองชีวิต โดยประเภทของเบี้ยประกันชีวิตที่สามารถนำเบี้ยมาลดหย่อนภาษีได้ก็มี  2 ประเภท  ได้แก่ เบี้ยประกันชีวิตแบบทั่วไป และเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ  ซึ่งมีข้อกำหนดเบื้องต้น ดังนี้



1. เบี้ยประกันชีวิตแบบทั่วไป  (กรมธรรม์อายุ 10 ปีขึ้นไป)
ค่าเบี้ยประกันชีวิตของผู้มีเงินได้หักค่าลดหย่อนและได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้เท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท
ทั้งนี้ หากคู่สมรสมีการประกันชีวิต และความเป็นสามีภริยาได้มีอยู่ตลอดปีภาษี ผู้มีเงินได้มีสิทธิหักลดหย่อน สำหรับเบี้ยประกันชีวิตของคู่สมรสที่ไม่มีเงินได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 10,000 บาท
ค่าเบี้ยประกันสุขภาพของผู้มีเงินได้  หักค่าลดหย่อนเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 25,000 บาท แต่เมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตสำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีกำหนดตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ต้องไม่เกิน 100,000 บาท ประกันลดหย่อนภาษี


2. เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ

ค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ หักค่าลดหย่อนในอัตราร้อยละ 15 ของเงินได้ที่นำมาเสียภาษีเงินได้ในแต่ละปี แต่ไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี  ทั้งนี้ ต้องเป็นค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ ความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป และจ่ายผลประโยชน์เงินบำนาญเมื่อผู้มีเงินได้อายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไปถึงอายุ 85 ปีหรือกว่านั้น และเมื่อรวมกับเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เงินสะสมเข้ากองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เงินสะสมเข้ากองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน เงินที่ซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และเงินสะสมเข้ากองทุนการออมแห่งชาติ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

กรณีไม่มีเบี้ยประกันชีวิตตามข้อ 1 สามารถนำเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญไปหักลดหย่อนแทนเบี้ยประกันชีวิตตามข้อ 1 ก่อนได้ ซี่งจะได้สิทธิลดหย่อนภาษีรวมสูงสุด 300,000 บาท

นอกจากนี้ยังสามารถลดหย่อนภาษีสำหรับลูกกตัญญู คือ ค่าเบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดาของผู้มีเงินได้และคู่สมรส หักค่าลดหย่อนเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท ทั้งนี้ บิดามารดาของผู้มีเงินได้และคู่สมรสต้องไม่มีเงินได้พึงประเมินในปีภาษีที่ใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้เกิน 30,000 บาท

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
          บุคคลธรรมดามีหน้าที่ต้องยื่นเงินได้เพื่อเสียภาษีเงินได้ในทุกปี ภายในวันที่ 31 มีนาคมของทุกปี  โดยบุคคลธรรมดาที่มีรายได้เกิน 120,000 บาทต่อปี มีหน้าที่ต้องยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยจะคำนวณจากเงินได้สุทธิประจำปี ซึ่งเกิดจากเงินได้ทั้งปี หักค่าใช้จ่าย และหักค่าลดหย่อน   

วิธีการคำนวณภาษี
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา = [(รายได้ – ค่าใช้จ่าย – ค่าลดหย่อน) – เงินบริจาค] x อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
หากรายได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาท ก็จะได้รับการยกเว้นภาษีแต่ถ้าเกินกว่านั้นก็จะเสียภาษีในอัตราก้าวหน้าแบบขั้นบันได

80
ก๊อกอ่างล้างหน้าเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในห้องน้ำ ซึ่งไม่ได้มีเพียงแค่หน้าที่การทำงานในการจ่ายน้ำเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถเพิ่มความงามและสไตล์ให้กับห้องน้ำได้อีกด้วย

ประเภทของก๊อกอ่างล้างหน้า
    ก๊อกแบบโยก (Single Handle Faucet): ใช้งานง่ายและสะดวกสบายเพียงแค่โยกขึ้นหรือลงเพื่อปรับอุณหภูมิของน้ำ
    ก๊อกแบบสองทาง (Double Handle Faucet): มีสองท่อสำหรับจัดการน้ำร้อนและน้ำเย็น สามารถปรับอุณหภูมิได้ตามต้องการ
    ก๊อกเซ็นเซอร์ (Sensor Faucet): ใช้เทคโนโลยีเซ็นเซอร์ตรวจจับมือ ทำให้น้ำไหลออกโดยไม่ต้องสัมผัส สะดวกและช่วยลดการใช้น้ำ
    ก๊อกแบบมีปีก (Wall-Mounted Faucet): ติดผนัง สามารถประหยัดพื้นที่และสร้างความทันสมัยให้กับห้องน้ำ



วิธีการเลือกก๊อกอ่างล้างหน้าให้เหมาะสม
1. เลือกดูจากขนาด และดีไซน์
ให้เลือกก๊อกที่มีขนาดเหมาะสมกับอ่างล้างหน้าขนาดเล็กและพื้นที่ในห้องน้ำ โดยดีไซน์ควรเข้ากับสไตล์การตกแต่งของห้อง เช่น หากห้องน้ำมีสไตล์คลาสสิก ควรเลือกก๊อกที่มีรูปทรงที่สวยงามและมีลูกเล่น

2. เลือกวัสดุที่มีคุณภาพ
  1. สแตนเลส (stainless steel)
    ทนทานต่อการกัดกร่อน: สแตนเลสไม่เกิดสนิมและมีความทนทานต่อการกัดกร่อนจากน้ำและสารเคมี
    ดูแลรักษาง่าย: สามารถทำความสะอาดได้ง่ายและไม่ต้องใช้สารเคมีแรงๆ
    ดีไซน์ที่หรูหรา: ให้ลุคที่ทันสมัยและหรูหรา
2. ทองเหลือง (Brass)
    ความทนทาน: ทองเหลืองเป็นวัสดุที่มีความทนทานและมีอายุการใช้งานยาวนาน
    มีความสวยงาม: มีลุคคลาสสิกที่สามารถให้ความรู้สึกหรูหรากับห้องน้ำ
    ความสามารถในการป้องกันเชื้อแบคทีเรีย: ทองเหลืองมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียตามธรรมชาติ
3. พลาสติก (Plastic)
    น้ำหนักเบา: ง่ายต่อการติดตั้งและเคลื่อนย้าย
    ราคาไม่แพง: เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด
    ไม่เกิดสนิม: ไม่มีปัญหากับการกัดกร่อนจากน้ำ

3. ฟังก์ชันการใช้งานของก๊อกอ่างล้างหน้า
ก๊อกอ่างล้างหน้าเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในห้องน้ำ เพราะไม่เพียงแต่ทำหน้าที่ในการควบคุมการไหลของน้ำเท่านั้น แต่ยังมีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความพึงพอใจในการใช้งาน
1. ควบคุมอุณหภูมิของน้ำ
ก๊อกอ่างล้างหน้าสามารถปรับอุณหภูมิของน้ำได้ตามที่ผู้ใช้ต้องการ โดยทั่วไปก๊อกแบบโยก (Single Handle) จะเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เนื่องจากสามารถปรับอุณหภูมิได้ง่าย แค่โยกไปทางขวาหรือตรงกลางเพื่อให้ได้อุณหภูมิที่ต้องการ
2. การประหยัดน้ำ
รุ่นใหม่ๆ ของก๊อกอ่างล้างหน้ามักมีฟังก์ชันการประหยัดน้ำ เช่น ระบบลดการไหลของน้ำ (Flow Restrictor) ซึ่งช่วยให้ใช้น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้รับน้ำที่พอเพียงในการใช้งานโดยไม่สิ้นเปลือง
3. เซ็นเซอร์อัตโนมัติ
ก๊อกอ่างล้างหน้าแบบเซ็นเซอร์ (Sensor Faucet) ทำงานโดยการตรวจจับการเคลื่อนไหว ทำให้น้ำไหลออกโดยอัตโนมัติเมื่อมีมือเข้ามาใกล้ และหยุดเมื่อมือออกไป ซึ่งช่วยลดการสัมผัสและทำให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยประหยัดน้ำได้อีกด้วย
4. สวิตช์น้ำร้อนน้ำเย็น
ก๊อกที่มีฟังก์ชันสองทาง (Double Handle Faucet) จะมีสวิตช์สำหรับน้ำร้อนและน้ำเย็นแยกกัน ทำให้ผู้ใช้สามารถปรับอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความละเอียดมากขึ้น เช่น การล้างมือหรือหน้าที่ต้องการอุณหภูมิที่เฉพาะเจาะจง
5. สายยาง (Pull-out Spray)
บางรุ่นมีฟังก์ชันสายยางที่สามารถดึงออกมาได้ (Pull-out Faucet) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำความสะอาดอ่างล้างหน้าได้ง่ายขึ้น หรือใช้สำหรับการล้างสิ่งของต่างๆ ที่อยู่ในอ่างได้สะดวกยิ่งขึ้น
6. ระบบควบคุมการไหลของน้ำ
ก๊อกบางรุ่นมีระบบควบคุมการไหลของน้ำ (Flow Control) ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับความแรงของน้ำได้ตามต้องการ ช่วยให้สามารถใช้งานได้อย่างเหมาะสมในทุกสถานการณ์
7. ฟังก์ชันการป้องกันการรั่วซึม
ก๊อกที่มีฟังก์ชันป้องกันการรั่วซึมจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดน้ำรั่วที่อาจทำให้เกิดปัญหาความเสียหายต่อพื้นและโครงสร้างของบ้าน

การดูแลรักษาก๊อกอ่างล้างหน้า
    ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ: ใช้ผ้านุ่มและน้ำสบู่อ่อน ๆ ในการทำความสะอาดก๊อกเพื่อป้องกันการเกิดคราบสะสม
    หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีรุนแรง: การใช้สารเคมีที่รุนแรงอาจทำให้ผิวของก๊อกเกิดการกัดกร่อน ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะสม
    ตรวจสอบรั่วซึม: ควรตรวจเช็คการรั่วซึมเป็นระยะ ๆ หากพบปัญหาควรซ่อมแซมทันที เพราะการรั่วซึมสามารถทำให้เกิดความเสียหายได้
การเลือกและดูแลรักษาก๊อกอ่างล้างหน้าอย่างถูกต้องไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับห้องน้ำ แต่ยังช่วยให้การใช้งานสะดวกสบายและยืนยาวไปด้วย


81
new doublo 2.0 เป็นนวัตกรรมล่าสุดในวงการความงามที่เน้นการยกกระชับผิวและลดเลือนริ้วรอย ด้วยการผสานการทำงานของเทคโนโลยี HIFU (High Intensity Focused Ultrasound) และ Multipolar RF (Radio Frequency) ซึ่งทั้งสองเทคโนโลยีนี้สามารถทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้ใช้งานได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในด้านการฟื้นฟูผิว



    HIFU (High Intensity Focused Ultrasound):
        HIFU เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คลื่นเสียงความถี่สูงในการกระตุ้นผิวในระดับลึก โดยมีจุดประสงค์ในการสร้างความร้อนในชั้นผิวหนัง เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ซึ่งมีผลช่วยในการยกกระชับผิวและลดเลือนริ้วรอย
บ่อยครั้ง HIFU ใช้ในบริเวณใบหน้า คอ และลำคอ

    Multipolar RF (Radio Frequency):
        Multipolar RF ใช้คลื่นวิทยุในการกระตุ้นระเบียบการไหลเวียนโลหิตในผิวหนังและการสลายไขมันในชั้นใต้ผิวคล้ายกับการให้ความร้อน ซึ่งทำให้เกิดการกระชับผิวและเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวหนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การทำงานของ Multipolar RF ยังสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินที่ช่วยทำให้ผิวของผู้ใช้มีความสดใสและเรียบเนียน

การทำงานร่วมกันของ HIFU และ Multipolar RF

1. ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการยกกระชับ:
เมื่อ HIFU ทำการกระตุ้นชั้นผิวลึก ทำให้เกิดความร้อนและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ความเข้มข้นจากคลื่น RF ช่วยให้กระบวนการนี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น การทำงานร่วมกันนี้ยังช่วยให้มีการยกกระชับที่เด่นชัดยิ่งขึ้น

2. การทำงานร่วมกัน เพิ่มความอบอุ่นที่เหมาะสม:
การใช้ Multipolar RF ร่วมกับ HIFU ทำให้การกระจายความร้อนมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งสามารถลดความเจ็บปวดและเพิ่มความสบายขณะทำหัตการได้ ผู้ใช้จะรู้สึกสบายตัวมากขึ้นในระหว่างและหลังการทำหัตถการ

3. ปรับปรุงผลลัพธ์ทั้งระยะสั้นและระยะยาว:
การผสมผสานเทคโนโลยีทั้งสองนี้ไม่เพียงส่งผลดีต่อรูปลักษณ์โพสต์การทำหัตถการ แต่ยังสนับสนุนการสร้างคอลลาเจนใหม่ในระยะยาว โดยช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์และมีสุขภาพดีได้นานขึ้น

4. ขจัดริ้วรอยและฟื้นฟูผิว:
การทำงานร่วมกันของทั้งสองเทคโนโลยีช่วยให้สามารถเข้าถึงปัญหาผิวที่หลากหลายได้พร้อมกัน เช่น การลดริ้วรอย ความหย่อนคล้อย และทำให้ผิวมีความกระชับเรียบเนียน
ข้อดีของ New Doublo 2.0

    ผลลัพธ์ที่มองเห็นได้: เทคโนโลยี HIFU และ Multipolar RF ร่วมกันช่วยให้ผู้ใช้เห็นผลการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในระยะเวลาอันสั้น
    ปลอดภัยและไม่รุกราน: นวัตกรรมนี้ใช้เทคโนโลยีที่ไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดและใช้กับผิวหนังได้อย่างปลอดภัย
    การฟื้นตัวที่รวดเร็ว: โดยไม่ต้องพักฟื้นจากการทำหัตถการ ผู้ใช้สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที

New Doublo 2.0 เป็นการนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีในวงการความงามมาผสมผสานกันอย่างลงตัว โดยการทำงานร่วมกันระหว่าง HIFU และ Multipolar RF
ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับประโยชน์จากการยกกระชับผิวและลดเลือนริ้วรอยอย่างมีประสิทธิภาพในขณะที่ปลอดภัยและมีการฟื้นตัวที่รวดเร็ว นับว่าเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการให้ผิวสวยงามและอ่อนเยาว์

82
ปัญหาฝักบัวเสียจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไป หากทุกคนรู้วิธีเปลี่ยนหัวฝักบัว ด้วยตัวเอง โดยบทความนี้จะมาอธิบายแบบเข้าใจง่าย อ่านจบแล้วทำตามได้เลย ติดตามที่นี่

เชื่อว่า “ฝักบัวเสีย” น่าจะเป็นปัญหาที่กวนใจหลายคนไม่น้อย โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วนที่จำเป็นต้องใช้น้ำ แต่ฝักบัวเจ้ากรรมกลับไม่มีน้ำไหลออกมาเสียดื้อ ๆ อย่างไรก็ตาม หากทุกคนทราบถึงวิธีเปลี่ยนหัวฝักบัวด้วยตัวเอง ปัญหานี้จะกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายลงได้อีกด้วย ด้วยเหตุนี้ เราจึงขออาสามาแนะนำวิธีเปลี่ยนหัวฝักบัวด้วยตัวเอง อธิบายแบบเข้าใจง่ายสุด ๆ ไล่เลียงทีละขั้นตอน ไม่ว่าใครก็ทำตามได้ ติดตามในบทความนี้ได้เลย



สาเหตุของฝักบัวเสีย
    เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน: หัวฝักบัวอาบน้ำมีอายุการใช้งานเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5-10 ปี ดังนั้น เมื่อใช้งานไปครบระยะเวลาดังกล่าว วัสดุต่าง ๆ ที่เป็นส่วนประกอบของฝักบัว เช่น วาล์วฝักบัว พลาสติก ยาง โลหะ ก็จะเริ่มเสื่อมสภาพตามกาลเวลา
    หัวฝักบัวอุดตัน: น้ำประปาที่ไหลผ่านหัวฝักบัวมักมีสิ่งสกปรกต่าง ๆ เช่น หินปูน ตะกรัน ฝุ่นละออง ปะปนมาด้วย โดยสิ่งสกปรกเหล่านี้อาจไปอุดตันตามรูพรุนของหัวฝักบัว ทำให้น้ำไหลออกมาไม่สะดวก ส่งผลให้ฝักบัวเสียได้ในที่สุด
    สายฝักบัวรั่ว: สายฝักบัวเป็นชิ้นส่วนที่เชื่อมต่อระหว่างฝักบัวกับท่อน้ำ หากสายฝักบัวชำรุดเสียหาย เช่น รอยแตกร้าว รอยรั่วซึม ก็จะทำให้น้ำรั่วออกจากสายฝักบัวได้

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมสำหรับการเปลี่ยนฝักบัวด้วยตัวเอง

จากเหตุผลในหัวข้อที่แล้ว การที่ฝักบัวเสียจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม หากทุกคนทราบวิธีเปลี่ยนหัวฝักบัว ปัญหาดังกล่าวก็จะไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่คอยกวนใจอีกต่อไป โดยก่อนที่จะไปถึงวิธีเปลี่ยนหัวฝักบัว ก็ต้องรู้ก่อนว่าอุปกรณ์ที่ต้องเตรียมสำหรับการเปลี่ยนฝักบัวด้วยตัวเองมีอะไรบ้าง โดยสามารถแบ่งเป็นข้อ ๆ ได้ดังต่อไปนี้

    - หัวฝักบัวใหม่
    - ประแจเลื่อน
    - เทปพันเกลียว
    - ผ้าสะอาด
    - ไขควง
    - ถุงมือยาง
    - แว่นตานิรภัย



ขั้นตอนการเปลี่ยนหัวฝักบัวอาบน้ำ
    ขั้นตอนที่ 1: ปิดวาล์วน้ำที่เชื่อมต่อกับฝักบัว เพื่อให้น้ำไหลออกจากหัวฝักบัวได้หมดก่อนถอดออก
    ขั้นตอนที่ 2: ถอดหัวฝักบัวตัวเก่าออก โดยใช้ผ้าพันรอบหัวฝักบัวเพื่อป้องกันไม่ให้เกลียวเสียหายจากการหมุน จากนั้นใช้ประแจเลื่อนหมุนหัวฝักบัวทวนเข็มนาฬิกาจนหลุดออก
    ขั้นตอนที่ 3: วิธีเปลี่ยนหัวฝักบัวด้วยตัวเองขั้นตอนต่อมา คือการทำความสะอาดบริเวณท่อน้ำ โดยใช้ผ้าเช็ดให้สะอาด เพื่อขจัดเศษฝุ่นและสิ่งสกปรก
    ขั้นตอนที่ 4: พันเทปพันเกลียวบนเกลียวของหัวฝักบัวใหม่ เพื่อป้องกันน้ำรั่วซึม โดยให้พันเทปตามเข็มนาฬิกาประมาณ 6 รอบ ควรเปลี่ยนแหวนยางกันซึมชิ้นใหม่ เพื่อกันการรั่วซึมเพิ่มขึ้นอีกชั้น
    ขั้นตอนที่ 5: จากนั้นให้นำหัวฝักบัวใหม่ใส่เข้ากับท่อน้ำ แล้วใช้ประแจเลื่อนหมุนหัวฝักบัวตามเข็มนาฬิกาจนแน่น
    ขั้นตอนที่ 6: ปิดท้ายวิธีเปลี่ยนหัวฝักบัวด้วยการเปิดวาล์วน้ำเพื่อตรวจสอบการรั่วซึม หากไม่มีน้ำรั่วซึม แสดงว่าเปลี่ยนหัวฝักบัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว



83
โปรโมทเว็บไซต์ / How To ลดหย่อนภาษีแบบจุใจ
« เมื่อ: เมษายน 02, 2025, 11:55:42 am »
ประกันลดหย่อนภาษีรู้ไหมว่าเราสามารถซื้อประกันเพื่อนำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 300,000 บาท ใครที่สงสัยว่าต้องซื้อประกันแบบไหนถึงลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 300,000 บาท
ถ้าได้เข้ามาอ่านบทความนี้คลายความสงสัยกัน



วิธีลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท แบบที่ 1
หลายคนคงทราบกันดีว่าคุณสามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีจาก "เบี้ยประกันชีวิตทั่วไป" ได้ 100,000 บาท ในส่วนนี้สามารถรวมกับ "เบี้ยประกันสุขภาพ" ได้สูงสุดอีก 25,000 บาท และเมื่อรวมกับ "เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ" (ที่ลดหย่อนภาษีได้ 200,000 บาทหลัง) ก็จะสามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 300,000 บาท
**ประกันบำนาญสามารถซื้อได้ 15% ของรายได้รวมในแต่ละปี

วิธีลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท แบบที่ 2
ถ้าหากคุณมีประกันชีวิต ลดหย่อนภาษี "เบี้ยประกันชีวิต" หรือ "เบี้ยประกันชีวิต+เบี้ยประกันสุขภาพ" แล้ว แต่ยังไม่เต็มสิทธิ์ 100,000 บาท คุณสามารถนำ "เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ" ที่ลดหย่อนภาษีในส่วนของ 200,000 บาทหลัง มาเติมเต็มในส่วนแรกได้ (ก่อนซื้อประกันบำนาญควรสอบถามตัวแทนหรืออ่านรายละเอียดให้ดีก่อนทำประกัน) **ประกันบำนาญสามารถซื้อได้ 15% ของรายได้รวมในแต่ละปี

วิธีลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท แบบที่ 3
ถ้าหากคุณยังไม่มี "เบี้ยประกันชีวิต" หรือ "เบี้ยประกันสุขภาพ" ใดๆเลย คุณสามารถซื้อ

"ประกันชีวิตแบบบำนาญ" เพื่อนำเบี้ยมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 300,000 บาท เพราะแบบประกันบำนาญบางแบบสามารถลดหย่อนภาษีได้ตั้งแต่ 100,000 บาทแรก จนถึง 200,000 บาทหลัง ทั้งนี้การใช้สิทธิ์จากเบี้ยประกันบำนาญต้องไม่เกิน 15% ของรายได้รวมในแต่ละปี




84
ก๊อกเซ็นเซอร์ รุ่นไหนดี หลักการทำงานแบบอัตโนมัติ ไร้สัมผัส เป็นอุปกรณ์สำหรับล้างสิ่งสกปรกที่ทันสมัย ใช้งานได้สะดวกสบาย และเพิ่มสุขอนามัยที่ดี

ก๊อกเซ็นเซอร์เป็นอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการไหลของน้ำ เป็นสิ่งที่ใช้ชำระล้างสิ่งสกปรกให้หมดไป โดยก๊อกน้ำไม่ได้มีเพียงประเภทที่มีด้ามจับ เกลียวหมุน หรือแบบใช้เท้าเหยียบ เพื่อเปิด-ปิดน้ำเท่านั้น แต่ในปัจจุบันยังมี ก๊อกน้ำอัตโนมัติ หรือก๊อกน้ำเซ็นเซอร์ ที่ไร้สัมผัส พัฒนาด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ให้ใช้งานผ่านก๊อกน้ำระบบเซ็นเซอร์ เพื่อให้สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น ลดความเสี่ยงในการสัมผัสเชื้อโรคจากก๊อกน้ําได้โดยตรง วันนี้ TOTO มีเกร็ดข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับก๊อกน้ำเซ็นเซอร์ รุ่นไหนดี หลักการทำงานของมันจะเป็นอย่างไรบ้าง ไปดูกันเลย!
ข้อดีของก๊อกน้ำอัตโนมัติ

ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาให้ก๊อกน้ำอัตโนมัติหรือก๊อกเซ็นเซอร์ทำงานได้โดยอาศัยเซ็นเซอร์โดยไม่ต้องใช้มือสัมผัสก๊อกน้ํา หรือใช้เท้าเหยียบกลไกด้านล่างเพื่อเปิด – ปิดน้ำ  ซึ่งมีข้อดีที่ทำให้ห้องน้ำมีสุขอนามัยที่ดีขึ้น
1. ลดการสัมผัส


 เนื่องจากก๊อกน้ำอัตโนมัติหรือก๊อกน้ำระบบเซ็นเซอร์หลักการทำงาน คือ การใช้ระบบก๊อกเซ็นเซอร์ สำหรับควบคุมการเปิด-ปิดของน้ำแทนการใช้ด้ามจับ ส่งผลให้มือของเราไม่ต้องสัมผัสกับก๊อกน้ําโดยตรง นับเป็นการลดความเสี่ยงในการรับสิ่งสกปรกและเชื้อโรคต่าง ๆ ที่สะสมอยู่บริเวณนั้น ทำให้ได้ห้องน้ำที่มีสุขอนามัยดีพร้อมกับเทคโนโลยีสุดไฮเทค

จากผลทดสอบของสถาบันการศึกษาวิจัย TOTO พบว่า “ก๊อกน้ำ” แบบที่ด้ามจับ มีการตรวจพบปริมาณของแบคทีเรียมากที่สุดถึง 25,000 CFU ต่อ ตารางเซ็นติเมตร ซึ่งมากกว่าก้านกดชำระล้าง, ฝารองนั่งโถสุขภัณฑ์, และกลอนประตูหลายเท่าด้วยกัน กลายเป็นว่าทุกครั้งที่คุณเข้าห้องน้ำสาธารณะ เมื่อทำธุระเสร็จแล้ว คุณก็ใช้มือที่อาจมีเชื้อโรคอยู่ไปสัมผัสบนก๊อกอ่างล้างหน้าเพื่อเปิดน้ำ จากนั้นคุณก็ล้างมือจนสะอาด แล้วคุณจึงปิดก๊อกน้ำ ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไป เชื้อโรคบนก๊อกน้ำจึงสะสมอยู่เรื่อยๆ นั่นหมายความว่าต่อให้คุณจะล้างมือสะอาดมากแค่ไหนแล้วก็ตาม คุณก็ยังต้องสัมผัสเชื้อโรคเหล่านั้นเมื่อใช้งานเสร็จอยู่ดี ด้วยเหตุนี้ก๊อกน้ำอัตโนมัติที่มีเซ็นเซอร์คอยตรวจจับ โดยไม่จำเป็นต้องสัมผัส ก็จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ได้

2. ประหยัดน้ำ


การประหยัดน้ำ คือ หนึ่งในคุณสมบัติที่เป็นข้อดีของก๊อกน้ำอัตโนมัติหรือก๊อกซ็นเซอร์ หลักการทำงานสำคัญคือระบบเซ็นเซอร์ที่ตรวจจับมือ โดยน้ำจะไหลก็ต่อเมื่อ มือได้เข้าไปในระยะของมัน และหยุดไหลเมื่อมือไม่อยู่ในระยะนั้นแล้ว ส่งผลให้ใช้น้ำน้อยลง อีกทั้งยังช่วยป้องกันการลืมปิดก๊อกน้ํา ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ประหยัดน้ำได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้เทคโนโลยีที่มาพร้อมกับก๊อกอ่างล้างหน้าที่ทันสมัย ก็ช่วยให้ใช้น้ำน้อยลงได้อีกด้วย อย่างก๊อกน้ำเซ็นเซอร์ของ TOTO ใช้น้ำน้อยเพียง 1.3 ลิตร/นาทีเท่านั้น

3. ดูแลรักษาง่าย


ด้วยหลักการทำงานของก๊ก๊อกน้ำอัตโนมัติที่มีเซ็นเซอร์ ไม่ต้องสัมผัส เป็นประโยชน์ต่อการดูแลรักษามาก เมื่อคุณทำความสะอาดก๊อกน้ําแล้วก็จะคงความมันวาวเอาไว้ได้ยาวนาน เนื่องจากตัวก๊อกเซ็นเซอร์แทบไม่ต้องสัมผัสกับอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นมือของผู้ใช้ สบู่ล้างมือ หรือคราบน้ำ ช่วยให้เกิดรอยเลอะหรือคราบสกปรกได้น้อยกว่าก๊อกอ่างล้างหน้าแบบธรรมดามาก


85
ทำประกันทั้งทีถ้าสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ด้วย ก็เหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เพราะได้ทั้งความคุ้มครอง และยังช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้ไม่น้อย โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่หลายๆ คนคงกำลังจัดระเบียบการใช้จ่ายของตัวเองและเตรียมเอกสารต่างๆ สำหรับเทศกาลลดหย่อนภาษีปลายปีที่ใกล้เข้ามา แต่หากคุณยังไม่แน่ใจว่าจะต้องซื้อประกันประเภทไหนที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ มีเงื่อนไขเพิ่มเติมอะไรอีกหรือไม่ และจะสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดเท่าไหร่ วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาไว้ให้แล้ว



ประเภทของประกันที่ลดหย่อนภาษีได้
1. ประกันชีวิต
ประกันชีวิตทั่วไป ลดหย่อนภาษีได้
ประกันที่เน้นให้ความคุ้มครองแก่ผู้ทำประกัน ในกรณีที่เสียชีวิตจากเหตุไม่คาดคิดก็จะได้รับเงินชดเชยตามวงเงินคุ้มครอง มีหลายรูปแบบ เช่น ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ, ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา, ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ และ ประกันชีวิตควบการลงทุน
โดยสามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาทตามจำนวนที่จ่ายจริง หรือหากจะนับรวมเงินฝากแบบมีประกันด้วยก็ต้องไม่เกิน 100,000 บาท และใครที่มีคู่สมรสที่ไม่มีรายได้ ซึ่งไม่ได้เพิ่งสมรสภายในปีนี้ ก็สามารถนำเบี้ยประกันมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท เช่นเดียวกัน
เงื่อนไขการนำประกันชีวิตทั่วไปมาลดหย่อนภาษี
-         ต้องเป็นกรมธรรม์ที่มีระยะคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
-         จัดทำกับบริษัทประกันในประเทศไทย
-         หากมีการจ่ายเงินปันผลหรือเงินชดเชย จะต้องไม่เกิน 20% ของเบี้ยประกันชีวิตรายปี
-         ต้องแจ้งต่อบริษัทว่าต้องการนำไปลดหย่อนภาษี

ประกันชีวิตแบบบำนาญ ลดหย่อนภาษีได้
ประกันที่ให้ความคุ้มครองรายได้หลังเกษียณ จะเน้นที่ผลตอบแทนเป็นหลัก เพื่อเป็นหลักประกันรายได้ในยามที่คุณเลิกประกอบอาชีพแล้วนั่นเอง
โดยประกันในรูปแบบนี้จะสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ 15% ของรายได้ (เงินได้ที่ต้องเสียภาษี) สูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท หรืออาจลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท เมื่อยังไม่ได้ใช้สิทธิลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิตทั่วไป และเมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, RMF, กองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน, กบข. และ กองทุนการออมแห่งชาติ จะต้องไม่เกิน 500,000 บาท
นั่นหมายความว่าหากคุณยังใช้สิทธิลดหย่อนเบี้ยประกันชีวิตทั่วไป ไม่ถึงเพดานสูงสุด 100,000 บาท คุณสามารถนำเบี้ยประกันบำนาญบางส่วนไปหักลบจนครบ 100,000 บาท ก่อนจะนำมาคำนวณหักลบกับ 15% ของรายได้ เป็นส่วนที่สอง
เงื่อนไขการลดหย่อนภาษีของประกันชีวิตแบบบำนาญคือ
-         ต้องเป็นกรมธรรม์ที่มีระยะคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป
-         จัดทำกับบริษัทประกันในประเทศไทย
-         จ่ายผลประโยชน์เป็นงวดจำนวนเงินเท่ากัน หรือในสัดส่วนที่มากขึ้น เป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ
-         ต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันครบถ้วนก่อนที่จะได้รับผลประโยชน์
-         กำหนดช่วงอายุการจ่ายผลประโยชน์ตั้งแต่ 55 - 85 ปี
-         ต้องแจ้งต่อบริษัทว่าต้องการนำไปลดหย่อนภาษี



2. ประกันสุขภาพ
ประกันสุขภาพตนเอง ลดหย่อนภาษีได้
รูปแบบประกันที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ คือประกันที่คุ้มครองอาการบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุ มีการชดเชยการทุพพลภาพและการสูญเสียอวัยวะเนื่องจากการเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ, ประกันอุบัติเหตุเฉพาะ ให้ความคุ้มครองเกี่ยวกับการรักษาพยาบาล การทุพพลภาพ การสูญเสียอวัยวะและการแตกหักของกระดูก, ประกันโรคร้าย และ ประกันการดูแลระยะยาว
โดยสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท เมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตทั่วไป และเงินฝากแบบมีประกันชีวิตต้องไม่เกิน 100,000 บาท
เงื่อนไขการลดหย่อนภาษีของประกันสุขภาพตนเองคือ
-         จัดทำกับบริษัทประกันในประเทศไทย
-         ต้องแจ้งต่อบริษัทว่าต้องการนำไปลดหย่อนภาษี
ประกันสุขภาพของพ่อแม่ ลดหย่อนภาษีได้
ในกรณีที่คุณจ่ายเบี้ยประกันให้กับพ่อแม่ สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท ในกรณีที่คู่สมรสไม่มีเงินได้ สามารถนำเบี้ยประกันสุขภาพของพ่อแม่ของคู่สมรสมาลดหย่อนในจำนวนสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท ได้เช่นกัน หรือหากมีการร่วมกันจ่ายกับพี่น้อง ก็สามารถนำมาหารเฉลี่ยตามจำนวนพี่น้องได้เช่นกัน
เงื่อนไขการลดหย่อนภาษีของประกันสุขภาพของพ่อแม่คือ
-         ต้องมีความสัมพันธ์เป็นลูกแท้ๆ ที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น
-         ในกรณีลูกบุญธรรมจะไม่สามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้
-         พ่อแม่มีรายได้ต่อปีภาษีไม่เกิน 30,000 บาท
-         ตัวผู้ลดหย่อนหรือพ่อแม่ต้องอยู่ในประเทศไทยครบ 180 วันภายในปีภาษี
การมีประกันชีวิตที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้จะช่วยให้คุณสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายลงได้ไม่น้อยเลย โดยเฉพาะกับมนุษย์เงินเดือนและผู้ที่มีรายได้ประจำ ก็ควรมองหาตัวเลือกที่สามารถทำให้คุณมีทั้งความคุ้มครองด้านสุขภาพ และสิทธิในการลดหย่อนภาษี


หน้า: [1]