เริม เป็นโรคติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งของผิวหนังและเยื่อเมือกต่าง ๆ มีลักษณะพุขึ้นเป็นตุ่มใสเล็ก ๆ แล้วแตกเป็นแผล ตกสะเก็ด ซึ่งหายได้เอง แต่มักกำเริบซ้ำและเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง พบได้บ่อยในคนทุกวัย มักเริ่มติดเชื้อครั้งแรกตั้งแต่วัยเด็ก
ส่วนใหญ่การติดเชื้อเริมมักไม่แสดงอาการ แต่สามารถแพร่เชื้อให้คนอื่นได้
ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำมักมีอาการกำเริบได้บ่อยและรุนแรงกว่าปกติ ในทารกและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (เช่น ผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ที่ปลูกถ่ายอวัยวะ) อาจมีอาการรุนแรง โดยที่เชื้อสามารถแพร่เข้าสู่กระแสเลือดกระจายไปยังอวัยวะต่าง ๆ อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
สาเหตุ
เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเริม หรือเฮอร์ปีส์ซิมเพล็กซ์ (herpes simplex virus/HSV) ซึ่งมีอยู่ 2 ชนิด ได้แก่ ไวรัสเริมชนิดที่ 1 (HSV-1) กับไวรัสเริมชนิดที่ 2 (HSV-2) เชื้อเริมทั้ง 2 ชนิดนี้สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อได้ทั้งบริเวณผิวหนังทั่วไป ช่องปาก อวัยวะเพศ และเยื่อเมือกต่าง ๆ ติดต่อโดยการสัมผัสโดยตรง ผ่านทางรอยถลอกของผิวหนัง หรือทางเยื่อเมือก (เช่น เยื่อบุตา ช่องปาก องคชาต ช่องคลอด ปากมดลูก ทวารหนัก) ดังนั้น ผู้ที่คลุกคลีใกล้ชิดกัน เช่น เด็กในสถานรับเลี้ยงเด็กหรือโรงเรียน สามีภรรยา สมาชิกในครอบครัว มีโอกาสติดเชื้อเริมได้ง่าย
สำหรับโรคเริมที่อวัยวะเพศ ซึ่งเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดของอาการเป็นแผลที่อวัยวะเพศ ถือเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่ง
ระยะฟักตัว สำหรับการติดเชื้อครั้งแรกประมาณ 2-20 วัน
เมื่อหายจากโรค เชื้อเริมจะเข้าไปหลบซ่อนที่ปมประสาทในบริเวณใต้ผิวหนังหรือเยื่อบุ และแฝงตัวอยู่อย่างสงบ แต่เมื่อมีปัจจัยกระตุ้น เช่น เป็นไข้ ถูกแดดจัด ร่างกายอิดโรย อารมณ์เครียด วิตกกังวล การมีประจำเดือน การตั้งครรภ์ การได้รับบาดเจ็บหรือผ่าตัดบริเวณใบหน้า การทำฟัน ภูมิคุ้มกันต่ำ เป็นต้น เชื้อเริมที่แฝงตัวอยู่นั้นจะเกิดการแบ่งตัวเจริญเติบโตเกิดการปลุกฤทธิ์คืน (reactivation) ทำให้เกิดการติดเชื้อซ้ำ ซึ่งสามารถเป็นได้บ่อย ๆ สำหรับเชื้อไวรัสเริมชนิดที่ 1 มักจะทำให้เกิดอาการกำเริบที่ปากมากกว่าอวัยวะเพศ ส่วนเชื้อไวรัสเริมชนิดที่ 2 เกิดอาการกำเริบที่บริเวณอวัยวะเพศมากกว่าปาก
ข้อมูลโรค: เริม (Herpes simplex) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/disease-conditions