ใครจะไปคิดว่าหนังถึงยุคที่หนังซอมบี้เกาหลี จะได้รับความนิยมขนาดนี้ ถ้าพูดถึงหนังซอมบี้เกาหลีแล้ว Train to Busan คงอยู่ในอันดับต้นๆเป็นแน่ เรื่องนี้ถือเป็นหนังเรือธงปลุกกระแสหนังซอมบี้แดนกิมจิเลยกว่าได้ จนทำให้มีหนังแดกกิมจิ หรือซีรีส์แนวๆนี้ตามออกมากันอีกมากมาย ซึ่งไม่ว่าจะแตกแยกย่อยมาแค่ไหน ก็คงไม่มีอะไรสามารถบิ้วความสนุกได้เทียบเท่า Train To Busan อีกแล้ว 4 ปีผ่านไปภาคต่อของเรื่องนี้ก็ได้เวลาฝ่า Covid-19 เข้าโรงในที่สุด
เนื้อเรื่องว่าด้วย 4 ปีให้หลังจากเหตุการณ์ในภาคแรก เมื่อเกาหลีได้เกิดเหตุไวรัสระบาดทั้งประเทศทำให้แต่ละคนต้องรีบหนีออกจากเมือง ออกจากประเทศให้เร็วที่สุด เพราะสุดท้ายแล้ว ประเทศเกาหลีใต้ก็ถูกทำให้เป็นเขตกักกันในที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อร้ายและซอมบี้ ออกไปแพร่กระจายในจุดต่างๆของโลก ซึ่งในเมื่อเกาหลีถูกปล่อยร้างแล้ว เงินตราต่างๆ ที่เคยถูกขนย้ายในช่วงเวลาโกลหน ได้ถูกทิ้งไว้ ทำให้บางคนอยากที่จะฉวยโอกาสนี้ กลับเข้าไปขนเงินออกมา ทำให้เกิดเรื่องราวต่างๆในภาคนี้
จะว่าไปแล้วผมรู้สึกดีนะที่ทางผู้สร้างเลือกที่จะเปลี่ยนโทนหนังจากหนังดราม่าครอบครัว ไปเป็นแนวแอคชั่น Fast & Furious จัดหนังฉากซิ่งหนีซอมบี้ ที่เรียกได้ว่า โดมินิค โทแรตโต้ คงได้มาเทียบเชิญไปเข้าแก๊งค์แน่ๆ เป็นอะไรที่ดูสนุกมากจริงๆ แต่ก็ไม่วายด้วยความที่เป็นหนังเกาหลี คงจะหนีไม่พ้นปม และเรื่องราวดราม่าสไตล์ไทยประกันชีวิต ที่ใส่เข้ามาในช่วงท้าย แต่ด้วยความที่จุดนี้มันเหมือนใช้ซ้ำจากภาคก่อนมาก ทำให้ผมเองไม่ค่อยอินเท่าไหร่ ออกแนวๆรำคาณด้วยซ้ำไป เหมือนกับว่าทางผู้สร้างจงใจยัดเยียดฉากดราม่าเพื่อดึงเวลาหนังออกไปอีกซักหน่อย แทนที่จะสามารถตัดจบได้เร็วกว่านั้น 5-10 นาทีเลยทีเดียว 7.5/10
ภาคต่อของหนังซอมบี้น้ำดีอย่าง Train to Busan ที่เรียกได้ว่าปลุกกระแสหนังซอมบี้หลังจากซบเซามานาน ให้มีคนมาสนใจและติดตามเยอะมากๆ แถมยังปลุกกระแสหนังเกาหลีในไทยให้บูมอีกแบบสุดๆ
รีวิวหนัง Train to Busan : Peninsula – ฝ่านรกซอมบี้คลั่ง ดูเพิ่มเติมที่นี่ http://ดูหนังออนไลน์.video/