หอพักขอนแก่น,หอพัก ขจรศักดิ์ ขอนแก่น, หอพัก ศศิธร ขอนแก่น, หอพัก ถูก ขอนแก่น, หอพัก อยู่สบาย ขอนแก่น หน้าค่าย ร.8 ใกล้สนามบินขอนแก่น,

ผู้เขียน หัวข้อ: การประเมินมูลค่าสินค้าคงคลัง  (อ่าน 504 ครั้ง)

Trebs15

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 68
    • ดูรายละเอียด
การประเมินมูลค่าสินค้าคงคลัง
« เมื่อ: พฤษภาคม 19, 2021, 04:31:38 pm »

การประเมินมูลค่าสินค้าคงคลัง



การประเมินมูลค่าทรัพย์สินต่างๆในโลกนี้นั้น มีหลากหลายรูปแบบและหลากหลายสิ่งมาก ทุกคนคงจะเคยได้ยินแต่การประเมินที่ดิน บ้าน และคอนโด เป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น โรงเรียนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทย จึงขอยกเรื่องการประเิมนมูลค่าสินคาคงคลัง เพื่อนำเอามาถ่ายทอดเป็นความรู้ ให้กับทุกๆท่านได้อ่านกัน

การประเมินมูลค่าสินค้าคงคลัง คือเครื่องช่วยให้วิสาหกิจสามารถจัดหาเงินสำหรับการจัดหาสินค้าที่ประกอบเป็น สินค้าคงคลัง สินค้าคงเหลือ ซึ่งมักจะเป็นสินทรัพย์ในปัจจุบันที่สำคัญที่สุดของวิสาหกิจนั้นๆ และจำเป็นต้องมีการวัดมูลค่าที่เหมาะสมเพื่อให้มั่นใจว่างบการเงินนั้นถูกต้อง หากสินค้าคงคลังไม่ได้รับการวัดอย่างเหมาะสม ค่าใช้จ่าย และ รายได้ จะไม่สามารถจับคู่ได้อย่างเหมาะสม และวิสาหกิจดังกล่าวก็อาจทำการตัดสินใจทางธุรกิจได้ไม่ดี มีความเสี่ยงต่อธุรกิจนั้นๆได้

สินค้าคงคลังที่กล่าวถึงนี้อาจจะเป็นสินค้าใดๆ ก็ได้ของวิสาหกิจนั้นๆ ที่ผ่านมาสถาบันการเงินก็มักอำนวยสินเชื่อให้กับวิสาหกิจต่างๆ เพื่อให้มีเงินหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจ โดยเอาสินค้าคงคลังของวิสาหกิจบางส่วนมาค้ำประกัน เช่น ถ้าวิสาหกิจหนึ่งไปกู้เงินของสถาบันการเงินมา สถาบันการเงินก็ต้องพิจารณาว่าวิสาหกิจนั้นมีสินค้าคงคลังสอดคล้องกับเงินกู้หรือไม่ และให้มีการตรวจนับจำนวนสินค้าคงคลังทุกระยะ เช่น ทุกเดือน เพื่อให้มั่นใจว่ามูลหนี้กับสินค้าคงคลังนั้นสอดคล้องหรือใกล้เคียงกัน

สำหรับราคาอ้างอิงสินค้าต่างๆ ก็อาจพิจารณาจากราคาตลาด หรือราคากลางเป็นสำคัญ เช่น ราคาข้าว ก็อาจใช้ราคาของสมาคมโรงสีข้าวไทย (https://bit.ly/3efoanv)  ก็มีราคาข้าวสารและราคาข้าวเปลือกรายจังหวัด หรือราคากลางของสินค้าเกษตรประเภทต่างๆ ตามการแจกแจงรายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือนของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (https://bit.ly/3nOXcGH) เป็นต้น รวมทั้งจากแหล่งที่เชื่อถือได้อื่นๆ ซึ่งหาได้ไม่ยากในประเทศไทย




วิธีการประเมินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเช่น the First-In, first-Out (FIFO) ซึ่งวิธีนี้จะถือว่าหน่วยแรกที่เข้าสู่สินค้าคงคลังเป็นการขายครั้งแรก ตัวอย่างเช่น สมมติว่าร้านเบเกอรี่ผลิตขนมปัง 200 ก้อนในวันจันทร์ ในราคาชิ้นละ 100 บาทและอีก 200 ก้อนในวันอังคารที่ราคาชิ้นละ 125 บาท FIFO ระบุว่าหากร้านเบเกอรี่ขายได้ 200 ก้อนในวันพุธ ต้นทุนของสินค้าที่ขาย จะอยู่ที่ 100 บาทต่อก้อน (บันทึกในงบกำไรขาดทุน) เนื่องจากเป็นต้นทุนของแต่ละก้อนแรกในสินค้าคงคลัง  ส่วนราคา 125 บาทต่อก้อนจะถูกจัดสรรให้กับสินค้าคงคลังที่สิ้นสุด (https://bit.ly/3nPQQXC)

ที่ผ่านมาในประเทศไทย สถาบันการเงินใช้บริการการประเมินมูลค่าสินค้าคงคลังอยู่เสมอ โดยเฉพาะกิจการที่เกี่ยวกับสินค้าเกษตร รวมทั้งสินค้าประเภทอื่น และยังกำหนดให้มีการตรวจนับสินค้าคงคลังเป็นระยะๆ เช่นตรวจนับทุกเดือน เพื่อตรวจสอบสินค้าคงคลังในฐานะหลักประกันให้ใกล้เคียงกับเงินกู้  อย่างไรก็ตามสินค้าคงคลังก็มีการหมุนเวียนอยู่อย่างสม่ำเสนอ ตามการดำเนินการของธุรกิจแทบทุกประเภท การตรวจนับจึงต้องอาศัยความแม่นยำและความน่าเชื่อถือของผู้ประเมินค่า

มีหลายกรณีที่จากการตรวจสอบปรากฏว่าปริมาณสินค้าคงคลังต่ำกว่าที่กำหนดไว้มาก เช่น เหลือเพียงครึ่งหนึ่ง หรือเหลือเพียงหนึ่งในสาม ซึ่งผู้ประเมินก็ต้องรายงานไปตามความเป็นจริง   ถ้าผู้ไปสำรวจและประเมินค่าขาดความซื่อสัตย์ หรือผู้บริหารของบริษัทประเมินนั้นๆ ขาดความซื่อสัตย์ ก็อาจทำให้เกิดปัญหากับทั้งสถาบันการเงิน หรือลูกค้าของสถาบันการเงินนั้นๆ ได้  อาจทำให้วิสาหกิจนั้นๆ ขาดสภาพคล่อง และทำให้สถาบันการเงินต้องรับภาระหนี้ เป็นต้น

ดังนั้น การประเมินมูลค่าสินค้าคงคงจะเป็นช่วยให้สินค้าคงคลังที่อยู่ในหลักประกัน มีมูลค่าใกล้เคียงกับเงินกู้ที่ทำไว้กับสถาบันทางการเงินนั่นเอง


สามารถติดต่อและสอบถามรายละเอียดของบริการได้ที่
โทร.02-295-3905 ต่อ 114 (K.สัญชัย)
Email : lek2@trebs.ac.th
Line ID : @areavaluation หรือคลิก https://lin.ee/8pZYu1C

ขอขอบคุณ: AREA แถลง ฉบับที่ 340/2564: วันพฤหัสบดีที่ 06 พฤษภาคม 2564


[Tag] : ประเมินค่าทรัพย์สิน , ประเมินมูลค่า , ประเมินค่า , ประเมินราคาคลังสินค้า , ราคาคลังสินค้า , การประเมินราคาคลังสินค้า , ประเมินทรัพย์สิน , ประเมินมูลค่าคลังสินค้า , คลังสินค้า
บันทึกการเข้า