ปัจจุบันพบผู้ป่วย “โรคเกาต์” ในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้อง มีผู้ป่วยจำนวนมากเกิดภาวะแทรกซ้อนซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำงานและเป็นอันตรายต่อชีวิต
โรคเกาต์ เป็นโรคข้ออักเสบชนิดหนึ่งซึ่งเกิดจากการสะสมของกรดยูริคในร่างกาย จนเกิดการตกผลึกของเกลือยูเรตในข้อและเกิดการอักเสบของข้อตามมา โรคเกาต์มักพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิงโดยในเพศชาย มักเป็นในวัยกลางคนขึ้นไป ส่วนเพศหญิงมักพบหลังจากหมดประจำเดือนแล้ว
อาการ
เริ่มแรกผู้ป่วยมักมีอาการปวด บวม แดง และ กดเจ็บบริเวณข้อนิ้วหลังตื่นนอนตอนเช้า ตำแหน่งที่พบบ่อยจะเป็นที่ข้อนิ้วหัวแม่เท้า ข้อเท้า และข้อเข่าก่อน ผู้ป่วยอาจมีอาการไข้ร่วมด้วย อาการปวดข้อมักเป็นอยู่ประมาณ 3 – 5 วัน หากมีอาการรุนแรง ผู้ป่วยจะไม่สามารถขยับและเคลื่อนไหวข้อนั้นได้
ในผู้ป่วยที่เป็นโรคเกาต์มานาน และไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง จะเกิดผลึกของเกลือยูเรตสะสมในบริเวณข้อ เกิดเป็นก้อนที่เรียกว่า “โทฟัส” ที่จะค่อยๆทำลายข้อ ทำให้เกิดความพิการตามมาได้ นอกจากนี้อาจเกิดการสะสมที่อวัยวะอื่น เช่น ที่ผิวหนังหรือหากสะสมที่ไตจะทำให้เกิดนิ่วในไตหรือเกิดไตวายเรื้อรังได้ เป็นต้น
การปฏิบัติตนสำหรับผู้ป่วยโรคเกาต์
1.ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์และรับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งหากผู้ป่วยใช้ยาแก้ปวดไม่ถูกต้อง อาจส่งผลเสียต่อตับหรือไตได้
สุขภาพดี : การดูแลสุขภาพผู้ป่วยโรคเกาต์ ดูเพิ่มเติมที่นี่ http://สุขภาพ.cc/